ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 53 กระบี่สำแดงเดชในทุ่งหญ้า ราวกับอยู่บนเขาหลีซาน
กระบี่ทั้งหมดเห็นด้วยแล้ว รวมทั้งกระบี่ที่อยู่หน้าสุดของสุสาน อยู่สูงสุดบนท้องฟ้า สว่างสุดจนแยงตา พร้อมกับเย่อหยิ่งสุดเล่มนั้น ก็มิได้โต้แย้ง เพียงสั่นเครือและส่งเสียงเล็กน้อย โต้ตอบเจตจำนงกระบี่ที่กระจายมาถึงตัว มันมีท่าทีดูแคลนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สนใจที่มาที่ไปของพลังนี้แต่อย่างใด
ตอนนี้เจตจำนงกระบี่หลีซานได้เชื่อมโยงการสื่อสารของกระบี่หมื่นเล่มเอาไว้ด้วยกัน เรื่องที่เฉินฉางเซิงต้องทำก็คือ ใช้เจตจำนงกระบี่นี้ ทำให้กระบี่หมื่นเส้นทางสำแดงเพลงกระบี่ออกมา และเมื่อเป็นเจตจำนงของกระบี่หลีซาน เพลงกระบี่ที่สำแดงออกก็ต้องเป็นเพลงกระบี่หลีซาน เนื่องจากสัญญาหมั้นหมายกับสวีโหย่วหรง อีกทั้งเรื่องต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นในจิงตู ในสายตาของผู้คนเห็นว่าสำนักฝึกหลวงกับพรรคกระบี่หลีซาน หรือระหว่างเขากับชิวซานจวิน ตัวแทนเจ็ดคำโคลงแห่งแดนเทพ มีความเกลียดชังที่ยากปล่อยวาง แต่ยังดีอยู่อย่างหนึ่ง เขาเป็นเพลงกระบี่หลีซานมากสุด
เพราะตำรารวมเคล็ดวิชาเพลงกระบี่เขาหลีซานอยู่ข้างกายเขาตลอด และเพราะตอนเริ่มบำเพ็ญเพียร คู่ปรับมากพรสวรรค์ที่เจอก็ล้วนแล้วแต่มาจากเขาหลีซาน
พรรคกระบี่หลีซานจัดเป็นหนึ่งในพรรคกระบี่มาตรฐานในแดนใต้ มีชื่อเสียงด้านการบำเพ็ญเพียรเส้นทางกระบี่แห่งยุค จากอดีตจนถึงปัจจุบันได้รังสรรค์เพลงกระบี่ไม่รู้กี่ชุดต่อกี่ชุด แต่เพลงกระบี่ที่มีค่าควรแก่การบันทึกลงในตำรารวมเคล็ดวิชาเพลงกระบี่เขาหลีซานมีอยู่ด้วยกันสามหมื่นกว่ากระบวนท่า ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกเขาจดจำไว้ในหัวทั้งหมด แน่นอนว่า เขาไม่สามารถควบคุมเจตจำนงกระบี่ทั้งหมดของเพลงกระบี่เหล่านี้ได้ในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี แต่ตอนนี้ในร่มกระดาษทองมีเจตจำนงกระบี่หลีซานเล่มนั้นเข้ามาช่วย ทำให้เขามั่นใจว่าสามารถสำแดงเพลงกระบี่หลีซานเหล่านี้ได้ แต่ปัญหาใหญ่สุดยังคงเป็นจิตสัมผัสของเขา
จิตสัมผัสเขาจะแบ่งเส้นทางกระบี่ได้กี่เส้นทาง จะควบคุมกระบี่ให้สำแดงเพลงกระบี่หลีซานเหล่านั้นออกมาได้กี่เล่ม?
ฟ้าหลังฝนใสกระจ่าง แต่หนานเค่อยังคงหลับตา สีหน้าเล็กๆ ซีดขาว ผมยาวปลิวไสว ไม้จิตวิญญาณสว่างจ้า ควบคุมไม่ให้สัตว์อสูรบุกเข้ามาในสุสาน พร้อมกับเตรียมจู่โจมครั้งสุดท้าย ขณะมองดูนางและทะเลคลื่นอสูรสีดำด้านหลังนาง รวมทั้งสัตว์อสูรขนาดใหญ่เท่าภูเขาเลากาสองตัว เฉินฉางเซิงก็หลับตาลงเช่นเดียวกัน
เพลงกระบี่สามหมื่นกว่ากระบวนท่าที่ถูกบันทึกไว้ในตำรารวมเคล็ดวิชากระบี่หลีซาน จากระดับที่ไม่สามารถทำความเข้าใจ กลายเป็นภาพเสมือนจริงตรงหน้า ปรากฏขึ้นในสมองของเขาไม่หยุด ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงแรงเสียดทานแผ่วเบารอบสุสาน จากนั้นค่อยได้ยินเสียงเจี๊ยกๆ ดังขึ้นเป็นพักๆ บางครั้งดังจากทิศตะวันตะวันออก บางครั้งดังจากทิศตะวันตก ไม่สามารถแยกแยะตำแหน่งที่แน่นอนในพริบตา จึงไม่สามารถทำการโจมตีได้ วานรดินที่แข็งแกร่งและอันตรายตัวนั้นมาถึงแล้ว
เฉินฉางเซิงหลับตาอยู่ แต่พลันยกแขนขวาขึ้น ชี้ไปยังด้านหน้าถนนเสิน ซึ่งก็คือท้องฟ้าด้านหน้าสุสาน ทำให้เกิดเสียงแผดร้องอันแหลมเล็กของกระบี่ดังก้องตามมา
กระบี่หนึ่งร้อยเล่ม แหวกอากาศผ่านไป
สงสารสาวงามคิดคืนกลับ! เส้นทางภูเขาสิบแปดโค้ง! กระแสน้ำลง! ยอดอาชาหน้าภูเขา!
เหล่านี้ล้วนเป็นเพลงกระบี่ในตำรารวมเคล็ดวิชากระบี่เขาหลีซานทั้งสิ้น
ตั้งแต่กระบวนท่าแรกไปจนถึงกระบวนท่าสุดท้าย กระบี่หนึ่งร้อยเล่มต่างร่ายรำเพลงกระบี่ออกมาหนึ่งร้อยเพลง
เท่ากับศิษย์หนึ่งร้อยคนของเขาหลีซาน ร่ายรำเพลงกระบี่พร้อมๆ กัน
ถ้าว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว พลังปราณแท้ของเฉินฉางเซิงไม่ได้เหลือเฟือเช่นนี้ แต่อย่าลืมว่า กระบี่เหล่านี้กำลังเอาชีวิตตนเข้าแลก ด้วยนี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกมัน อีกทั้งระดับขั้นบำเพ็ญเพียรของเฉินฉางเซิงในตอนนี้ ยังมีเจตจำนงอันแข็งแกร่งสุดของกระบี่ชื่อก้องฟ้าอยู่ ดังนั้นพลังอำนาจที่กระบี่หนึ่งร้อยเล่มระเบิดออกมาจึงไม่อาจนำเพลงกระบี่ที่ลูกศิษย์พรรคกระบี่หลีซานทั่วไปใช้มาเทียบเคียงได้ แต่มันเทียบได้กับเพลงกระบี่ของศิษย์สายใน กระทั่งอยู่ในระดับมาตรฐานของเจ็ดคำโคลงแห่งแดนเทพด้วยซ้ำ!
เหลียงปั้นหูหนึ่งร้อยคน ชีเจียนหนึ่งร้อยคน หรือจะกล่าวว่ากวนเฟยไป๋หนึ่งร้อยคนร่ายรำกระบี่พร้อมกัน เช่นนี้จะมีอานุภาพขนาดไหน?
ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ปลายยอดสุดของขั้นรวบรวมดวงดาวก็ไม่สามารถต้านทานความแรงของกระบี่ร้อยเล่มได้ซึ่งหน้า นับประสาอะไรกับสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับรวบรวมดวงดาวขั้นสูงเล่า?
แสงวูบวาบของกระบี่ทั้งแนวตั้งและแนวนอนอยู่รวมกันตรงหน้าถนนเสิน พวกมันใช้ความคมทะลุทะลวงเข้าสังหารสิ่งที่อยู่ใต้ดิน กระบี่ก่อตัวเป็นรูปซุ้มประตู กั้นตระหง่านอยู่ตรงหน้าถนนเสิน! ซุ้มประตูดูใหญ่โต ศักดิ์สิทธิ์ น่าเคารพนับถือ คล้ายถอดแบบมาจากซุ้มประตูเขาหลีซาน!
เสียงร้องอย่างโกรธแค้นและโหยหวนดังมาจากใต้ดิน ผืนดินพลิกขึ้นแยกออกจากัน วานรดินตัวนั้นปรากฏตัวขึ้นพร้อมโลหิตสีดำเป็นทาง ก่อนกลายร่างเป็นแสงสว่างสายหนึ่ง พุ่งไปรอบๆ สุสาน เห็นชัดว่ามันกำลังบาดเจ็บสาหัสจากการถูกจู่โจมในหนึ่งกระบวนท่า!
กระบี่หนึ่งร้อยเล่มมิได้ไล่ล่ามันต่อ ลอยนิ่งอยู่บนท้องฟ้าหน้าถนนเสิน
ซุ้มประตูแห่งขุนเขากะพริบวิบวับ คล้ายอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
……
……
มีเมฆหมอกก็ต้องมีความชื้น เมฆดำที่ถูกเจตจำนงกระบี่ฟันกระจาย ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาหากันตามธรรมชาติ ฝนจึงตกลงจากฟากฟ้าอีกครั้ง แต่มีความเล็กละเอียดกว่าเดิม
หนานเค่อยังคงหลับตา สายฝนสาดใส่ใบหน้าอันซีดขาวของนางจนเปียกชุ่ม
ผู้เฒ่าดีดพิณนอนจมกองโลหิตอยู่บนถนนเสิน เขาตายแล้ว หนิงชุ่ยสลบอยู่ ฮว่าชิวก็สลบอยู่ มีเพียงคู่สามีภรรยาขุนพลมารที่แข็งแกร่ง มือถือคานหาบเหล็กที่บิดงอกับกระทะเหล็กที่ทะลุเป็นรู ยืนอยู่ด้านล่างของหนานเค่อ คอยปกป้องนาง
ขณะมองดูซุ้มประตูกระบี่ร้อยเล่มตั้งตระหง่านอยู่บนถนนเสิน สองสามีภรรยาก็รู้สึกเครียด กระบี่ร้อยเล่มรวมตัวกัน สัตว์อสูรระดับรวบรวมดวงดาวขั้นสูงบาดเจ็บในพริบตาเดียว ไม่ต้องพูดถึงระดับขั้นที่ถูกลดลงสู่ระดับทะลวงอเวจีในตอนนี้ หากฟื้นฟูระดับขั้นให้เหมือนตอนอยู่ในสมรภูมิใหญ่นอกสวนโจว พวกตนจะสามารถรับมือกับการจู่โจมอย่างบ้าคลั่งของกระบี่ได้ไหม?
สิ่งที่ทำให้ทั้งสองตกตะลึงพึงเพริศมากที่สุดก็คือ เหตุใดจิตสัมผัสของเฉินฉางเซิงถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สามารถแบ่งแยกออกเป็นร้อยวิถี แล้วใช้กระบี่หนึ่งร้อยเล่มสำแดงเพลงกระบี่หนึ่งร้อยกระบวนท่า!
ดินแดนต้าลู่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ?
ไม้จิตวิญญาณตรงหน้าหนานเค่อสว่างขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เงาดำบนท้องฟ้าค่อยๆ เลื่อนลงต่ำ จนเกือบเข้าใกล้ด้านล่างของหนานเค่อ
คล้ายคลื่นอสูรในทะเลสีดำ พอมาถึงสุสานรอบนอกก็กระจายตัวออก แล้วเริ่มจู่โจม ส่วนสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนคำรามและกรีดร้อง บ้างก็กระโดดขึ้นไปบนก้อนหินขนาดใหญ่ในสุสาน บ้างก็ปีนขึ้นที่สูงอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาอันสั้น พื้นที่ด้านล่างของสุสานก็ถูกคลื่นอสูรไหลเข้าท่วมจนโกลาหลไปหมด สัตว์อสูรพรั่งพรูเข้ามาเบียดเสียดกันไม่หยุด น่าขยะแขยงอย่างยิ่ง
สุสานกว้างใหญ่ก็จริง แต่สัตว์อสูรมีจำนวนมากมายก่ายกอง มองไปทางไหนก็เห็น แม้กระบี่ร้อยเล่มบนถนนเสินทำหน้าที่ดั่งซุ้มประตูจริงๆ ฟาดฟันพวกมันไม่หยุด แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งแรงผลักดันที่ไหลไปข้างหน้าของคลื่นอสูรได้ เฉินฉางเซิงต้องการกระบี่ที่มากกว่านี้ กระบี่เหล่านั้นก็ลอยอยู่บนท้องฟ้ารอบสุสาน
เขายืนอยู่ข้างแท่นหินในรัศมีปรอยฝน ใบหน้าซีดขาวไปบ้าง ปิดตาแน่นสนิท ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย
เพลงกระบี่เขาหลีซานนับไม่ถ้วนวูบวาบอยู่ในสมองเขาไม่หยุด จิตสัมผัสของเขากับเจตจำนงกระบี่เล่มนั้นรวมเป็นหนึ่งเดียว ส่งผ่านร่มกระดาษทอง แล้วกระจายออกสู่กระบี่ทุกเล่ม
จิตสัมผัสหมื่นสาย วิถีกระบี่หมื่นทาง
แสงกระบี่หมื่นเส้น ลั่นคำรามหมื่นเสียง
เสียงกู่ก้องอันร้ายกาจของกระบี่นับไม่ถ้วนดังขึ้นรอบสุสาน ข่มเสียงคำรามอันเหี้ยมโหดของคลื่นอสูรในพริบตา ครอบครองที่ราบทุ่งหญ้าสุริยาไม่หลับใหลไว้ได้ทั้งหมด
กระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งทะยานแหวกอากาศ เข่นฆ่าคลื่นอสูร!
รัศมีปรอยฝนครอบคลุมไม่ถึงปลายเขตแดนดวงอาทิตย์ตกดินของที่ราบทุ่งหญ้า แสงสีแดงที่สาดส่องคล้ายไร้ซึ่งความอบอุ่น กระทบลงบนกระบี่เหล่านั้น
กระบี่เหล่านั้นคล้ายจะแผดเผาตนเองขึ้นมา เหาะเหินทะลุทะลวงไปรอบสุสาน ราวกับวิหคสีทอง
วิหคทองกลับเขาหลีซาน!
นี่เป็นหนึ่งในเพลงกระบี่
เพลงกระบี่อันทรงพลังเหลือล้น
ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ!
เสียงฟาดฟันของกระบี่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างของสัตว์อสูรนับร้อยตัวที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสุสานถูกฝนกระบี่สีทองตัดขาดกลางอากาศ!
กระบี่นับสิบกระจายตัวออกปฏิบัติการบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือของสุสานแล้วจากไป เหลือเพียงร่องรอยคล้ายดอกไม้โลหิตเบ่งบานตามทาง
บุปผาบานดั่งแพรไหม!
นี่ก็เป็นหนึ่งในเพลงกระบี่เขาหลีซาน
พริบตาเดียว พื้นดินบนทุ่งหญ้าก็ปรากฏร่องรอยอันลึกล้ำของวิถีกระบี่นับไม่ถ้วน
ร่างอสรพิษวารีสิบกว่าตัวที่กำลังมุ่งหน้าสู่สุสานถูกตัดขาดเป็นท่อนๆ แม้แต่กล้ามเนื้อของพวกมันยังกระตุกไม่หยุดอยู่ในกองโลหิต
ยังมีกระบี่อีกนับไม่ถ้วนที่เหาะเหินทะลุทะลวงอย่างบ้าคลั่ง เข้าต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับสัตว์อสูรที่มีเขี้ยวเล็บแหลมคม โลหิตของสัตว์อสูรกับความแวววาวของตัวกระบี่ผสมปนเป ฉีดพ่นไปมาท่ามกลางโลกใบนี้
ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง ในแสงพิรุณพรำ เสียงกระบี่ดังขับขานอยู่บนทะเลทุ่งหญ้าเป็นระยะ
สุสานคล้ายดั่งเรือประมงลำใหญ่หนึ่งลำ
ลำนำชาวประมงสามบทเพลง
นี่ยังคงเป็นเพลงกระบี่เขาหลีซาน
สีหน้าเฉินฉางเซิงซีดขาวลงเรื่อยๆ ร่างกายก็สั่นเทิ้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แต่เขายังจับร่มกระดาษทองในมือ ยืนอยู่ในสายฝน ยังไม่ล้มลง และกระบี่เหล่านั้นยังคงต่อสู้อยู่
กระบี่นับร้อยเล่มมาถึงตรงหน้ายักษ์ล้มภูเขาร่างใหญ่มหึมา
ยักษ์ล้มภูเขาคำรามเสียงดังอย่างโกรธแค้น ก่อนขว้างก้อนหินในมือด้วยพลังอันยากจินตนาการใส่ฝนกระบี่ผืนนั้น ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นบนทุ่งหญ้า
ฝนกระบี่สายหนึ่งร่วงหล่น แต่ก็ตั้งตัวขึ้นได้ใหม่ แล้วพุ่งเข้าใส่ยักษ์ล้มภูเขาทันที
ผีภูเขาแบ่งหินผา
ตะขอดาวขวางกลางวัน
น้ำค้างแย้มเกร็ดถง
นี่เป็นเพลงกระบี่ติดต่อกันสามกระบวนท่าที่โก่วหานสือชี้แนะให้กับชีเจียน ใช้ต่อสู้กับถังซานสือลิ่ว ในการชุมนุมไม้เลื้อย
วันนี้ได้ถูกเฉินฉางเซิงใช้ต่อกรกับสัตว์อสูรที่น่ากลัวตัวนี้
ร่างอันใหญ่โตดุจขุนเขาของยักษ์ล้มภูเขาเริ่มปรากฏรอยแผลจากกระบี่นับร้อยเล่มอย่างเห็นได้ชัด!
ขณะมองดูเหตุการณ์นี้ และมองดูเหตุการณ์นับไม่ถ้วนรอบๆ สุสาน บนใบหน้าของเถิงเสี่ยวหมิงกับหลิวหวั่นเอ๋อร์สองสามีภรรยาก็ไม่ปรากฏความเครียดให้เห็นอีก เหลือเพียงความซีดขาว ตอนอยู่ในสมรภูมิรบบนที่ราบหิมะ พวกเขาเห็นมนุษย์ผู้แข็งแกร่งในกองทัพมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร เหตุการณ์สุดสะพรึงก็เคยเห็นมามาก วันนี้ก่อนมาสุสานโจวก็เห็นเรื่องแปลกประหลาดมาไม่น้อย
แต่ตอนนี้ พวกเขายังคงถูกทำให้ตกตะลึงพึงเพริศจนพูดไม่ออก
เถิงเสี่ยวหมิงจิตใจเหม่อลอย มองดูเฉินฉางเซิงในสายฝนพลางพึมพำ “นี่…เป็นไปได้อย่างไร?”