ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 48 กระบี่ชรากับเด็กหนุ่ม (ตอนต้น)
กระบี่ที่เฉินฉางเซิงอยากได้ย่อมต้องอยู่ในสวนโจว หรือพูดให้ถูกต้องก็คืออยู่ในสระกระบี่ แม้จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าสระกระบี่อยู่ที่ใด แต่กระบี่ที่เขาอยากได้ย่อมเป็นกระบี่เลื่องชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย คล้ายกันกับกระบี่มหาสมุทรขุนเขาในมือของเขาตอนนี้อย่างไรอย่างนั้น
อันที่จริง กระบี่ที่เขาอยากได้อยู่ในร้อยอันดับศาสตราก็จริง แต่ห่างไกลจากกระบี่มหาสมุทรขุนเขาอยู่มาก ทว่าเลื่องชื่อกว่าเมื่ออยู่ในบางสถานที่ เพราะมันเป็นกระบี่ที่ยากพานพบ เป็นกระบี่ที่โจวตู๋ฟูนำเข้ามาในสวนโจว ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ เป็นกระบี่จำศีลของสถานศึกษาหนานซี หรือก็คือ กระบี่เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์
เฉินฉางเซิงไม่รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของเขาคือสวีโหย่วหรง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงไม่มีความรู้สึกที่ดีกับชื่อสวีโหย่วหรงนัก ที่เขาอยากได้กระบี่เล่มนี้ในตอนนี้ก็ไม่ใช่เพราะต้องการให้เป็นสินสอดทองหมั้นกับคู่หมั้น แต่เป็นเพราะในตำนานบอกว่ากระบี่จำศีลของสถานศึกษาหนานซีเล่มนี้มีแสงศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ ใช้ชะล้างพิษได้ทุกชนิด และข่มมหายุทธ์แปลงโลหิตของเผ่ามารได้โดยธรรมชาติ
ความคิดนี้ไร้สาระมาก แต่กลับกลายเป็นจริงไปได้ โดยขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้อยู่นั้น ที่ราบทุ่งหญ้าทางใต้แห่งหนึ่งพลันเกิดความรู้สึกที่ใสบริสุทธิ์สายหนึ่ง หญ้าป่าที่ลำต้นโค้งงออย่างอ่อนล้าท่ามกลางห่าฝน กลับตั้งตรงขึ้น หยาดน้ำกลิ้งไปตามใบแล้วหยดลง มีชีวิตชีวากว่าเดิมร้อยเท่า
เจตจำนงกระบี่ที่สดใสเรียบง่ายปรากฏขึ้นท่ามกลางพลังชีวิตอันไร้ขีดจำกัด ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้น เจตจำนงกระบี่นี้ก็เดินทางมาถึงแท่นหินหน้าประตูสุสาน ปรากฏเป็นกระบี่เล่มหนึ่งขึ้นในเวลาเดียวกัน กระบี่เล่มนี้ดูสุขุม ไม่มีการประดับตกแต่งเกินเลย มันเปล่งพลังเทพศักดิ์สิทธิ์บางๆ ออกมา พลันเกิดความสว่างสดใสในความมืดที่พายุฝนนำพามา
นี่ก็คือกระบี่จำศีลที่เฉินฉางเซิงอยากได้
เขายื่นมือออกรับกระบี่จำศีลท่ามกลางสายฝน แล้วฟันใส่ขนนกยูงที่พุ่งเข้ามา
ในเสียงระเบิดของเปลวไฟ ได้ยินเสียงร้องอันโกรธแค้นของนกยูง ตามด้วยเสียงพึ่บพั่บ สะเก็ดไฟที่อยู่บนขนนกยูงกลายเป็นควันสีเขียว พิษอันน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ในไฟโลหิต ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กระบี่จำศีลเปล่งออกชะล้างจนหมดเกลี้ยงในพริบตา!
เงียบสงบ เงียบสงบเป็นที่สุด ใบหน้าน้อยๆ ของหนานเค่อซีดขาวลงอีก สองสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังนางเบิกตามองพลางรู้สึกผิดคาดยิ่ง ดวงตาของผู้เฒ่าดีดพิณฉายแววหวาดกลัว เถิงเสี่ยวหมิงรู้สึกเครียดจนถึงขีดสุด
พริบตานั้น เสียงฝนตกดังซู่ หลิวหว่านเอ๋อร์ที่ไม่ได้ลงมือมาตลอด เหาะขึ้นไปบนถนนเสินอย่างรวดเร็ว กระทะเหล็กใบใหญ่ในมือกลายเป็นคืนเดือนมืดปกคลุมทั่วฟ้า ครอบแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งออกจากกระบี่จำศีล!
เฉินฉางเซิงคลายมือออกจากด้ามกระบี่จำศีล มาจับด้ามกระบี่มหาสมุทรขุนเขาในสายฝนอีกครั้ง แล้วชี้มันไปที่กระทะเหล็กใบใหญ่ ได้ยินเสียงดังดั่งระฆังทองปากแตก พลังปราณกระจัดกระจาย กระทะดำถูกกระบี่โลหะเขี่ยปลิว คืนเดือนมืดโหว่เป็นรู
หลังคืนเดือนมืดมิใช่วันฟ้าใส แต่เป็นมือทั้งสองข้างของหลิวหว่านเอ๋อร์
มือของนางมีเชือกไหมเส้นหนึ่งที่ทั้งนุ่มและลื่นมาก ปลายเชือกมัดกระบี่มหาสมุทรขุนเขาไว้ ทำให้กระบี่โลหะที่หนักหน่วงขยับไม่ได้อีก และในตอนนี้เอง คนรู้ใจนางเถิงเสี่ยวหมิงก็หยิบท่อนเหล็ก ฟาดใส่ศีรษะเฉินฉางเซิงอีกครั้ง กลางสายฝนที่เทลงมาอย่างหนัก!
และในตอนนี้เอง ส่วนลึกของทุ่งหญ้าเกิดความผิดปกติขึ้นอีก กระบี่เล่มหนึ่งไวดุจเส้นแสง พุ่งฝ่าห่าฝนหลายสิบลี้ มาถึงหน้าประตูสุสาน ก่อนพุ่งเข้าไปในมือขวาที่เพิ่งคลายออกจากด้ามกระบี่มหาสมุทรขุนเขาของเฉินฉางเซิง
ตัวกระบี่ละเอียดอ่อนสวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนเข็มเล่มหนึ่ง
เฉินฉางเซิงจับมันไว้แล้วแทงใส่หลิวหว่านเอ๋อร์ กระบี่สวยงามเล่มนี้คล้ายรับไม่ได้ที่ถูกพายุฝนล้างตัว จึงสั่นไม่หยุด คมกระบี่ชอนไชวูบวาบ คล้ายกำลังเย็บปักถักร้อยอะไรบางอย่างในสายฝน ไม่รู้ว่านี่คือกระบี่อะไร และเขาใช้เพลงกระบี่อะไร เพียงรู้สึกว่ามันอ่อนนุ่มมาก นี่คือเพลงกระบี่ใบไม้เขียวดอกไม้แดง ถักร้อยทิวทัศน์ให้หมดจดงดงาม!
เสียงดังพึ่บพั่บ กระบี่สวยงามไม่สามารถถักร้อยทิวทัศน์ในสายฝนให้งดงาม แต่กลับสะกิดเชือกไหมที่มัดกระบี่มหาสมุทรขุนเขาออก ก่อนสะกิดน้ำฝน แล้วพุ่งเข้าหาหลิวหว่านเอ๋อร์ สะกิดติ่งหูนาง หากท่อนเหล็กโค้งงอของเถิงเสี่ยวหมิงไม่ฟาดลงมาก่อน กระบี่สวยงามคงจะสะกิดไปที่กลางคอของหลิวหว่านเอ๋อร์แล้ว
ท่อนเหล็กทะลุท้องฟ้า เฉินฉางเซิงคลายมือออกจากกระบี่สวยงาม ไปจับกระบี่มหาสมุทรขุนเขาในสายฝนอีกครั้ง เขาพลิกกระบี่กลับ ยังคงเป็นการสะกิด ได้ยินเสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว ท่อนเหล็กลอยขึ้นท้องฟ้าเสียงดังวืดวาด ไม่รู้ตกลงที่ใด เถิงเสี่ยวหมิงจับไหล่ของหลิวหว่านเอ๋อร์อย่างไม่ลังเล ก่อนถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว หลบหลีกกระบี่ที่ตามมาของเฉินฉางเซิง
ไม่ว่าเขาจะใช้กระบี่สวยงามเล่มนั้นหรือกระบี่มหาสมุทรขุนเขา กระบวนท่าต่อเนื่องสามเพลง เฉินฉางเซิงก็ล้วนใช้การสะกิด สะกิดเส้นด้ายในเนื้อผ้า สะกิดโคมไฟในคืนเดือนมืด สะกิดให้สะอาดเรียบร้อย สะกิดอย่างสบายๆ
กระบี่สามเล่มลอยนิ่งอยู่รอบตัวเขาท่ามกลางพายุฝน เป็นภาพที่น่าตื่นตะลึงยิ่ง
ขณะมองดูกระบี่จำศีลที่ยังคงเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์อ่อนๆ ออกมา หนานเค่อก็ไม่สามารถข่มใจไม่ให้ตื่นตะลึงได้อีก กระทั่งไม่อยากจะคิดแล้วว่ากระบี่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ในตำนานปรากฏขึ้นได้อย่างไร ได้แต่พูดอย่างไม่พอใจ “แม้แต่เพลงกระบี่ของสถานศึกษาหนานซีเจ้าก็ใช้เป็นได้อย่างไร!”
“หรือนี่ก็คือกระบี่สตรีแดนเย่ว์?” หลิวหว่านเอ๋อร์มองดูกระบี่สวยงามที่อยู่ข้างกายเฉินฉางเซิงในสายฝน พลางตกใจ โดยไม่รู้สึกว่าติ่งหูของตนมีโลหิตสีแดงสดหยดลง
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของต้าลู่เคยมีพรรคกระบี่ที่แข็งแกร่งมากอยู่หนึ่งพรรค ศิษย์ในพรรคส่วนใหญ่เป็นสตรี และอยู่ในแดนเย่ว์โบราณ จึงตั้งชื่อว่าพรรคสตรีแดนเย่ว์ ที่นี่มียอดฝีมือในเส้นทางกระบี่มากมาย กระทั่งรวมกับสถานศึกษาหนานซีเมื่อหลายร้อยปีก่อน ชื่อเสียงจึงค่อยๆ จางหายไป สำหรับสถานศึกษาหนานซีก็ไม่ต้องพูดมากอีก ด้วยมีฐานะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของสำนักพรรคนิกายหลวงทางทิศใต้ที่ผู้คนมากมายให้ความเคารพศรัทธา
หนานเค่อกับหลิวหว่านเอ๋อร์ย่อมตื่นตะลึงที่กระบี่สองเล่มนี้ปรากฏขึ้น แต่สิ่งที่ยิ่งไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดเฉินฉางเซิงจึงรู้กระทั่งเพลงกระบี่ของสถานศึกษาหนานซีกับพรรคสตรีแดนเย่ว์ ต้องรู้ว่าเพลงกระบี่ทั้งสองชุดนี้เน้นไปที่การชำระล้างความบริสุทธิ์และการถักทอความคิด ซึ่งเด็กหนุ่มน้อยคนนักจะฝึกได้
เฉินฉางเซิงมิได้อธิบายว่า ที่เขาสามารถควบคุมเพลงกระบี่ของสถานศึกษาหนานซีกับพรรคสตรีแดนเย่ว์ได้นั้น อย่างน้อยต้องสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวและรูปร่างกระบี่ของเพลงกระบี่ทั้งสองชุดอย่างคร่าวๆ ให้ได้ก่อน ซึ่งนอกจากความขยันหมั่นเพียรในการอ่านคัมภีร์ลัทธิเต๋าจนทะลุปรุโปร่ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญแล้ว การเดินทางจากเมืองซีหนิงมายังจิงตู และเวลาหนึ่งปีที่อยู่ในสำนักฝึกหลวง เรื่องที่เขาทำเป็นประจำก็คือการอ่านหนังสือและบำเพ็ญเพียร ศึกษาค้นคว้าวิธีการฝึกวิชาทั้งหมดในโลก นอกจากเด็กหนุ่มไม่กี่คนในเจ็ดคำโคลงแห่งแดนเทพของพรรคกระบี่หลีซานแล้ว ในคนรุ่นราวคราวเดียวกันก็ไม่มีทางหาผู้ที่ขยันหมั่นเพียรเช่นเขาได้อีก
ขณะมองดูเฉินฉางเซิงยืนบนแท่นหินท่ามกลางพายุฝน ไม่ว่าหนานเค่อหรือหลิวหว่านเอ๋อร์ก็ล้วนเกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
ในบรรดาผู้แข็งแกร่งเผ่ามารที่เข้ามาในสวนโจว เถิงเสี่ยวหมิงเป็นคนเงียบที่สุดคนหนึ่ง ถ้าพูดถึงฐานะขุนพลลำดับที่ยี่สิบสี่ของเขา ยังไม่ต้องพูดถึงองค์หญิงหนานเค่อผู้สูงส่ง เขาต่ำต้อยกว่าภรรยาเสียอีก แต่ผู้สูงศักดิ์ในเมืองเสวี่ยเหล่าล้วนรู้ว่า เป็นเพราะเขารักและเทิดทูนภรรยามาก ทว่าถ้าพูดถึงวิสัยทัศน์และพลังการต่อสู้จริงๆ เขาคือผู้แข็งแกร่งสุด
ดังนั้นเขาจึงไม่ปล่อยให้ภาพที่อยู่ตรงหน้ามาทำให้ความรู้สึกไขว้เขว มือขวายื่นออกไปในสายฝน เรียกท่อนเหล็กที่ไม่รู้อยู่ไหนของตนกลับคืน เหยียบน้ำฝนบนถนนเสินจนเกิดเป็นวงคลื่น เสียงวืดวาด จู่โจมใส่เฉินฉางเซิงอีกครั้ง
ผู้แข็งแกร่งที่เหลือต่างก็เรียกสติคืนกลับ ด้วยรู้ว่าไม่สามารถปล่อยให้การต่อสู้เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จากการมองดูเฉินฉางเซิงที่กำลังเข้าสู่ภาวะจนตรอก แต่พลันมีกระบี่สามเล่มเข้ามาช่วยเหลือ ใครจะรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?
เสียงฟ้าผ่าดังต่อเนื่อง เกิดลมแรงบนถนนเสิน โบกพัดจนพายุฝนตกเป็นแนวเฉียงดั่งหลิวลู่ลม พร้อมเสียงพิณบาดลึก เปี่ยมรังสีฆ่าฟัน จู่โจมใส่เฉินฉางเซิงที่อยู่บนขอบแท่นหิน
ในตอนนี้เอง ท้องฟ้ากลางสายฝนพลันเกิดเสียงดังเวิ้งว้าง เสียงนั่นเป็นเสียงกระบี่ครวญ คมกริบถึงที่สุด สะเทือนก้องฟ้าดิน ในส่วนลึกของที่ใดสักแห่งเกิดความผิดปกติขึ้น คล้ายเสียงมังกรครวญจากอดีตกาล!
ท้องฟ้าในที่ไกลออกไป เงามืดของมหาวิหคบรรพกาลกำลังค่อยๆ บินต่ำ แต่พลันหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงมังกรครวญ
ผู้เฒ่าดีดพิณสีหน้าซีดขาว นิ้วที่ดีดอยู่บนสายพิณสั่นรุนแรงขึ้นมา แล้วสายพิณก็ขาดลงพร้อมเสียงดังพรวด เขากระอักโลหิตออก พิณโบราณบนตักถูกย้อมเป็นสีแดงสดในพริบตา
นี่คือสิ่งใดกัน เพียงเสียงร้องครวญก็ทรงอานุภาพดุจทวยเทพถึงเพียงนี้!
ขณะเดียวกัน กระบี่เล่มหนึ่งได้แหวกพายุฝนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินฉางเซิง
เจตจำนงกระบี่เล่มนี้อหังการยิ่ง ทระนงเป็นที่สุด
“กระบี่มังกรครวญ!” หลิวหว่านเอ๋อร์ร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก
เฉินฉางเซิงหยิบกระบี่มังกรครวญในสายฝน ฟันใส่เถิงเสี่ยวหมิง
สุสานพลันสว่าง คล้ายมังกรในจินตนาการหลุดออกจากตัวกระบี่ พุ่งเข้ากลางอกเถิงเสี่ยวหมิง ได้ยินเสียงดังทึบตันน่ากลัว ร่างของเถิงเสี่ยวหมิงลอยละลิ่วไปไกลหลายร้อยจั้ง ก่อนตกลงด้านล่างของถนนเสิน โดยไม่รู้ว่ากระดูกซี่โครงหักไปกี่ท่อน
หนานเค่อโมโหมาก เลือดแท้เผาไหม้เป็นเปลวไฟลุกโชนอยู่ในดวงตา
เฉินฉางเซิงมองตานาง พลันคลายมือจากด้ามกระบี่มังกรครวญ แล้วยื่นมือออกไปในสายฝนอีกครั้ง
กระบี่เปล่งแสงสว่าง ลอยจากที่ไกลออกไป มาอยู่ในมือเขาอีกเล่ม
เขาชี้กระบี่ไปข้างหน้า ดั่งชำระล้างตัวกระบี่ ก่อนฟันจะใส่หนานเค่อ
เสียงร้องอย่างตกใจดังขึ้นอีกครั้งบนถนนเสิน “กระบี่หยาดใบไม้ร่วง!”
นี่ยังไม่จบ
นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น
เสียงกระบี่แหวกพายุฝนดังติดต่อกันไม่หยุด
เสียงตกตะลึงพึงเพริศร้องดังไม่หยุดเช่นกัน
“กระบี่ทะเลสาบมรกต!”
“กระบี่ทีฆเทพ!”
“เป็นไปได้อย่างไร! นี่คือ…กระบี่ธงชัยของอาจารย์มาร!”