ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 113 บนประกาศชิงอวิ๋นมีคนใหม่ (2)
เสียงนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง กังวานอย่างยิ่ง มาจากด้านในของพระราชวังหลี มองจากทิศทางคงมาจากตำหนักประกาศการศึกษา คงจะใช้ค่ายกลในการส่งเสียงประกาศ
ผู้คนมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนได้ยินไม่ผิดเพี้ยน ครั้นแล้วทั้งสองข้างพลันเงียบเป็นเป่าสาก หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ถึงจะมีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมา หลังจากนั้นมีเสียงฮือฮาดังขึ้น! จนกระทั่งถึงเวลานี้เอง ผู้คนในที่เกิดเหตุถึงรู้สึกตัว รู้ว่าเกิดเรื่องราวสิ่งใดขึ้น ที่แท้ห่านป่าแดงก่อนหน้านี้นำข่าวสารมาจากที่ไกลโพ้น คาดไม่ถึงประกาศชิงอวิ๋นจะจัดลำดับใหม่!
“ประกาศชิงอวิ๋นเปลี่ยนอันดับ!” มีนักเรียนคนหนุ่มจำนวนมากตกตะลึงตะโกนออกมา
ชัดเจนว่าเพิ่งเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น เหตุใดประกาศชิงอวิ๋นถึงเปลี่ยนลำดับแล้ว
หลายปีก่อน เผ่ามารบุกรุกทางทิศใต้ เพื่อกระตุ้นการมานะบากบั่นการฝึกบำเพ็ญเพียรของคนหนุ่มผู้แกร่งกล้า ให้มีความกล้าหาญที่จะช่วงชิงอยู่อันดับต้นๆ โดยอำนาจอันดับต้นๆ ของนิกายหลวงทุกแห่งเริ่มก่อตั้งการจัดอันดับ ภายหลังจึงเพิ่มผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรเผ่าปีศาจ โดยมีหอความลับสวรรค์เป็นผู้รับผิดชอบในการประกาศการจัดลำดับ แต่ไหนแต่ไรไร้คนจะสงสัยในความเที่ยงตรงของการจัดลำดับ เพราะว่าในประกาศทุกครั้งคือผู้อาวุโสของหอความลับสวรรค์เป็นผู้ตัดสินชี้ขาดด้วยตนเอง
เป็นผู้นำของลมฝนแปดทิศทาง ผู้อาวุโสของหอความลับสวรรค์มีสติปัญญาและความรู้ที่แตกฉานและยังมีคุณธรรมสูงส่ง ได้รับความเคารพศรัทธาของผู้คน
ในการประกาศของหอความลับสวรรค์ มีประกาศเซียวเหยา ประกาศเตี่ยนจิน ประกาศชิงอวิ๋นทั้งสามประกาศที่มีชื่อเสียงที่สุด และเป็นประกาศฟ้า ดิน มนุษย์ทั้งสามตามเรื่องเล่าขานในโลกมนุษย์
เพื่อรักษาความหมายเดิมเมื่อครั้งสร้างการจัดลำดับของผู้แกร่งกล้า หลีกเลี่ยงผู้แกร่งกล้าเข่นฆ่ากันเพื่อชื่อเสียง ตัดกำลังที่จะต่อสู้กับเผ่ามาร เริ่มจากหลายปีก่อน ประกาศเซียวเหยามีการประกาศในพื้นที่เล็กๆ ได้เพิ่มประกาศเตี่ยนจิน หลังจากนั้นก็มีประกาศชิงอวิ๋น เพื่อปลุกความมานะบากบั่นในการแย่งชิงลำดับต้นๆ ต่อผู้มีพรสวรรค์หนุ่มน้อย ถึงจะป่าวประกาศไปทั่วทั้งใต้หล้า ถึงจะปรากฏบนแผ่นหินของสำนักไม้เลื้อยทั้งหกรวมถึงพรรคฉางเซิงรวมถึงสำนักและพรรคต่างๆ ในขณะนี้
การเปลี่ยนอันดับของประกาศชิงอวิ๋นไม่มีกฎในการกำหนดเวลาแน่นอน ทว่าหลายปีมานี้ ได้กลายเป็นความเคยชินบางอย่าง ทุกปีจะเปลี่ยนแปลงหลังจากการสอบใหญ่ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งครั้ง นอกจากนี้เป็นสามปีหรือว่าห้าปีหลังจากการประชุมใหญ่จู่สือก็จะเปลี่ยนอันดับ โดยพื้นฐานแล้วก็จะเป็นหนึ่งปีต่อการประกาศหนึ่งครั้ง น้อยอย่างยิ่งที่จะมีเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองปีมานี้ ประกาศชิงอวิ๋นเปลี่ยนอันดับก่อนเพียงแค่สองครั้ง
การเปลี่ยนอันดับก่อนทั้งสองครั้งนั้น ต่างก็เป็นเพราะเหตุการณ์พิเศษ เพราะว่ามีผู้มีพรสวรรค์ปรากฏตัวกะทันหันเกินไป สุกใสเป็นประกายยิ่งนัก ถ้าหากไม่เปลี่ยนทันท่วงที ความเที่ยงธรรมของประกาศชิงอวิ๋นจะถูกเป็นที่สงสัย และอำนาจของผู้อาวุโสหอความลับสวรรค์จะได้รับสั่นคลอนเป็นแน่ จนกระทั่งผู้มีพรสวรรค์ที่อยู่ในประกาศก่อนหน้า ต่างก็รู้สึกว่าทำไม่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม
หลายปีก่อนสาเหตุที่ประกาศชิงอวิ๋นเปลี่ยนอันดับก่อน เป็นเพราะชิวซานจวิน ช่วงใกล้ๆ นี้สาเหตุที่เปลี่ยนก่อน ก็เป็นเพราะว่าสวีโหย่วหรง…ต้นฤดูใบไม้ผลิหลังจากการสอบใหญ่สิ้นสุดลง ประกาศชิงอวิ๋นได้เปลี่ยนไปแล้วหนึ่งครา ปีนี้มิได้มีการประชุมใหญ่จู่สือ เพราะเหตุใดปลายฤดูใบไม้ร่วงอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนลำดับใหม่เล่า หรือว่า ปีนี้จะมีคนดังเช่นชิวซานจวินกับสวีโหย่วหรงปรากฏออกมาหรือ
เสียงตกตะลึงทั้งสองข้างทางเดินค่อยๆ หยุดลง ผู้คนยังคงประหลาดใจยากที่จะระงับได้ ในใจครุ่นคิดระยะนี้เกิดเรื่องอันใด การชุมนุมไม้เลื้อยรึ มิใช่ การชุมนุมไม้เลื้อยต่างก็จัดมาทุกปี อีกทั้งยังเป็นเพียงการทดลองประลองของการสอบใหญ่แค่นั้น แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้ยินว่าจะส่งผลกระทบต่อลำดับของประกาศชิงอวิ๋น มีบางคนหันไปมองเซวียนหยวนผ้อตามจิตสำนึก ความไม่เข้าใจในจิตใจกับความงงงวยยิ่งดำดิ่งลึกลงไป
ขณะนี้เซวียนหยวนผ้อก็ตกตะลึงยิ่งนัก เขาเป็นหนุ่มน้อยเผ่าปีศาจที่ซื่อตรงตั้งแต่เยาว์วัยเติบโตอยู่ในป่าเขา ทว่าถึงแม้จะไม่รู้ความอย่างไร ก็คงจะไม่มีทางไม่รู้จักประกาศชิงอวิ๋น นั่นเป็นประกาศที่คนหนุ่มทั่วทั้งใต้หล้าคาดหวังที่จะอยู่บนนั้น อีกทั้งยังเคยเป็นเป้าหมายอันน่าบากบั่นของเขา เพียงแค่เขาไม่เข้าใจ ตนเองจะอยู่บนประกาศชิงอวิ๋นได้อย่างไร
ถึงแม้เขาจะอยู่อันดับ 148 ของประกาศชิงอวิ๋น ตามลำดับการประกาศและประเพณีที่ผ่านมา คงเป็นลำดับสุดท้าย คล้ายกับว่าจะไม่สะดุดตาแล้วเป็นอย่างไร ทว่าต้องรู้ว่า นอกจากเผ่ามาร เผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจผู้แกร่งกล้าที่มีอายุยี่สิบปีลงมา ต่างมีคุณสมบัติที่จะช่วงชิงตำแหน่งบนประกาศชิงอวิ๋น ต้องการอยู่บนประกาศชิงอวิ๋น เป็นเรื่องที่ยากลำบากไร้ที่เปรียบ บรรดาสำนักที่อยู่ในจิงตู ปรารถนาที่จะอยู่ในประกาศชิงอวิ๋น เป็นสิ่งที่สืบเนื่องกันมาตลอด ส่วนความยากในการขึ้นอยู่บนประกาศ หากสามารถอยู่บนประกาศได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
แน่นอนว่า ชิวซานจวิน โก่วหานสือและยังมีผู้มีพรสวรรค์ที่ราวกับเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ ไม่กี่คน ก่อนอายุยี่สิบปีก็สามารถเข้าอยู่บนประกาศเตี่ยนจินก่อนได้ ทว่านั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เซวียนหยวนผ้อเองก็ไม่เข้าใจเพราะเหตุใดถึงอยู่บนประกาศชิงอวิ๋นได้ เป็นธรรมดาที่คนอื่นก็ไม่เข้าใจ มีนักเรียนจำนวนมากที่รู้จักเซวียนหยวนผ้อ รู้ว่าเขาเป็นนักเรียนที่มีความสำคัญของสำนักเด็ดดารา ทว่าในการชุมนุมไม้เลื้อยค่ำคืนแรกก็ไม่ได้แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์แต่อย่างใด ถูกเทียนไห่หยาเอ๋อร์ทำให้พิการ แม้แต่แพทย์หลวงกับนักบวชในสำนักเด็ดดาราต่างยอมรับว่าไร้หนทางรักษา ตอนนี้ทำไมอยู่ๆ กลับเข้าไปอยู่ประกาศชิงอวิ๋นได้เล่า
ถังซานสือลิ่วเขย่งเท้าไปตบไหล่เซวียนหยวนผ้อ ทำให้อากัปกิริยาที่ยังคงมึนงงโง่งมของหนุ่มน้อยได้สติขึ้นมา กล่าวออกมาจากใจจริง “ไม่เลว ระยะนี้เจ้าทำสิ่งใดลงไป ยามกลางคืนแอบปีนกำแพงไปต่อสู้กับผู้ใด หรือว่าเจ้าไปต่อสู้ที่สำนักเด็ดดารามารึ”
บนทางเดินมีผู้คนจำนวนมากต่างก็คิดดังเช่นถังซานสือลิ่ว มองแล้ว อาการบาดเจ็บของเซวียนหยวนผ้อคงหายดีแล้ว อีกทั้งต่อสู้เป็นการส่วนตัวกับหนุ่มน้อยที่อยู่บนประกาศมาแล้ว เช่นนี้คงจะมีความเป็นได้ที่จะอยู่ในประกาศชิงอวิ๋น สำหรับเรื่องส่วนตัวแล้วหอความลับสวรรค์จะรู้ได้อย่างไรเล่า นี่ไม่ต้องการการอธิบาย มีพลังของเผ่ามนุษย์บนโลกใบนี้กับพลังที่สนับสนุนทั้งหมดของเมืองไป๋ตี้ หอความลับสวรรค์ต่างรอบรู้เรื่องราวบนโลกใบนี้ทุกเรื่อง
ถังซานสือลิ่วมองไปทางเฉินฉางเซิง กล่าวว่า “เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บเขาหายดีตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุใดไม่บอกกล่าวสักคำเล่า อย่างน้อยจะได้ดื่มสุราเพื่อยินดีเสียหน่อย”
“ดื่มสุราไม่ดีต่อสุขภาพ” เฉินฉางเซิงเคยชินที่จะอธิบายหนึ่งประโยค หลังจากนั้นได้สติ ส่ายศีรษะพลางกล่าวต่อ “อาการบาดเจ็บของเซวียนหยวนผ้อแท้จริงแล้วกำลังค่อยๆ ดีขึ้น ทว่ายังไม่หายเป็นปกติ”
ถังซานสือลิ่วขมวดคิ้ว เอ่ยกับเซวียนหยวนผ้อ “ในเมื่ออาการบาดเจ็บยังไม่หายเป็นปกติ ก็ไม่ต้องต่อสู้กับผู้ใด ช่วงชิงตำแหน่งมาเพียงแค่ลำดับเดียว ไม่มีความหมายหรอก”
เซวียนหยวนผ้อส่ายศีรษะ “ทุกวันข้าอยู่สำนักฝึกหลวงทำอาหารกินอาหารกับพวกเจ้า ที่จริงไม่ได้ออกไปไหน”
ถังซานสือลิ่วตกตะลึง “เช่นนั้นเจ้าอยู่บนประกาศชิงอวิ๋นได้อย่างไรเล่า”
เซวียนหยวนผ้อกล่าวด้วยความสัตย์จริง “ข้าก็ไม่รู้”
ถังซานสือลิ่วตกตะลึงไร้คำพูด ในใจครุ่นคิดเจ้าเด็กผู้นี้มาจากเผ่าปีศาจไกลโพ้นหมื่นลี้เพิ่งมาถึงดินแดนมนุษย์ไม่ถึงครึ่งปี อาการบาดเจ็บก็ยังไม่หายเป็นปกติ การต่อสู้ก็ยังไม่เคยมีสักครา ก็เข้าไปอยู่ในประกาศชิงอวิ๋น หรือเป็นเพราะว่าผู้อาวุโสหอความลับสวรรค์เลอะเลือน หรือว่าเจ้าเด็กผู้นี้เป็นบุตรชายลับๆ ของจักรพรรดิขาว เช่นนั้นหรือว่าเขาจะเป็นพี่น้องต่างมารดากับลั่วลั่ว แต่ว่าค่ำคืนนี้นั้นท่าทางของทั้งสอง ไม่เหมือนกัน…
ความคิดของเขาเตลิดไปไกล ความคิดของผู้คนที่อยู่ข้างทางเดินก็ไปยังที่ไกลโพ้น
การจินตนาการเรื่องราวมักจะรวดเร็วเสมอ ในความเป็นจริงไม่ได้ใช้เวลานานเท่าใด หลังจากเสียงดังอึกทึก ข้างทางเดินทั้งสองข้างก็เงียบเชียบลงอย่างรวดเร็ว
ตำหนักประกาศการศึกษาของพระราชวังหลียังคงส่งเสียงประกาศอย่างต่อเนื่อง
เสียงนั้นกระจ่างชัดเจน ราวกับสายลมฤดูใบไม้ร่วงที่เย็นสบายสดชื่นก็มิปาน
การวิเคราะห์ที่หอความลับสวรรค์มีต่อเซวียนหยวนผ้อ ง่ายดายยิ่งนัก ฟังแล้วก็เย็นสบายสดชื่นอย่างยิ่ง
“พลังปราณแท้เปี่ยมล้น พละกำลังมหาศาล อาการบาดเจ็บเกือบจะเป็นปกติ ถ้าหากเสาะแสวงหาวิชาลับได้ ช่วงเวลานี้ โชคชะตาดีงาม พบเจออาจารย์ยอดเยี่ยมที่จิงตู ด้วยเหตุนี้จึงได้อยู่อันดับสุดท้าย”
วัตถุประสงค์สำคัญที่สุดของประกาศชิงอวิ๋นก็คือกระตุ้นความมานะบากบั่นที่จะมุ่งไปข้างหน้าของบรรดาผู้มีพรสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่ประกาศลำดับใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถกเถียง ล้วนแต่ให้การวิเคราะห์ หรืออาจจะกล่าวว่าเป็นเหตุผล คำพูดที่สั้นไม่กี่ประโยคเหล่านั้นมีภาษาที่ง่ายดาย ทว่ากลับประณีตยอดเยี่ยม อีกทั้งผู้คนยังศรัทธา เพราะว่าประโยคเหล่านั้น เป็นผู้อาวุโสหอความลับสวรรค์เขียนด้วยตนเอง
ความหมายของประโยคนี้ก็คือ ศักยภาพการฝึกบำเพ็ญเพียรของเขาดีงามอย่างยิ่ง พละกำลังทำให้ผู้คนตกตะลึง ถูกเทียนไห่หยาเอ๋อร์ทำให้แขนขวาพิการแต่ก็รักษาหายได้ หลังจากหายเป็นปกติ ถ้าหากสามารถฝึกบำเพ็ญเพียรเหมาะสมกับวิชาลับของผู้แกร่งกล้าเผ่าปีศาจตน อนาคตก็มีความหวัง ข่าวสารสำคัญที่สุดของประโยคนี้ก็คือ เขาพบเจออาจารย์ที่ดีอย่างยิ่งอยู่ที่จิงตู
เซวียนหยวนผ้อฟังอย่างตั้งใจ ในใจครุ่นคิดอาจารย์ของตนก็คือลั่วลั่ว เช่นนั้นก็เป็นธรรมดาที่จะดีอย่างยิ่ง…ดีอย่างยิ่ง และอาจารย์ขององค์หญิง…เขาหันไปมองเฉินฉางเซิงตามจิตสำนึก เวลานี้เอง ถังซานสือลิ่วก็เข้าใจความหมายการวิเคราะห์ของหอความลับสวรรค์ จ้องมองไปยังเฉินฉางเซิง อดไม่ได้จะถอดทอนใจพลางส่ายศีรษะ
มีเพียงแค่คนของสำนักฝึกหลวงถึงจะเข้าใจเรื่องนี้ คนอื่นไม่เข้าใจ กำลังคิดว่าอาจารย์ของเซวียนหยวนผ้อคือผู้ใด เมื่อได้ยินประโยคที่ว่าหลังจากฝึกบำเพ็ญเพียรเหมาะสมกับวิชาลับของผู้แกร่งกล้าเผ่าปีศาจตน มีคนสังเกตเห็นจินอวี้ลวี่ที่ยืนอยู่ข้างหนุ่มน้อยสำนักฝึกหลวงทั้งสาม เพียงชั่วพริบตาพลันรู้สึกเข้าใจ คิดว่าเข้าใจความหมายของหอความลับสวรรค์ ถึงแม้ยังมีคนอีกจำนวนมากไม่เข้าใจเพราะเหตุใดหอความลับสวรรค์ถึงให้เซวียนหยวนผ้อเข้าไปอยู่ในประกาศชิงอวิ๋น ทว่าเมื่อได้ยินคำวิเคราะห์ที่ผู้อาวุโสหอความลับสวรรค์เขียนด้วยตนเอง ถึงแม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ก็ไม่มีผู้ใดอาจหาญกล่าวซักถามออกไป อีกทั้งพวกเขาจะมีกะจิตกะใจใส่ใจเซวียนหยวนผ้อได้อย่างไร
บุญคุณความแค้นระหว่างสำนักฝึกหลวงกับบรรดาสำนักไม้เลื้อย การหมั้นหมายระหว่างเฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรง จนกระทั่งเป็นการหยั่งเชิงและคุมเชิงระหว่างอำนาจเก่าใหม่ของราชวงศ์ต้าโจวทั้งสองล้วนผ่านพ้นไป วันนี้ต่างก็มิใช่เรื่องสำคัญที่ผู้คนจะให้ความใส่ใจ จากจิงตูจนถึงเมืองไป๋ตี้ จากเทือกเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์จนถึงหุบเขาไร้พรมแดน จากเขาหลีซานจนถึงสำนักต้นไหว แม้กระทั่งเมืองเสวี่ยเหล่าที่ไกลโพ้น ทุกคนต่างก็ใส่ใจแต่กับเรื่องนี้
ประหนึ่งทุกครั้งที่ผ่านพ้นไป วันที่ประกาศชิงอวิ๋นได้จัดอันดับใหม่ สายตาของผู้คนทั่วทั้งต้าลู่ล้วนแต่ถูกดึงดูดอยู่บนเรื่องนี้ ทุกคนล้วนแต่ได้ยินรายชื่อบนประกาศทีละคนทีละคน ประกาศชิงอวิ๋นเปลี่ยนแปลงฉับพลันในปลายฤดูใบไม้ร่วง จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เป็นธรรมดาที่ผู้คนจะตั้งใจเพิ่มขึ้น
ป่าฤดูใบไม้ร่วงสองข้างทางเดินทั่วทั้งผืนเงียบเชียบ มีเพียงเสียงสายลมที่พัดผ่านป่าไม้ มีเพียงเสียงนกที่กำลังจิกกินอาหาร อาจารย์และนักเรียนของหลายสำนัก รวมไปถึงนักบวชพระราชวังหลีเหล่านั้นที่มาดูความคึกคัก ต่างก็จ้องมองไปยังทิศทางของตำหนักประกาศการศึกษา ตั้งใจฟังเสียงที่ดังออกมาอย่างยิ่งยวด ไม่ให้พลาดแม้แต่คำเดียว
เสียงที่มาจากตำหนักประกาศการศึกษาไม่หยุดนิ่ง ทั่วทั้งจิงตูต่างก็ได้ยินรายชื่อของคนหนุ่มแต่ละคน
รายชื่อเหล่านั้นมีทั้งคุ้นหู มีทั้งที่แปลกประหลาด มีรายชื่อผู้มีพรสวรรค์ที่เคยได้ยินมานานแล้ว และก็มีเจ้าเด็กที่เป็นดังเช่นเซวียนหยวนผ้อไม่รู้ว่าโผล่มาจากป่าเขาแห่งใด นักบวชของสำนักจวนราชวังหลีถึงขนาดที่ว่าได้ยินรายชื่อนักเรียนที่เข้ามาอยู่สำนักจวนราชวังหลีหลังจากผ่านการเตรียมใหญ่ ยินดีจนจะดึงเคราของตนหลุด
นอกจากรายชื่อเหล่านี้ ทั่วทั้งต้าลู่ต่างเงียบนิ่ง
วันนี้ ที่พระราชวังหลี ที่สำนักต้นไหว ที่เมืองไป๋ตี้ ที่ทุกหนทุกแห่งของต้าลู่ ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากน้อยแค่ไหนที่กำลังฟังรายชื่อเหล่านี้ กำลังตื่นเต้น กำลังรอคอย มีคนสะอื้นไห้ มีคนยกมือขึ้น มีคนกำลังเฝ้าคำนึง มีคนธาตุไฟเข้าแทรกจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีผู้ใดไม่อยากอยู่ในประกาศ คนที่เคยอยู่ในประกาศ ก็ไม่อาจยอมรับผลที่ร่วงลงจากประกาศได้
นี่ก็คือประกาศชิงอวิ๋น