ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 15 ชีวิตถ้าเป็นเช่นแรกเจอ (9)
สวีโหย่วหรงนั่งลงไปใหม่ เอาธนูถงและลูกธนูอู๋ออกมา ก้มศีรษะเงียบขรึม ไม่เปล่งวาจา
เฉินฉางเซิงอยู่ข้างหลังนาง หินผลึกจำนวนมากรายล้อม
เวลาไหลผ่านไปเอื่อยเฉื่อย สัตว์อสูรที่แอบซ่อนอยู่ในที่ราบทุ่งหญ้า เนื่องจากความหวาดกลัวต่อไอพลังปราณของนางมาแต่กำเนิด ทำให้ไม่เกิดการโจมตีสักที
เสียงพิณที่แผ่วเบาสายนั้น ไม่ได้กลายเป็นรุนแรงบ้าคลั่งขึ้นมาเพื่อเร่งความเร็ว แต่กลับยิ่งสงบมากขึ้น ราวกับกำลังปลุกปลอบขวัญกำลังใจ
เป็นการปลอบประโลมสภาพจิตใจของสัตว์อสูร ให้พวกมันไม่หวาดกลัวอีก เกิดความกล้าหาญที่เต็มเปี่ยม
ผิวน้ำกลางหญ้าป่า จู่ๆ ก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ระลอกคลื่นเล็กๆ ก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็เชื่อมกันเป็นระลอกเดียว กลายเป็นคลื่นสูง
คลื่นน้ำซัดขึ้นไปบนกองหญ้า กระเซ็นซ่านระชายกระโปรงที่ประอยู่หน้าเข่าของนางจนเปียก
นางเงยศีรษะขึ้นมา ลืมตาขึ้น มองไปยังส่วนลึกของน้ำทะเลสาบอย่างสงบ น้าวธนู จากนั้นวางลูกธนู ผ่อนคลายนิ้วมือเล็กน้อย
เสียงพรึ่บเบาๆ เสียงหนึ่ง
ลูกธนูอู๋แหวกอากาศออกไป แทงเสียดเข้าไปในน้ำลึก
ในน้ำไม่มีอะไรเลย ลูกธนูนี้จะยิงสิ่งใด? หรือยิงน้ำ?
เวลาต่อมา คลื่นบนผิวน้ำหายไปอย่างไม่คาดคิด รอยคลื่นน้ำไม่ไหลเคลื่อนอีก
ราวกับน้ำถูกลูกธนูดอกนี้ของนางปรามให้สงบลงมา
……
……
ลูกธนูอู๋ของสวีโหย่วหรง แน่นอนว่าไม่ได้ยิงน้ำ และก็ไม่ใช่คลื่นน้ำ แต่เป็นสัตว์อสูรในน้ำที่พยายามกวนให้เกิดคลื่นน้ำ
น้ำที่ใสสะอาด ค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน
ศพอสรพิษวารีตัวหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมา วางเป็นแนวนอนอยู่ที่ท่ามกลางดงหญ้าน้ำ ราวกับกำแพงด้านใหญ่มหึมาแนวหนึ่ง
ลูกธนูอู๋ดอกหนึ่งปักอยู่ระหว่างดวงตาสองดวง ลึกจมเข้าไปในเกล็ด เทียบกับร่างอสรพิษวารีขนาดใหญ่ร่างนี้ ลูกธนูนี้มองไปก็ราวกับหญ้าเรียวเส้นหนึ่ง
แต่ก็เป็นลูกธนูดอกนี้ ที่ฆ่าอสรพิษวารีตัวนี้ได้อย่างง่ายดาย
นี่ไม่ใช่การสิ้นสุด แต่เป็นการเริ่มต้น
เวลาต่อมา ผิวน้ำสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง น้ำซ่านกระเซ็นจำนวนมากเกิดขึ้นโดยทั่ว ด้วยเสียงร้องโหยหวนที่เกรี้ยวกราดจนทำให้ผู้คนหัวใจเต้นแรง เงาสะท้อนที่ใหญ่โตหลายสิบสายทะลุน้ำออกมา ตกลงไปที่กองหญ้าเขียว!
ทุกเงาสะท้อนที่ใหญ่โต ก็คืออสรพิษวารีตัวหนึ่ง!
ทุกหัวของอสรพิษวารีตัวหนึ่ง เหมือนจะใหญ่กว่ากองหญ้าเขียวที่สวีโหย่วหรงและเฉินฉางเซิงอยู่!
อสรพิษวารีหลายสิบตัว ทะลุน้ำออกมา บังแผ่นฟ้าแล้วตกลง ลักษณะท่าทางน่าตกตะลึงอย่างยิ่ง
เทียบกับมันแล้ว ดรุณีน้อยที่ดึงธนูบนกองหญ้าเขียว แลดูเล็กกระจิริด
……
……
อสรพิษวารีเป็นสัตว์อสูรเลื่องชื่อในต้าลู่ เนื่องจากหนังของมันนำมาทำเป็นเกราะระดับสูงได้ จากสิ่งนี้สามารถรู้ได้ว่า ความสามารถในการป้องกันของอสรพิษวารีสูงมาก หนังงูที่มองดูเหมือนลื่นไหลนุ่มนวลนั้นทนทานยิ่งนัก ไม่ต้องพูดถึงอาวุธธรรมดา แม้จะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรขั้นทะลวงอเวจีธรรมดาก็ยากที่จะแทงทะลุ
ตามการปกครองด้วยภูมิปัญญาเช่นนี้ของเผ่ามนุษย์ เผ่ามาร และเผ่าปีศาจ ตอนนี้อสรพิษวารีส่วนใหญ่หลบซ่อนอยู่ในสระเปล่าเปลี่ยวของภูเขาป่าไม้ที่มีร่องรอยมนุษย์น้อย แต่ยังคงมีชื่อเสียงของความดุร้าย ใครจะคาดได้ ในที่ราบทุ่งหญ้าของสวนโจวแห่งนี้ จะมีอสรพิษวารีจำนวนมากขนาดนี้ อีกทั้งอสรพิษวารีเหล่านี้ ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสัตว์อสูรในที่ราบทุ่งหญ้า!
มิน่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นทะลวงอเวจีที่เข้ามาในที่ราบทุ่งหญ้าเหล่านั้น ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตออกไปได้
ในคำเล่าลือ อสรพิษวารีมีสายเลือดของเผ่ามังกร แต่พวกมันถูกจำกัดบังคับโดยเผ่ามังกร วิญญาณเทพไม่สามารถรู้ตื่นได้ตลอดกาล อาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ พวกมันจึงมองสายเลือดของเผ่ามังกรและหงส์สวรรค์เป็นศัตรูด้วยความเกลียดชังมากที่สุด นี่น่าจะเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ว่าทำไมพวกมันถึงโจมตีสวีโหย่วหรงก่อนใคร
อสรพิษวารีหลายสิบตัวโจมตีมา ทั้งท้องฟ้าราวกับล้วนถูกปิดบัง เส้นแสงมืดมิดอันตรธาน
ในกระบอกลูกธนูของสวีโหย่วหรงมีเพียงลูกธนูอู๋สิบกว่าดอก จะสามารถโต้ตอบกับสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าเหล่านี้ได้อย่างไร?
นี่เป็นปัญหาหนึ่ง นางกลับจัดการปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อจำนวนธนูไม่พอ ก็ไม่ต้องใช้ธนู
มองเงาสะท้อนใหญ่ที่โจมตีมาด้วยเสียงพรึ่บที่น่ากลัว นางสีหน้าสงบดึงสายธนูอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้บนสายธนูไม่มีลูกธนู
ท่าทางของนางยังคงแน่วแน่ เรียบง่ายเช่นนั้น ไม่มีอะไรขาดเกิน ไม่เปลืองปราณแท้และเรี่ยวแรงพละกำลังแม้แต่นิดเดียว
ทุกครั้งที่นางดึงสายธนู ล้วนราวกับคัดลอกการดึงสายธนูของครั้งแรก ไม่มีความแตกต่างใดๆ
ยกเว้นตำแหน่งที่ธนูถงชี้ไป
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ! สายธนูราวกับสายพิณที่ถูกดีด เปล่งเสียงร้องออกมา บรรเลงเป็นท่วงทำนองเพลงหนึ่งที่ถ่อมตน ทว่าแข็งทื่อ
ร่องรอยสีขาวจำนวนมากออกมาจากสายธนู แหวกฟ้าผ่าอากาศ ตกลงบนตัวของอสรพิษวารีที่ใหญ่มหึมาเหล่านั้น
อสรพิษวารีซึ่งทนทานอย่างหาที่เปรียบมิได้ ขนาดหนังชั้นนอกที่ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นทะลวงอเวจียังไม่สามารถตัดออกได้ เพียงสัมผัสร่องรอยสีขาวเล็กเรียวเหล่านั้น พลันค่อยๆ ปริแยก!
ร่องรอยสีขาวเล็กเรียวเหล่านั้น กลับเหมือนกับรอยร้าวของช่องว่าง มีพลังที่ใกล้เคียงกับความสามารถในการสลายทุกสิ่งอย่าง!
เพียงแต่ในระยะเวลาอันสั้น บนตัวของอสรพิษวารีที่ใหญ่มหึมานับสิบตัวเหล่านั้น ก็เกิดรอยเลือดที่เล็กละเอียดหลายสาย เลือดงูตกลงมาราวกับห่าฝน ในรอยแตกเหล่านั้นอาจสามารถมองเห็นกล้ามเนื้อที่มีแรงบิดเบี้ยว ยังสามารถมองเห็นกระดูกสีขาวที่อัดแน่นเหล่านั้น แสดงให้เห็นถึงฉากนองเลือดอันน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
อสรพิษวารีหลายสิบตัวเจ็บปวดอย่างยิ่ง ร่างกายส่วนบนบิดขยับอย่างรุนแรงอยู่กลางอากาศ ร่างกายส่วนล่างกวนคลื่นใต้น้ำให้ใหญ่ขึ้น
คลื่นใหญ่ยกขึ้นฟ้าแล้วตกลงมา สิ่งที่ตามหลังมา ก็คือการโจมตีที่บ้าคลั่งที่สุดของอสรพิษบาดเจ็บเหล่านั้น
สวีโหย่วหรงนั่งอยู่ระหว่างกลางของหญ้าเขียว สีหน้าแน่นิ่ง ไม่หวาดไม่กลัว และก็ไม่มีท่าทีที่จะหลบหลีก เพียงแต่ท่าทางในการดึงสายพิณจู่ๆ ก็รวดเร็วมากยิ่งขึ้น มือขวากลายเป็นเงาปลอมสายหนึ่ง ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดอีกว่าท่าทีคร่าวๆ เป็นอย่างไร
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ! ร่องรอยเล็กละเอียดสีขาวนับร้อยสายกระทั่งพันสาย พุ่งออกไปจากสายธนู กระจายออกไปสี่ทิศของกองหญ้าในช่องว่าง
อสรพิษวารีเหล่านั้นเข้าใกล้กองหญ้าไม่ได้โดยสิ้นเชิง ราวกับก้อนเนื้อชิ้นใหญ่ที่ถูกตัดออกท่อนๆ ในเสียงพรึ่บๆ ที่ดังขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นท่อนเนื้อจำนวนมาก จากนั้นก็กลายเป็นหินดาวตกเต็มท้องฟ้าร่วงหล่นลงมา
เสียงดังระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อสรพิษวารีที่ร่างกายแหว่งวิ่นจำนวนมาก พัดพาคลื่นจำนวนมากขึ้นมา จนกระทั่งผ่านไปนานมาก พื้นผิวน้ำถึงค่อยๆ สงบลง
บนผิวน้ำในตอนนี้ ถูกเลือดงูย้อมเป็นสีแดงไปนานแล้ว ตอนนี้กำลังค่อยๆ กลายเป็นสีดำปนกลิ่นเหม็นที่รับไม่ค่อยได้ ราวกับน้ำหมึกดำคุณภาพแย่
อสรพิษวารีขนาดใหญ่โตมหึมาหลายสิบตัวที่ปรากฏกายบังท้องฟ้า นางที่หลังได้รับบาดเจ็บหนักไม่อาจป้องกันได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงเป็นอาหารจานหนึ่งไปพร้อมกับเฉินฉางเซิงที่กำลังหลับลึก แต่แล้วใครเลยจะคาดคิด นางซึ่งอ่อนแอขนาดนี้ เพียงแค่ดึงสายธนูราวกับตามอำเภอใจ ก็ทำให้สัตว์อสูรที่น่ากลัวเหล่านี้กลายเป็นกองท่อนเนื้อ?
แน่นอนว่า การดึงสายธนูถงของนางดูเหมือนตามใจมาก ความจริงแล้วผลาญพลังจำนวนมหาศาล
อีกทั้ง นี่ยังไม่ใช่จุดจบ
น้ำบนผิวน้ำที่ราวกับหมึกสั่นสะเทือนอีกครั้ง เกิดระลอกคลื่นมากกว่าเดิม คลื่นน้ำซัดไขว้กันไปทั่ว กลายเป็นรูปภาพที่ซับซ้อนอธิบายยาก
สัตว์อสูรจำนวนหลายตัวที่ซ่อนอยู่ในที่ราบทุ่งหญ้า ภายใต้การผลักดันของเสียงพิณสายนั้น ท่วมท้นเข้ามาอย่างต่อเนื่องราวกับคลื่นน้ำกระเพื่อม
สวีโหย่วหรงมองเฉินฉางเซิงทีหนึ่ง บนใบหน้าที่สงบนิ่งเกิดความไม่เข้าใจและเย้ยหยันตัวเอง
สิ่งที่ไม่เข้าใจคือสำหรับเฉินฉางเซิง นางรู้ทั้งรู้ว่าผ่านการคำนวณจากถาดดาวโชคชะตาได้ว่าคนนี้ชีวิตได้จบสิ้นแล้ว แต่ทำไมกลับยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้? จนทำให้นางไม่สามารถจากไปอย่างตัวเบา สิ่งที่ไม่เข้าใจก็สำหรับตัวเองเช่นกัน ทั้งๆ ที่นางรู้ว่าหนุ่มพรรคหิมะภูเขาคนนี้ต้องตาย เพราะเหตุใดถึงไม่สามารถทิ้งเขาได้? ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ นางสามารถไม่สนใจเขาได้ทุกเมื่อ ทำไมถึงทำไม่ได้?
หัวเราะเยาะตัวเอง แน่นอนว่าสำหรับตัวเอง นางนึกถึงตอนเด็กตอนที่อยู่ที่จิงตู เหนียงเหนียงบอกว่านางใจอ่อนเกินไป อย่างนี้ไม่ดี ภายหลังไปที่สถานศึกษาหนานซี เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกบ่อยครั้งว่านางใจแข็งเกินไป อย่างนี้ไม่ดี แท้จริงแล้วใจของตัวนางเองนั้นอ่อนหรือแข็งกันแน่? หรือว่า ความไม่แน่นอนและลังเลเช่นนี้ ก็คือสิ่งที่หนานเค่อพูดว่าตัวเองอารมณ์เด็ก?
และในตอนที่นางคิดเรื่องพวกนี้อยู่ ในท้องฟ้าของที่ราบทุ่งหญ้าเกิดเสียงประหลาดแสบแก้วหู นางเงยหัวมองไป เห็นเพียงปีศาจแร้งนับร้อยตัวบินมายังฝั่งนี้ ครั้งนี้ ท้องฟ้าถูกปิดบังโดยสิ้นเชิงอย่างแท้จริง ไม่หลงเหลือช่องว่างใดๆ อึมครึมถึงขั้นมืดมน ในขณะเดียวกันก็ได้ทำให้สายตาของนางสงบมากยิ่งขึ้น จนทำให้มองดูแล้วไม่แยแสเล็กน้อย