ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 134 ฟังเสียงลมในป่าใหญ่ (2)
พื้นที่ของป่าต้มเวลากว้างขวางอย่างยิ่ง ทว่าสำหรับบรรดาผู้ฝึกบำเพ็ญที่ชำระล้างกระดูกสำเร็จแล้ว เดินเพียงไม่นาน สิ่งสำคัญที่จะผ่านด่านป่าตงชิงผืนนี้ไปขึ้นอยู่กับการใช้ดวงจิตเสาะแสวงหาทางเดินเส้นนั้น ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีความมั่นใจในการเดินออกป่าที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ก่อนเท่านั้น ผู้เข้าสอบถึงจะเริ่มเข้าป่า ในทางกลับกันเหตุผลก็เฉกเช่นเดียวกัน ผู้เข้าสอบเมื่อเข้าป่าแล้วโดยพื้นฐานจะมีความมั่นใจว่าเขาสามารถเดินออกจากป่ากว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ได้ เพียงแค่ดูจากเวลายาวสั้นแค่นั้นเอง
ข่าวคราวที่มาจากสนามประลองยุทธ์ทำให้ผู้คนในตำหนักประจักษ์อักษรตกตะลึงเล็กน้อย เหมาชิวอวี่หยิบสมุดลงทะเบียนขึ้นมา พบว่าเวลาของเฉินฉางเซิงตั้งแต่เริ่มถอดดวงจิตจนถึงเข้าไปในป่ากว้างใหญ่ไพศาล สุดท้ายแล้วใช้เวลาสั้นกว่าเหลียงปั้นหูเล็กน้อย เฉินหลิวอ๋องที่มองอยู่ข้างๆ จึงเอ่ยด้วยความตกตะลึง “คาดไม่ถึงว่าดวงจิตของเฉินฉางเซิงจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
“ถ้าหากดวงจิตแข็งแกร่งเช่นนี้ เพราะเหตุใดจึงชำระล้างกระดูกไม่สำเร็จ”
ใบหน้าของเจ้าสำนักจวนราชวังหลีเอ่ยออกไปโดยไร้ความรู้สึก เดิมทีเขาไม่เชื่อว่าเฉินฉางเซิงจะมีดวงจิตที่แข็งแกร่งเช่นนี้
เฉินหลิวอ๋องไตร่ตรองชั่วครู่เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้มองเฉินฉางเซิง คล้ายกับว่าชำระล้างกระดูกสำเร็จแล้ว”
เจ้าสำนักจวนราชวังหลีแสยะยิ้มเอ่ยว่า “ถึงแม้ชำระล้างกระดูกสำเร็จแล้วจะเป็นเช่นไร ต้องใช้เวลายาวนานถึงจะสามารถชำระล้างกระดูกสำเร็จ ดวงจิตน่าจะธรรมดา เกรงว่าหนุ่มน้อยผู้นั้นเดิมทีก็ไม่เข้าใจในเส้นทางของป่าต้มเวลา จึงทุบกระปุกให้แตกละเอียด วิ่งเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า”
ด้านในตำหนักประจักษ์อักษรได้เงียบนิ่งอีกครา เพราะว่าเจ้าสำนักจวนราชวังหลีกล่าวมีเหตุผล เวลานี้ผู้เข้าสอบที่อยู่ในป่าต้มเวลาจำนวนหลายร้อยคน จะต้องมีจำนวนมากที่เป็นดังเช่นเขากล่าวมาเช่นนั้น เดิมทีไร้หนทางที่จะสืบหาได้อย่างชัดเจน ภายในความจนปัญญาจึงทำได้เพียงแค่เข้าไปในป่ากว้างใหญ่ไพศาล ปรารถนาจะอาศัยโชคชะตาเพื่อออกไปยังหนทางเส้นหนึ่ง เฉินฉางเซิงก็คงจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ผู้คนจับจ้องไปยังใต้เท้ามุขนายกที่นั่งอยู่ตรงกลาง ยังคงหลับตา ราวกับว่านอนหลับไปแล้ว ไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังกล่าวสิ่งใดอยู่เลย
เรื่องที่เกิดขึ้นต่อมา ทำให้สีหน้าของเจ้าสำนักจวนราชวังหลีเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างรวดเร็ว
ข่าวคราวในป่าต้มเวลาได้ส่งกลับมายังตำหนักประจักษ์อักษรอย่างต่อเนื่อง มีนักบวชท่านหนึ่งคลี่แผนที่ออกมาเพื่อทำเครื่องหมายก่อนหน้านี้ ใช้จุดแดงเพื่อแทนตำแหน่งของเฉินฉางเซิง หลังจากเข้าไปในป่ากว้างใหญ่ไพศาลก็มิได้หยุด ยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ถึงแม้เส้นทางจะคดเคี้ยว แต่ว่าทิศทางสุดท้ายแล้วมุ่งไปข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเร็วในการเคลื่อนไหวแน่นิ่ง หมายความว่าเขามีภาพในใจอยู่แล้ว อีกทั้งยังเชื่อมั่นในตนเองอย่างยิ่ง
ตามเวลาที่เดินไป จุดสีแดงที่เป็นตัวแทนตำแหน่งของเฉินฉางเซิงเคลื่อนไหวออกไปบริเวณด้านนอกป่าไม่หยุด เส้นทางที่เดินคล้ายกับว่าจะสลับซับซ้อน ทว่าในความเป็นจริงได้คำนวณไว้แล้วว่าเป็นเส้นทางที่ง่ายที่สุด ด้านในของตำหนักประจักษ์อักษรยิ่งนานยิ่งเงียบเชียบ ผู้คนจ้องมองเส้นทางที่อยู่ข้างหน้า ถึงแม้เวลานี้ยังคงมองไม่กระจ่างนัก แต่ก็เข้าใจคร่าวๆ แล้วว่าคงไม่เกิดปัญหาใดๆ เป็นแน่
อาจารย์ซินที่ยืนอยู่ด้านนอกตำหนักมาตลอดไม่รู้ว่าเห็นสิ่งใด เช็ดเม็ดเหงื่อที่ต้นคอ เผยให้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มออกมาเสี้ยวหนึ่ง
นักบวชได้ส่งข่าวสถานการณ์การประลองยุทธ์ล่าสุดอีกครั้ง จุดสีแดงสะดุดตาบนแผนที่ได้เคลื่อนไปทิศทางข้างหน้า เพียงแค่ว่าครั้งนี้ เคลื่อนไหวออกจากขอบเขตของป่าต้มเวลาแล้ว
ด้านในตำหนักประจักษ์อักษรยังคงเงียบเชียบ ใต้เท้ามุขนายกยังคงหลับตา มองไม่ออกว่ามีความกังวลใจใดๆ
เจ้าสำนักจวนราชวังหลีเงียบนิ่งมิได้เอ่ยสิ่งใด
เฉินหลิวอ๋องกล่าวถอดทอนหายใจออกมา “เจ้าเด็กคนนี้คิดไม่ถึงว่าดวงจิตจะแข็งแกร่งเพียงนี้ ใครจะคาดคิดก่อนหน้าได้เล่า”
แท้จริงแล้วไม่มีใครคาดคิด เฉินฉางเซิงที่ชำระล้างกระดูกไม่สำเร็จ คิดไม่ถึงจะมีดวงจิตที่แข็งแกร่งเพียงนี้
เหมาชิวอวี่เอ่ยออกมา “หลังจากการสอบใหญ่สิ้นสุดลง ไปถามขั้นตอนการจุดดาวโชคชะตาของเจ้าเด็กคนนั้นเสียหน่อย”
ผู้คนต่างพยักหน้าพร้อมเพรียงกัน เฉินฉางเซิงในเมื่อมีดวงจิตที่แข็งแกร่งเพียงนี้ การจุดดาวโชคชะตาเป็นธรรมดาที่จะไม่ธรรมดา แน่นอนว่าจะต้องบันทึกอย่างละเอียด เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของต้าโจว
แม้กลุ่มฝูงชนที่อยู่บริเวณด้านนอกพระราชวังหลีจะได้ข่าวคราวล่าช้ากว่าตำหนักประจักษ์อักษร แต่ก็รู้ข่าวคราวสถานการณ์ล่าสุดของการประลองยุทธ์อย่างรวดเร็ว จึงส่งเสียงร้องแสดงความยินดีทั่วทั้งผืน
ได้ยินเสียงโห่ร้องที่ดังมารางๆ ม่ออวี่เอ่ยกับเฉินหลิวอ๋อง “ไม่มีใครซื้อพนันว่าเฉินฉางเซิงสามารถเอาอันดับแรกได้ ท่านคิดว่าเพราะเหตุใดพวกเขาถึงโห่ร้องยินดี”
ท่าทางเฉินหลิวอ๋องตกตะลึงเล็กน้อย ปรารถนาจะเข้าใจเหตุผลที่อยู่ในนั้น ความยินดีเพิ่งจะก่อเกิด เพียงชั่วพริบตาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ม่ออวี่ยิ้มน้อยๆ มิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
ไม่มีผู้ใดซื้อพนันว่าเฉินฉางเซิงชนะ แต่เป็นเพราะเขาผ่านการประลองยุทธ์กลับยินดีเบิกบาน เป็นธรรมดาที่เป็นเพราะว่า ทุกคนต่างชัดเจนยิ่งนัก ในขั้นตอนการต่อสู้เฉินฉางเซิงไม่มีโอกาสใดๆ ในทางกลับกันหนุ่มน้อยสำนักฝึกหลวงผู้นี้จะไม่ทำให้ตนเองเสียเงิน กลุ่มฝูงชนเป็นธรรมดาที่ใจกว้างกู่ร้องยินดีแทนเขา
เดินออกมาจากป่ากว้างใหญ่ไพศาล สิ่งที่มาต้อนรับก็คือสายลมเย็นสบาย ทำให้เฉินฉางเซิงที่จิตใจอ่อนล้ากลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง สำหรับความตกตะลึงจนถึงขนาดที่ว่าดวงตาเผยความสั่นคลอนออกมา ถูกเขาตั้งใจไม่มอง นักบวชพระราชวังหลีที่รับผิดชอบคะแนนการประลองยุทธ์กับบรรดาผู้เข้าสอบเหล่านั้น จะคาดคิดได้อย่างไร คาดไม่ถึงว่าเขาจะออกมาได้รวดเร็วเพียงนี้ เฉินฉางเซิงใช้ระยะเวลาเพียงน้อยนิด ก็ออกจากป่าต้มเวลาได้ จนถึงขนาดที่ว่าใช้เวลาสั้นกว่าเหลียงปั้นหู เพียงแค่ขณะนี้ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่า เขากับหนุ่มน้อยเสื้อตัวเดียวที่ใช้ฐานะของนักเรียนสำนักเด็ดดาราเข้าร่วมการสอบใหญ่ ผู้ใดรวดเร็วกว่ากัน
หันหลังกลับไปมองในป่ากว้างใหญ่ไพศาล คิดไปถึงเวลาที่ใช้ดวงจิตก่อนหน้านี้ คล้ายกับว่าสามารถได้ยินเสียงคลื่นของใบไม้ได้รางๆ เขาจึงเงียบนิ่งชั่วครู่
ในการชุมนุมไม้เลื้อยรวมถึงประกาศชิงอวิ๋น พิสูจน์แล้วว่าเขามิใช่ของไร้ประโยชน์ แต่คำที่เรียกว่าท่องตำราเต๋าแตกฉาน มีความรู้กว้างไกล นี่เป็นความเคารพในโลกใบนี้ที่ผู้แข็งแกร่งให้ความสำคัญ สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงแค่ดอกไม้ที่งดงามแต่ข้างในเป็นโพรงเท่านั้นเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ยังคงเป็นพละกำลัง นั่นเป็นสิ่งเห็นได้โดยตรง สามารถส่งผลกระทบต่อความเป็นความตาย
วันนี้ เขาได้พิสูจน์ให้โลกใบนี้เห็นเป็นครั้งแรกว่าตนได้มีพละกำลังชนิดนี้
เพียงแค่ว่านี่ยังไม่เพียงพอ การข้ามผ่านป่าต้มเวลาเป็นเพียงแค่ครึ่งแรกของการประลองยุทธ์ เขาปรารถนาจะเข้าไปสู่ขั้นตอนการต่อสู้ ยังจะต้องทำเรื่องอีกมากมาย
เดินออกจากป่ากว้างใหญ่ไพศาล ข้ามผ่านทุ่งหญ้า ก็มาถึงด้านหน้าของคลองสายหนึ่งที่งดงามยามฤดูใบไม้ผลิ
คลองสายนี้มีชื่อว่าคลองฉวี่เจียง ไหลผ่านพระราชวังหลี สุดท้ายแล้วไหลรวมสู่แม่น้ำลั่ว แต่ในส่วนของสวนแสงสุริยะ เพราะว่าชัยภูมิที่เป็นที่ราบรวมทั้งสาเหตุของความสะอาดสะอ้านไม่มีดินโคลนอุดตัน พื้นผิวของคลองฉวี่เจียงจึงยิ่งกว้างขวางกว่าแม่น้ำลั่วในจิงตู ส่วนที่แคบที่สุดของฝั่งทั้งสอง อย่างน้อยก็มีระยะห่างหลายสิบจั้งแล้ว
ผิวน้ำของคลองฉวี่เจียงสงบนิ่งอย่างยิ่ง น้ำในคลองสีเขียวเข้ม สำหรับนักปราชญ์ที่เขียนบทประพันธ์เหล่านั้น ภาพเช่นนี้อาจจะทำให้พวกเกิดความสุนทรีย์ในการประพันธ์ ทว่าสำหรับเฉินฉางเซิงกับผู้เข้าสอบจำนวนมากแล้ว ลำคลองที่ขวางกั้นอยู่ด้านหน้า ก็เหมือนกับสนิมที่ขึ้นเต็มกระจกทองแดง ให้ความรู้สึกก็ไม่ค่อยจะดีเสียเท่าไหร่
ความประทับใจในการชื่นชมทัศนียภาพ ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของผู้ชม
การประลองยุทธ์ของการสอบใหญ่ในปีนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ
ครึ่งแรกที่ให้ผู้เข้าสอบผ่านป่ากว้างใหญ่ไพศาล
ครึ่งหลังให้ผู้เข้าสอบข้ามผ่านลำคลอง
เพียงแค่ให้ผู้เข้าสอบข้ามผ่านคลองฉวี่เจียงที่เรียบดุจกระจก กว้างหลายสิบจั้ง มุ่งไปยังฝั่งตรงข้าม ก็นับว่าผ่านการประลองยุทธ์ มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ของการสอบใหญ่แล้ว
ปัญหาอยู่ตรงที่ นี่มิใช่เรื่องที่ง่ายดาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎระเบียบได้เขียนอย่างชัดเจน นอกจากพื้นรองเท้า ตำแหน่งของร่างกายบนตัวผู้เข้าสอบอย่างอื่นถ้าหากโดนน้ำ ก็นับว่าสอบตก
เฉินฉางเซิงเดินไปยังริมฝั่งคลอง จ้องมองป่าไม้ของฝั่งตรงข้าม เป็นธรรมดาที่จะคิดไปถึงทะเลสาบของสำนักฝึกหลวง
ฟากฝั่งที่อาจารย์ซินกล่าว ที่แท้ก็คือที่นี่