ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 157 ก็คงถึงแค่นี้
เพราะว่าการสมรสระหว่างสวีโหย่วหรง หลังจากการชุมนุมไม้เลื้อย เฉินฉางเซิงเป็นธรรมดาที่จะกลายเป็นจุดสนใจ ใต้เท้ามุขนายกยังป่าวประกาศแทนเขา ก็เหมือนกับไฟที่อยู่บนน้ำมัน ไม่ว่าจะมีคนจำนวนเท่าไหร่สืบเสาะเรื่องราวของเขา อายุของเขา มีบุญคุณความแค้นอันใดกับจวนขุนพลเทพตงอวี้ รวมถึงระดับพลังของเขาก็มิได้เป็นความลับอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ผู้คนต่างก็ตกตะลึงยิ่งนัก อยากจะรู้ยิ่งนักว่าไม่กี่วันนี้แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา ทำให้พลังของเขาพุ่งทะยานขึ้น สามารถชนะติดต่อกันสี่ครั้งในการสอบใหญ่ เข้าไปอยู่ในรายชื่อรอบสุดท้าย
เซวียนหยวนผ้อมองเฉินฉางเซิง อ้าปากค้าง ราวกับเห็นสัตว์ประหลาด ถังซานสือลิ่วจ้องเขม็งดวงตาเขา เอ่ยถาม “เจ้าที่จริงแล้วกินอะไร พวกเรากินข้าวอยู่ที่สำนักฝึกหลวงด้วยกันทุกวัน หรือว่าเจ้าแอบไปกินอาหารชั้นดีรึ หรือว่าเจ้าแอบขโมยของดีๆ ในสวนร้อยหญ้าแล้วไม่ได้บอกพวกเราทั้งสอง”
ห้องด้านในหอชำระธุลีเงียบสนิท บรรดาผู้ยิ่งใหญ่กำลังคุยเรื่องการกระทำวันนี้ของเฉินฉางเซิง
“หรือว่าที่เขาเพิ่งใช้เป็นย่างก้าวหยั่งเทวาฉบับสมบูรณ์กันเล่า” มีคนมองไปที่สวีซื่อจีแล้วเอ่ยขึ้นมา
ถ้าหากเป็นผู้อาวุโสดังเช่นเฟ่ยเตี่ยนหรือว่าจินอวี้ลวี่อยู่ในสนาม พวกเขามีประสบการณ์ในการต่อสู้กับเผ่ามาร ก็สามารถมองออกว่าท่าร่างที่เปลี่ยนพลิกแพลงของเฉินฉางเซิงก่อนหน้านี้แท้จริงแล้วคือสิ่งใด ทว่าเวลานี้คนที่อยู่ในห้องมีเพียงแค่เซวียสิ่งชวนกับสวีซื่อจีที่เคยต่อสู้ทางทิศเหนือมาแล้ว ก็อาจจะล่วงรู้เป็นได้
สวีซื่อจีท่าทีเฉยเมย กล่าวว่า “เมื่ออยู่แนวหน้าข้าไม่เคยพบเผ่าเยียซื่อ”
ตามข้อมูล หลายร้อยปีมานี้เผ่าเยียซื่อที่อยู่ในดินแดนเสวี่ยเหล่าส่วนมากแล้วถูกคนชุดดำผู้ลึกลับเกณฑ์เข้ามาในองค์กร ด้วยเหตุนี้น้อยมากที่จะปรากฏกายออกมาให้เห็น
กองทัพของเซวี่ยสิ่งชวนเคยจับหน่วยสอดแนมเผ่าเยี่ยซื่อได้สองคน ฤดูใบไม้ผลิเผ่าเยียซื่อที่วางแผนลอบสังหารองค์หญิงลั่วลั่วตอนนี้ถูกจับคุมขังอยู่ที่คุกหลวง เขาคิดไปถึงวิชาย่างก้าวของเฉินฉางเซิงก่อนหน้านี้ พลันส่ายศีรษะเอ่ยว่า “มิใช่ย่างก้าวหยั่งเทวาที่สมบูรณ์ แต่ว่ามีหลายส่วนที่สมบูรณ์แบบ”
ผู้คนเข้าใจความหมายของเขา บางส่วนที่สมบูรณ์ของย่างก้าวหยั่งเทวาฉบับสมบูรณ์ ระดับการต่อสู้ของหนุ่มสาวที่อยู่ในการสอบใหญ่ เพียงพอที่จะใช้ในส่วนที่สำคัญ เซวียสิ่งชวนครุ่นคิด จากนั้นเอ่ยว่า “ระดับความเร็วกับท่าร่างทำได้ดียิ่ง จังหวะการเข้าโจมตีไม่เลว สามารถเข้าไปอยู่แปดคนสุดท้าย ซึ่งก็เข้าใจได้ ทว่าข้าไม่คิดว่าเขาจะเข้าต่อไปได้แล้ว”
ผู้แกร่งกล้าทั้งแปดของการสอบใหญ่ได้ปรากฏขึ้นแล้ว มีคนดังเช่นโก่วหานสือกับจวงห้วนอวี่ จงฮุ่ย และเจ๋อซิ่วที่เป็นผู้แข็งแกร่งมีชื่อเสียงแพร่สะพัดนานแล้ว ยังมีคนที่เหนือความคาดหมาย ดังเช่นหญิงสาวที่ไม่โดดเด่นของเทือกเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ ยังมีนักเรียนของสำนักเทียนเต้าคนหนึ่งที่แม้แต่สำนักการศึกษากลางยังไม่ให้ความสนใจมากนัก
สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่สุดก็คือ ยังมีเฉินฉางเซิง
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขายังไม่ถูกคัดออก ซึ่งเหนือความคาดหมายจากที่ผู้คนได้คาดคิดไว้มาก ราวกับว่าไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
“นี่ช่างไร้เหตุผลเกินไป! เป็นไปได้อย่างไร! เข้าอาศัยอะไรถึงยังไม่ถูกคัดออก!”
รายชื่อของผู้แข็งแกร่งแปดคนสุดท้ายของการสอบใหญ่ ถูกส่งมายังด้านนอกของตำหนักฝึกฝน เขียนอยู่ด้านนอกของกระจกในตำหนักประจักษ์อักษร และยังถูกส่งไปยังกลุ่มฝูงชนที่อยู่ด้านนอกพระราชวังหลี
เวลานี้ท้องฟ้าได้เข้าสู่ช่วงยามเย็น แสงอบอุ่นของพระอาทิตย์ยามอัสดง ส่องสว่างอยู่บนเสาหินเหล่านั้น สาดส่องลงกลุ่มฝูงชนในเมืองจิงตูที่คึกคัก และบนร่างกายของผู้มาท่องเที่ยวจากภายนอก
เวลานี้ด้านนอกพระราชวังหลีมีคนมารายล้อมอย่างน้อยหลายพันคน มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจมากมาย เสียงร้องตะโกนของบรรดาพ่อค้าเร่แผงลอยเหล่านั้นได้เปลี่ยนเป็นแหบแห้งนานแล้ว อย่างไรก็ตามเวลานี้ผู้คนต่างก็คุยถึงเรื่องเดียวกัน ระบายเป็นความรู้สึกเช่นเดียวกัน เรื่องนั้นก็คือเรื่องที่เฉินฉางเซิงชนะสี่สนามติดต่อกัน ความรู้สึกนั้นก็คือตกตะลึง ไม่เข้าใจ รวมถึงโมโห
ผู้คนในจิงตูไม่ชื่นชอบเฉินฉางเซิง แต่หากเทียบกับผู้เข้าสอบทางทิศใต้ พวกเขาก็ไม่ได้เกลียดชังเฉินฉางเซิงไปมากกว่ากัน เหตุผลที่ทุกคนต่างโกรธแค้นเช่นนี้เพราะว่าเฉินฉางเซิงชนะสี่สนามติด โดยเฉพาะการกระทำของเฉินฉางเซิงทำให้พวกเขาสูญเงินจำนวนมาก จนถึงขนาดว่ามีคนแพ้พนันจนดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ
ถูกต้องแล้ว นอกจากประกาศอันดับแรก สำหรับการสอบใหญ่ยังมีการพนันจำนวนมาก พวกผู้เข้าสอบในการสอบใหญ่ทุกรอบต่างมีผู้ชนะ และก็มีผู้พ่ายแพ้ เช่นเดียวกัน หลังจากทุกรอบ ล้วนก็มีผู้คนจำนวนมากที่กลายเป็นผู้แพ้และผู้ชนะ เพราะว่าเกี่ยวข้องกับเฉินฉางเซิง ปีนี้มีคนจำนวนมากต่างก็เป็นผู้แพ้
การต่อสู้ทุกรอบในการสอบใหญ่ สถิติการพนันในโลกภายนอกล้วนแตกต่างกันตามความสะดวกของผู้คน ในทุกรอบสถิติของเฉินฉางเซิงก็จะสูงที่สุด ถึงตอนนี้ สถิติของเขายังคงสูงที่สุด วันนี้เขาทำให้หลายคนดีใจ ทำให้คนจำนวนมากขาดทุน ทว่าตั้งแต่แรกเริ่มจนสิ้นสุดไม่มีคนเชื่อว่าเขาจะสามารถชนะต่อไปได้
เทียนไห่เซิ่งเสวี่ยอยู่หอน้ำชาทางทิศใต้ของพระราชวังหลี มองภาพที่ผู้คนเดินขวักไขว่อยู่ด้านหน้าพระราชวังหลีเงียบๆ พลันเอ่ยว่า “ถ้าหากโรงพนันใหญ่ทั้งสี่แห่งยอมรับ ทองห้าพันตำลึงลงให้เฉินฉางเซิงชนะรอบสุดท้าย”
ผู้ดูแลอาวุโสที่ยืนอยู่ข้างกายเขาตกตะลึง กล่าวอย่างลังเลว่า “คุณหนู เขาคงไม่อาจชนะได้อีกหรอก”
เทียนไห่เซิ่งเสวี่ยกล่าว “เมื่อรอบแรก ทุกคนต่างคิดว่าเขาจะไม่ชนะ ผลสุดท้ายแล้วเขาก็ชนะ รอบที่สองยังคงไม่มีใครคิดว่าเขาสามารถ จากนั้นเขาก็ยังคงชนะได้ รอบที่สามก็เป็นเช่นนี้ รอบที่สี่ก็เป็นเช่นกัน ก่อนการสอบใหญ่ ใครจะคาดคิดว่าเขาจะเข้าไปอยู่แปดอันดับสุดท้ายได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุใดข้าถึงไม่ตามเขาต่อไปเล่า”
ผู้ดูแลอาวุโสผู้นั้นเอ่ยว่าใช่ขอรับต่อเนื่องกัน
เทียนไห่เซิ่งเสวี่ยจู่ๆ ก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้ เอ่ยว่า “ถ้าหากสุดท้ายแล้วเขาเอาประกาศแรกอันดับแรกได้ จงนำเงินที่ชนะไปซ่อมแซมประตูของสำนักฝึกหลวง”
ผู้ดูแลอาวุโสในใจครุ่นคิดประตูของสำนักฝึกหลวงมิใช่เป็นคุณหนูทำพังหรอกรึ ซ้ำสำนักฝึกหลวงยังไม่ได้ซ่อมแซมมาตลอด คนทั่วทั้งจิงตูต่างรู้ว่านี่หมายความว่าอะไร ท่านอยากจะซ่อมประตูให้สำนักฝึกหลวง ไม่เท่ากับว่ายอมพ่ายแพ้หรอกหรือ เขาตกตะลึงอย่างยิ่ง ทว่าคุณหนูทำการใดมักจะมีความหมายลึกซึ้ง จึงไม่กล้าเอ่ยให้มากความ เพียงว่าสงสัยบางประการเท่านั้น
“ถ้าหาก…ข้ากล่าวว่าถ้าหากเฉินฉางเซิงชนะขึ้นมาจริงๆ เช่นนี้ก็จะมีเงินมหาศาล ถึงแม้จะซ่อมประตูสำนักฝึกหลวงให้ ก็คงใช้เงินไม่เท่าไหร่”
เทียนไห่เซิ่งเสวี่ยจ้องมองพระราชวังหลียามอัสดง เอ่ยอย่างมิได้ใส่ใจ “ถ้าหากชนะขึ้นมาจริงๆ ข้าทำประตูหยกให้จะเป็นไร”
ผู้ดูแลอาวุโสไม่เข้าใจ ในใจครุ่นคิดแม้เฉินฉางเซิงจะเอาประกาศแรกอันดับแรก แต่หนุ่มน้อยผู้นั้นเป็นสัญลักษณ์ของสำนักฝึกหลวง เป็นเครื่องหมายของนิกายหลวงที่จะมาโจมตีจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ตระกูลเทียนไห่ก็ไม่อาจรับเขาเข้ามาบ้านได้ ท่านทำเรื่องเช่นนี้ สุดท้ายแล้วเพราะด้วยเหตุใด
เทียนไห่เซิ่งเสวี่ยไม่ได้อธิบาย หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่ม จู่ๆ ก็รู้สึกว่าน้ำชาจืดชืดไร้รสชาติ
ชิวซานจวินไม่ได้มาเข้าร่วมการสอบใหญ่ ม่ออวี่ยังคงอยู่เบื้องหน้า การสอบใหญ่สำหรับเขาแล้วที่จริงไม่ได้มีความหมายมากมายเท่าใด แต่เมื่อสละสิทธิ์เช่นนี้ จิตใจของเขายากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้รู้สึกสลับซับซ้อนไม่ได้
ในห้องโถงดอกไม้ของจวนขุนพลเทพตงอวี้เงียบเชียบ ฮูหยินสวีจ้องมองสตรีวัยชราที่อยู่เบื้องหน้า หัวคิ้วขมวดเข้าหากันพลางเอ่ยว่า “ท่านยายฮวา เจ้าไม่ได้ฟังผิดนะ เขาเข้าไปอยู่แปดคนสุดท้ายจริงๆ หรือ”
ท่านยายฮวาเอ่ยเสียงเบา “คงจะไม่ผิด โรงพนันใหญ่ทั้งสี่แห่งนำสถิติของรอบต่อไปมาแขวนไว้แล้ว บนนั้นมีชื่อของคุณชายตระกูลเฉินแน่นอน”
ฮูหยินสวีตกตะลึงไร้คำเอื้อนเอ่ย รู้สึกปวดศีรษะ ถ้าหากเจ้าเด็กคนนั้นสามารถเอาอันดับแรกประกาศแรกได้ แล้วควรจะทำอย่างไร
นางจ้องมองเก้าอี้และชาที่ว่างเปล่าไร้สิ่งใดๆ ในห้องโถงดอกไม้ คิดไปถึงช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิของปีที่แล้ว เป็นภาพที่พบกับเฉินฉางเซิงเป็นครั้งแรก
หนุ่มน้อยนักพรตผู้นั้นระมัดระวังและสะอาดสะอ้านยิ่งนัก
เขามิได้ดื่มน้ำชาแม้แต่อึกเดียว
ฮูหยินสวีอยู่ๆ หัวใจก็เต้นขึ้นมา คิดไปถึงเรื่องบางอย่างที่อาจจะเป็นไปได้
ห้องถัดจากห้องโถงทางด้านทิศตะวันออก ซวงเอ๋อร์ก็เพิ่งจะได้รับข่าวคราว นางตกตะลึงจนหาสิ่งใดเปรียบมิได้
นางคิดไปถึงภาพที่ครั้งแรกพบกับเฉินฉางเซิงท้ายสวน
นางไม่อาจจะจินตนาการได้ หนุ่มน้อยนักพรตเต๋าผู้ระแวดระวังมาจากหมู่บ้านชนบท เป็นของไร้ประโยชน์ที่ไม่อาจฝึกบำเพ็ญเพียร คาดไม่ถึงว่าจะเข้าไปอยู่แปดผู้แกร่งกล้าของการสอบใหญ่ ตามข่าวคราวฝีมือของเขาในการชุมนุมไม้เลื้อย คะแนนการสอบความรู้ของเขาจะต้องดียิ่งนัก นี่มิใช่แค่กล่าวลอยๆ ขณะนี้เขาขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าอันดับแรกของการสอบใหญ่แล้วอย่างนั้นหรือ
ถูกต้อง เพียงแค่เฉินฉางเซิงสามารถเอาชนะได้อีกหนึ่งรอบ เข้าไปอยู่ในสี่คนสุดท้าย บวกกับคะแนนการสอบความรู้ของเขา ก็มีโอกาสเข้าไปอยู่อันดับแรกได้
ปัญหาอยู่ที่ เขายังสามารถผ่านไปได้หรือไม่ หรือว่าจะถึงแค่ตรงนี้เสียกระมัง
มีห้องโถงที่ไม่ใหญ่อยู่ด้านในลึกของพระราชวัง ค่อนข้างเงียบวิเวก ราวกับว่าเป็นพระราชวังร้างก็มิปาน
แพะดำจ้องมองผลไม้ดิบที่ตกมาจากต้นไม้ริมขั้นบันไดหิน ลังเลเป็นเวลานาน กินหรือไม่กิน มันยังจำได้ขึ้นใจ ในสวนร้อยหญ้าครั้งก่อน หนุ่มน้อยผู้นั้นป้อนผลไม้ให้ตนรสชาติไม่เลวนัก เพียงแค่ตอนนี้มันไม่อาจยืนยันได้ว่า นั่นเป็นรสชาติของผลไม้ หรือว่าเปลือกผลไม้มีรสชาติของเขาอยู่
ท่านยายหนิงเดินเข้าไปจากข้างกายมันไร้สุ่มไร้เสียง เอ่ยเสียงต่ำ “คุณหนูเซิ่งเสวี่ยสละสิทธิ์แล้ว”
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เก็บไม้หอมขึ้นมาท่อนหนึ่ง ปลายไม้หอมกำลังเผาไหม้ เหนือควันหอมที่ลอยต่อเนื่องมียาแขวนไว้
มือของนางค่อยๆ ขยับไม้หอม ไม้หอมที่เผาไหม้ก่อเกิดเป็นควันค่อยๆ ล่องลอยขึ้นไป ทำให้เม็ดยานั้นหมุนวนเชื่องช้า
เมื่อได้ยินประโยคนี้ นิ้วมือของนางค่อยๆ หยุดลง ครั้นแล้วยาเม็ดนั้นก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
ท่าทางของนางแปลกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงเข้าใจ เอ่ยอย่างปลงๆ “ลูกศิษย์ของตระกูลเทียนไห่ สุดท้ายแล้วก็ยังมีอนาคตอันสดใส”
นี่เป็นเรื่องที่ดี และก็มิใช่เรื่องที่ดี
ลูกศิษย์ของตระกูลเทียนไห่ยิ่งนานยิ่งมีอนาคตสดใส นางก็ยิ่งไม่อาจวางมือได้ทั้งหมด เช่นนั้นต้าโจวก็ไร้หนทางจะสลัดปัญหาที่ยิ่งใหญ่นั้นหลุดไปได้
แต่สุดท้ายแล้วนางยังคงปลื้มปีติอยู่ไม่น้อย
ท่านยายหนิงลังเลชั่วครู่จากนั้นจึงเอ่ยต่อ “เฉินฉางเซิงสำนักฝึกหลวง เข้าไปอยู่แปดคนสุดท้าย”
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ท่านยายหนิงรู้สึกตื่นเต้น นางชื่นชอบเจ้าเด็กเฉินฉางเซิงยิ่งนัก กังวลว่าจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์จะไม่พอพระทัย
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์มิได้เอ่ยสิ่งใด
เวลาต่อมา นางปรากฏอยู่พื้นข้างใต้ที่มืดมิด
นางสะบัดแขนเสื้อเบาๆ ไข่มุกราตรีหลายพันเม็ดบนเพดานหลังคาทรงโค้งพลันสว่างขึ้นมา
ลำแสงสีขาวที่ค่อนข้างหนาวเย็น ร่วงลงมายังพื้นน้ำแข็ง ส่องสว่างให้กับภาพทั้งหมด
หญิงสาวชุดสีดำ ร่างกายอ่อนแอนอนคว่ำอยู่กับพื้น
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ดีดนิ้วมือ ยาเม็ดนั้นก็ร่วงหล่นข้างกายของหญิงสาว
“เฉินฉางเซิงยังไม่ถูกคัดออก โลหิตของเจ้านับว่ามีประโยชน์”
หญิงสาวผู้นั้น ยากที่จะแหงนหน้าขึ้นมา จ้องเขม็งจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ มิได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย เพียงแค่รู้สึกเกลียดชัง เอ่ยว่า “นี่เป็นยาอะไร”
ท่าทางจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์สงบนิ่งเอ่ยว่า “ขี้ผึ้งกัญชาเทศ”
หญิงสาวชุดดำรู้ว่าเป็นมนุษย์ที่น่าเกรงกลัวดังเช่นจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากปรารถนาจะรักษาตน มีวิธีจนนับไม่ถ้วน ไม่เห็นต้องทำยาให้ยุ่งยาก กลืนยาลงไปโดยไม่ลังเล
“เฉินฉางเซิง…เขา…เอาประกาศแรกอันดับแรกได้หรือไม่” นางมองจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ เอ่ยถามด้วยความแปลกประหลาดใจ
“ก็คงถึงแค่นี้” จักรพรรดินีตอบไม่ใส่ใจนัก
ชั่วครู่ นางก็มาถึงข้างปากบ่อของสะพานอุดรใหม่ มือทั้งสองไขว้ไว้ข้างหลัง มองดวงดาวเต็มท้องฟ้ายามราตรี เงียบนิ่งเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่