ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 35 ร่ำเรียนวิชาดาบ
ดาบเป็นอาวุธที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดและมีฐานะสูงส่งที่สุดในต้าลู่ดินแดนตะวันออก พรรคสำนักจำนวนมาก วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดล้วนเป็นวิชาดาบ พรรคขุนเขาภายใต้พรรคฉางเซิงจำนวนมาก ความมั่นใจที่แท้จริงที่ทำให้พรรคสำนักทางใต้สามารถคัดค้านกับพระราชวังหลีได้ ยังคงเป็นพรรคกระบี่หลีซาน อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้
ดาบส่วนใหญ่นั้นล้วนใช้ในการทหาร ฆ่าศัตรูที่สนามรบ ตลอดเวลาที่ผ่านมายากที่จะขึ้นอยู่บนสถานที่อันทรงเกียรติ จนกระทั่งเมื่อพันปีก่อน โจวตู๋ฟูปรากฏตัว ดาบเล่มนั้นรบชนะยอดฝีมือในโลกเกือบทั้งหมด ในสถานการณ์เช่นนี้ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่แล้วหลังจากโจวตู๋ฟู ยังคงมีคนดังที่ใช้ดาบปรากฏออกมาจำนวนน้อย
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? เพราะว่าดาบของโจวตู๋ฟูเล่มนั้นแหลมคมเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะว่าเขาคิดค้นวิชาดาบที่ตะลึงโลกขึ้นมาชุดหนึ่ง
วิชาดาบนั้นเหมือนกับดาบของเขา ล้วนชื่อว่าสองท่อน
นั่นก็คือเคล็ดดาบสองท่อนในตำนาน
มองเหล่าอักษรและรูปภาพบนผนังโลงศพหินภูเขาไฟสีดำ เฉินฉางเซิงและสวีโหย่วหรงตกตะลึงไร้คำพูด มีคำเล่าลืออยู่ตลอดว่า สิ่งสืบทอดของโจวตู๋ฟูอยู่ในสวนโจว จนกระทั่งมองเห็นด้วยตาเปล่า พวกเขาถึงมั่นใจว่าที่แท้คำเล่าลือเป็นความจริง
เทียบกับเคล็ดดาบเหล่านั้น วิชาตำราลับในห้องหินเก้าห้อง ยาลูกกลอนอัญมณีที่ล้ำค่าล้วนไม่มีราคาให้พูดถึง เวลาแน่นอนว่ายิ่งใหญ่มาก สามารถทำให้ยาลูกกลอนหมดฤทธิ์ ทำให้อัญมณีหมองสีสัน กลับไม่สามารถทำให้สติปัญญาและความรู้ลดค่า ไม่ต้องสงสัยว่าเคล็ดดาบสองท่อนบนผนังโลงศพหินภูเขาไฟเป็นสติปัญญาและความรู้ที่สูงที่สุดในการบำเพ็ญเพียร
ตอนเช้าเข้าใจเหตุผล ตกดึกตายไม่เสียดายชีวิต คลื่นอสูรรุกคืบทะยานกายเข้าใกล้สุสาน เงาสะท้อนตัวแทนความตายที่ใหญ่โตสายนั้นในท้องฟ้ากำลังครอบคลุมศีรษะของพวกเขา เฉินฉางเซิงและสวีโหย่วหรงลืมเรื่องนี้ไปทั้งหมด เริ่มชมเหล่าตัวอักษรและรูปภาพบนผนังโลงศพ หวังว่าจะเรียนรู้ได้มากกว่านี้ในเวลาช่วงสุดท้าย
สายตาของพวกเขาตกอยู่ในที่เริ่มแรกของตัวอักษร นั่นเป็นกฎเกณฑ์หลักของเคล็ดดาบสองท่อน ตัวอักษรเข้าใจง่ายมาก แต่เหตุผลที่บรรยายกลับลึกซึ้งอย่างยิ่ง ดาบที่ธรรมดาเล่มหนึ่ง ความแหลมคมนั่น รูปภาพที่สื่อออกมาจากในตัวอักษร เกิดมุมมองความสัมพันธ์ระหว่างฟ้าและดิน ช่างเหนือคาดปานนั้น ช่างเป็นแบบอย่างบทความต้นฉบับที่ดีเยี่ยมอย่างแท้จริง
เคล็ดดาบสองท่อนมีวิชาดาบทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดวรรค แบ่งเป็นสามส่วน ถูกเรียกว่าวิธีการในกฎเกณฑ์หลัก ทุกท่อนมีวิชาดาบสามสิบหกวรรค
ท่อนแรกนามว่าเกิด สิ่งที่เล่าคือคำว่า ‘เกิด’ ทำอย่างไรให้เกิดดาบ ทำอย่างไรให้ ให้เกิดความแหลมคม ทำอย่างไรให้เกิดลม ทำอย่างไรให้เกิดกระบวนท่า นี่เป็นพื้นฐานที่สุดในเคล็ดวิชาดาบชุดนี้ และก็เป็นส่วนที่ทรงภูมิมีอิทธิพลเพียงพอมากที่สุด ส่วนที่สองชื่อว่า ‘รองรับ’ สิ่งที่พูดถึงหลักๆ คือ การป้องกัน หากฝึกฝนถึงขั้นสูงสุดสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน แต่สามสิบหกดาบนี้ก็ไม่ใช่การป้องกันที่โจ่งแจ้ง ยังซ่อนความแหลมคมอยู่ในนั้น ราวกับมังกรเร้นกายในเมฆา ยื่นศีรษะกัดคนได้ตลอดเวลา หนักแน่นและอันตรายที่สุด ท่อนที่สามชื่อว่า ‘ตก’ คำว่าตกนี้เข้าใจได้อย่างง่ายดายว่าคือการวาดวงดาบให้ตกลง แต่ความจริงแล้วกลับเป็นความหมายเดิมของคำว่า ‘ตวัดฟ้าครามด้วยตนเอง’ คำนี้ ทิศทางที่ดาบแหลมพุ่งไป แน่นอนว่าลึกๆ แล้วจะต้องเป็นภาพการแหวกผ่านท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ รวมถึงสรรพสิ่งบนโลกหล้า สามารถตัดผ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ทุกอย่าง
หลังจากชมกฎเกณฑ์หลักของเคล็ดดาบสองท่อนเสร็จ เฉินฉางเซิงและสวีโหย่วหรงไม่มีการหยุดใดๆ เริ่มชมภาพและตัวอักษรภาพต่อไปในทันที นั่นก็คือดาบแรกของท่อน ‘เกิด’
นี่ก็เป็นดาบแรกของเคล็ดดาบสองท่อนเช่นกัน มีชื่อที่ธรรมดามากชื่อหนึ่ง ‘เกิดลิขิต’
ในภาพนั้นไม่มีดาบ และก็ไม่มีคนใช้ดาบ มีเพียงเส้นที่ง่ายดายจำนวนหลายเส้น
เฉินฉางเซิงมีประสบการณ์การชมแผ่นป้ายอนุสรณ์ในสุสานเทียนซู สวีโหย่วหรงนั้นก็อ่านพิเคราะห์แก้คัมภีร์สวรรค์ทั้งวันทั้งคืนที่เทือกเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ มีการชมด้วยตัวเอง เข้าใจเส้นสายเหล่านั้นว่าเป็นเส้นทางของการขับเคลื่อนปราณแท้ ในขณะเดียวกันก็เป็นเจตจำนงดาบ แต่เป็นเพราะว่าธรรมดาจึงแก้ยาก เส้นสายจำนวนน้อยนิดบนภาพวาดผนังโลงศพ ทำให้พวกเขาจมดิ่งอยู่ในนั้น กลับค่อยๆ ลืมการไหลไปของเวลา จนกระทั่งผ่านไปเค่อหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาสองคนก็ได้บรรลุวิชาดาบวรรคนี้ ฟื้นสติกลับคืนมาพร้อมกันแทบจะแยกก่อนหลังไม่ได้ จ้องมองซึ่งกันและกันภายใต้จิตใต้สำนึกปราดหนึ่ง มองเห็นความสะท้านใจของกันและกัน
ดาบเหล็กออกจากปลอก เกิดจากท้องฟ้าอันกว้างไกล ดูอย่างไรก็น่าจะเป็นท่าทีที่เรียบง่ายท่าหนึ่ง ทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนได้ถึงเพียงนี้? การเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนเช่นนี้จะสามารถจดจำได้อย่างไร อีกทั้งยังเอาไปใช้ในการต่อสู้ได้ด้วยหรือ? วิชาดาบชุดนี้ก็เหมือนกับโจวตู๋ฟูคนนี้ เด็ดขาดเถรตรงอย่างยิ่ง กลับลึกซึ้งยากแก้ จากความรู้ของพวกเขาสองคนล้วนรู้สึกว่าเหนือคาดเหลือเชื่อ
นอกจากโจวตู๋ฟูจะเป็นนักปราชญ์มากพรสวรรค์ผู้มีสติปัญญาเหนือกว่าปุถุชน ก็ไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสมไปกว่านี้อีก
ท่อนเกิดดาบแรกวรรคนี้ที่มองดูเหมือนง่ายดาย กลับทำให้พวกเขาสูญเสียพลังใจจำนวนมาก ถึงได้พิชิตเอาไว้ในกำมือในที่สุด แน่นอนว่า ครั้นบรรลุวิชาดาบวรรคนี้ ความรู้สึกสะใจที่ขวดสีเงินแตก ไม้พายพัดตามกระแสน้ำกระเซ็น เสียงทำนองรบเหนืออาชาศึกหุ้มเกราะเหล็กเลื่อนลั่นสนั่นหวั่นไหว*แบบนั้น ช่างรุนแรงเช่นนั้น ทำให้พวกเขาตื่นเต้นเบิกบานไปทั่ว กลับทนไม่ได้ที่จะไม่ตะโกนร้องเสียงดังสักหลายเสียง ถึงจะสามารถปลดปล่อยอารมณ์ที่ยอดเยี่ยมออกมาในตอนนี้
เฉินฉางเซิงและสวีโหย่วหรงเพียงแค่มองซึ่งกันและกันอย่างเงียบขรึม อารมณ์ที่ตกตะลึงในสายตาค่อยๆ กลายเป็นไม่สบายใจ เพียงแค่วิชาดาบวรรคแรก ก็ทำให้พวกเขาใช้เวลาไปยาวนานขนาดนี้ จะบรรลุวิชาดาบหนึ่งร้อยแปดวรรคนี้ให้หมดถึงกระทั่งซึมซับได้อย่างแม่นยำ นี่ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร? ตอนนี้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา ก็คือไม่มีเวลา
ถ้าเพียงแค่เวลาไม่พอ ที่จริงแล้วก็สามารถลองที่จะจำวิชาดาบได้เท่าไรก็เท่านั้น อย่างที่พูดไว้ก่อนหน้า เคล็ดวิชาดาบสองท่อนชุดนี้เป็นบทความยอดเยี่ยมบนหนึ่ง จุดที่มหัศจรรย์และพิเศษมากที่สุดอยู่ที่ หนึ่งร้อยแปดดาบดูเหมือนแบ่งแยก ความจริงแล้วกลับเป็นรูปร่างเดียวกัน เจ้าจำเป็นที่จะต้องบรรลุวิชาดาบทั้งชุด ถึงจะสามารถเข้าใจความหมายของบทความนี้ทั้งหมด
เหมือนที่เห็นพวกเขาคล้ายจะเรียนรู้ดาบแรก แต่การเรียนรู้แบบนั้นไม่พออย่างมาก หรืออาจจะพูดว่าไม่ใช่การเรียนรู้ที่แท้จริง
“จำก่อน” เฉินฉางเซิงมองนางพลางพูดว่า “ช่วงชิงเวลา จำตัวอักษรและรูปภาพเหล่านี้ลงมาให้หมด”
แม้จะไม่ขอให้เข้าใจ ขอแค่คัดลอกเคล็ดวิชาดาบทั้งหมดนี้เข้าไปในห้วงแห่งจิต ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเช่นกัน
สวีโหย่วหรงคำนวณเวลาที่จะมาถึงของคลื่นอสูรและเวลานานแค่ไหนที่ตัวเองต้องใช้ในการจำเคล็ดวิชาดาบชุดนี้ลงมาให้ได้ในใจ มั่นใจว่าไม่พอ พูดว่า “แบ่งกันจำ”
“ได้” เฉินฉางเซิงมองใบหน้าของนางที่ขาวซีดเล็กน้อย หยุดสักพักแล้วพูดว่า “ข้าอ่านจากข้างหลังมาข้างหน้า เจ้าอ่านจากข้างหน้าไปข้างหลัง”
ถ้าพูดว่าเคล็ดวิชาดาบชุดนี้เป็นบทความบทหนึ่ง ชมจากข้างหน้าไปข้างหลังเป็นลำดับการอ่าน อย่างไรก็สบายกว่าหน่อย เทียบกับการอ่านกลับหลังก็ยิ่งเป็นเช่นนี้
สวีโหย่วหรงรู้ว่าเขาคิดถึงตัวเองที่บาดเจ็บหนักยังไม่หายดี ตั้งใจเช่นนี้ ไม่ได้ปฏิเสธ เดินไปที่ข้างหน้าของคำอธิบายของรูปภาพและตัวอักษรของวิชาดาบวรรคที่สอง เริ่มจำลงในห้วงแห่งจิต
เฉินฉางเซิงมองใบหน้านางปราดหนึ่ง มั่นใจว่านางสามารถยืนทนได้อีกสักพัก ก็เดินไปถึงด้านซ้ายของโลงศพหินภูเขาไฟสีดำ ด้านหน้าของรูปภาพรูปสุดท้าย
นี่เป็นดาบสุดท้ายของท่อนตก มีชื่อที่อหังการอย่างมากว่า ‘ผลาญโลกันตร์’
สายตาของเขาตกลงบนเส้นสายของรูปภาพรูปนั้น ในเวลาเดียวกัน ตัวอักษรที่เป็นคำอธิบายเหล่านั้นก็เข้ามาในม่านตาของเขา
เพียงแต่ในระยะเวลาอันสั้น ตัวอักษรและรูปภาพก็หายไปอย่างไร้วี่แวว ที่ข้างหน้าของเขาปรากฏท้องฟ้าที่มืดมนแห่งหนึ่งขึ้นมา ทุกที่เต็มไปด้วยดวงดาวร่วงหล่น ลากหางไฟยาวเหยียด โลกราวกับกำลังจะทลาย…
เค่อต่อไป เขาสังเกตเห็นว่าร่องรอยการเดินทางที่ดวงดาวตกลงมาเหล่านั้น กลับมีความคุ้นตาเล็กน้อย เขานึกขึ้นมาได้ ร่องรอยเหล่านั้นก็คือการเกิดกระบวนท่าของดาบแรกในวรรคลิขิตของเคล็ดวิชาดาบสองท่อน ที่แท้สุดท้ายและเริ่มแรกก็เชื่อมไว้ด้วยกันอย่างที่คิด เขามั่นใจเนื้อหาในกฎเกณฑ์หลักในที่สุด วิชาดาบชุดนี้ต้องฝึกทั้งหมดอย่างที่คิด ถึงจะพิชิตมาอยู่ในกำมือได้
วิชาดาบชุดนี้เป็นภาพทั้งหมดโดยรวมที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ หรืออาจจะเปลี่ยนอีกคำพูดหนึ่งว่า หนึ่งร้อยแปดดาบในเคล็ดวิชาดาบสองท่อน ความจริงแล้วก็คือหนึ่งดาบ
น่าจะเป็นเช่นนี้
หนึ่งดาบ ถึงจะเป็นสองท่อนได้
*ขวดสีเงินแตก ไม้พายพัดตามกระแสน้ำกระเซ็น เสียงทำนองรบเหนืออาชาศึกหุ้มเกราะเหล็กเลื่อนลั่นสนั่นหวั่นไหว แปลว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน