ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 55 ดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุดกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
สัตว์เทพอย่างมหาวิหคปีกทองมีพลังเพียงพอที่จะสั่นสะเทือนฟ้าดิน ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เพียงมันกระพือปีกตามอำเภอใจ เฉินฉางเซิงที่ไม่มีกระบี่หมื่นเล่มอยู่ข้างกายย่อมไม่มีทางต้านไหว ร่างต้องแหลกเป็นจุณแน่ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด มันจึงกลายร่างเป็นเงาดำและลอยเงียบๆ อยู่บนท้องฟ้า โดยไม่คิดโจมตีสุสานตั้งแต่แรก รอจนหนานเค่อใช้ศาสตร์ลึกลับส่งจิตสัมผัสเข้าหาเงาดำ เหตุการณ์ตรงหน้าจึงค่อยปรากฏ
หรือจะเป็นอย่างที่สวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิงเคยวิเคราะห์ด้วยกันว่า หนานเค่อที่มีเพียงไม้จิตวิญญาณแต่ไม่มีศูนย์กลางจิตวิญญาณไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรในทุ่งหญ้าได้ทั้งหมด และโดยพื้นฐานก็ไม่สามารถควบคุมสัตว์เทพอย่างมหาวิหคปีกทองได้ด้วย ดังนั้นหนานเค่อจึงต้องใช้เวลานาน กว่าจะเชิญให้มหาวิหคออกโรง
แล้วทำอย่างไรจึงจะสามารถต่อกรกับสัตว์เทพที่น่าเกรงขามตัวนี้เล่า? ถ้าเฉินฉางเซิงคิดพึ่งตนเอง อาศัยพลังปราณขั้นทะลวงอเวจีของตน แล้วพยายามจัดการมันให้ได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่พึ่งปาฏิหาริย์นั่น ต่อให้มังกรดำที่กำลังนอนหลับอยู่ใต้ทะเลสาบในดินแดนลี้ลับของเขาตื่นขึ้นมาในตอนนี้ ที่มาถึงสวนโจวก็เป็นเพียงวิญญาณมังกรดำ ไม่มีทางสู้กับวิหคยักษ์ปีกทองที่มีตัวตนอยู่จริงๆ ได้
แม้มีกระบี่พิการหมื่นเล่มคอยช่วยเหลือก็ยังมองไม่เห็นความเป็นได้ใดๆ อีกทั้งเขาก็มิได้แข็งแกร่งเหมือนเจ้าของกระบี่ในอดีต พลังคุกคามของมหาวิหคปีกทองที่แผ่ปกคลุมสุสานพร้อมแสงอาทิตย์ยามเย็นในตอนนี้ ทำให้กระบี่หมื่นเล่มรู้สึกเคว้งคว้าง แม้ไม่ถึงกับหวาดกลัว แต่ความเงียบก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมหาวิหคปีกทอง
มีเพียงกระบี่สิบกว่าเล่มที่ปรากฏขึ้นก่อนในตอนแรกสุดอย่างกระบี่มหาสมุทรขุนเขาและกระบี่จำศีล ปลายกระบี่แวววาว แสดงท่าทีเคร่งขรึม เหมือนเตรียมพร้อมจู่โจม ในบรรดากระบี่หมื่นเล่ม กระบี่กลุ่มนี้แข็งแกร่งที่สุด หยิ่งทะนงที่สุด กระบี่เล่มหนึ่งในนั้นก็สั่นอย่างรุนแรง พลางส่งเสียงเวิ้งว้างไม่หยุด
ส่วนกระบี่ที่สั่นเครือเล็กน้อยใช่ว่าหวาดกลัว แต่กำลังตื่นเต้น
ขณะมองดูมหาวิหคปีกทองบินมาทางสุสานพร้อมเส้นแสงหมื่นเส้น กระบี่เล่มนี้…ตื่นเต้นอย่างมาก อยากจะรีบพุ่งออกไปห้ำหั่นศัตรู
ก่อนหน้านี้เฉินฉางเซิงก็เคยสังเกตพฤติกรรมของกระบี่เล่มนี้
เนื่องจากในกระบี่หมื่นเล่ม กระบี่เล่มนี้เหาะอยู่สูงสุด และยโสที่สุด มันไม่ยอมถอยให้กับเจตจำนงกระบี่ในร่มกระดาษทองแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันมันก็เป็นกระบี่ที่แวววาวที่สุด ยามต้องแสงจากขอบฟ้าของทุ่งหญ้า ดูไปก็เหมือนดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุดกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน คล้ายมีราศีของผู้สูงส่งชนิดหนึ่ง
เฉินฉางเซิงมองดูกระบี่เล่มนี้ พลางคิดถึงค่ำคืนของการชุมนุมไม้เลื้อย ตอนที่ลั่วลั่วยืนอยู่หน้าฝูงชน แล้วแนะนำตัวครั้งแรกว่าเป็นบุตรสาวของจักรพรรดิขาว ความหยิ่งทะนงเช่นนี้มิได้มีเพียงผิวเผิน แต่อยู่ในสายเลือด ชนิดที่ไยต้องหวาดกลัวคู่ต่อสู้อย่างมหาวิหคปีกทองด้วยเล่า?
เวลานี้กระบี่เล่มนี้ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือสุสาน อยู่ห่างจากพื้นดินมาก เฉินฉางเซิงยื่นมือออกไปในท้องฟ้า ส่งกระแสจิตผ่านเจตจำนงกระบี่ในร่มกระดาษทอง บ่งบอกความคิดของตน จากนั้นจึงเก็บเจตจำนงกระบี่ที่ส่งออกไปกลับเข้าร่มกระดาษทอง คืนความเป็นอิสระให้กระบี่เล่มนั้น
เสียงพรึ่บดังขึ้นคราหนึ่ง กระบี่เล่มนั้นพลันกลายเป็นกระบี่แสงเจิดจรัส แล้วพุ่งลงไปยังแท่นหินกลางสุสาน เข้าสู่มือของเฉินฉางเซิง
เขาจับด้ามกระบี่ไว้ พลางนึกถึงความเป็นมาของมัน แล้วมองไปยังมหาวิหคปีกทองที่เปล่งแสงเจิดจ้าอีกครั้ง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นมั่นใจขึ้น
กระบี่เล่มนี้มีนามว่า กระบี่มังกรครวญ มีความแข็งแกร่งมาก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยอยู่ในมือเขาและทำร้ายเถิงเสี่ยวหมิงได้ในหนึ่งกระบวนท่า
แต่สิ่งที่มีความหมายมากกว่าก็คือ กระบี่มังกรครวญเล่มนี้เคยเป็นของชินอ๋องเชื้อพระวงศ์แห่งต้าโจว
ชินอ๋องท่านนั้นมีนามว่า เฉินเสวียนป้า น้องชายคนเล็กสุดของจักรพรรดิไท่จง ซึ่งมีพรสวรรค์พิเศษกว่าเด็กทั่วไป โดยสามารถบำเพ็ญเพียรบรรลุขั้นรวบรวมดวงดาวได้แต่เด็ก แม้อยู่ในยุคกำเนิดอัจฉริยะ ดอกไม้ป่าเบ่งบาน ก็ยังถูกขนานนามว่าเป็นผู้มีความสามารถพิเศษเหนือผู้คน เนื่องจากร่างของเขามีสายเลือดมังกรแท้อยู่ หรือพูดเปรียบเปรยได้ว่า เขาก็คือชิวซานจวินของยุคนั้น
ทว่าเฉินเสวียนป้ากลับเสียชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่ม
ตอนเขาเสียชีวิต แม่ทัพใหญ่จากเมืองเทียนเหลียงเพิ่งบุกยึดจิงตูได้ แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนรัชสมัย ต้าโจวยังไม่ได้สร้างประเทศอย่างจริงจัง ตำแหน่งชินอ๋องของเฉินเสวียนป้าก็ถูกแต่งตั้งขึ้นในภายหลัง แต่กลับไม่มีใครสงสัยในประเด็นเหล่านี้ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับแซ่สกุลของเขาหรือไม่ หรือเพราะผู้คนในดินแดนต้าลู่ล้วนรู้ดีว่า ตอนแม่ทัพใหญ่เมืองเทียนเหลียงบุกต้าลู่นั้น เฉินเสวียนป้าทำอะไรอยู่
ในรอบพันปีของราชวงศ์ต้าโจว เฉินเสวียนป้าเป็นผู้ที่ถูกยอมรับว่าแข็งแกร่งสุดในบรรดาชายหนุ่มที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊แต่ด่วนจากโลกนี้ไป แม้จวบจนเขาเสียชีวิตก็ยังไม่เคยคิดแข่งขันกับพี่รองของเขาหรือก็คือจักรพรรดิไท่จง และไม่มีใครกล้าสงสัยในจุดนี้ด้วย เพราะหลังจากเขาประลองยุทธ์กับโจวตู๋ฟูในสวนโจวหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็หมดแรงและเสียชีวิตลง
จนถึงตอนนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ซับซ้อน ชื่อของเฉินเสวียนป้าผู้เย่อหยิ่งจองหองจึงมีผู้คนจดจำได้น้อยมาก ในบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ก็มีเรื่องราวของเขาน้อยมากเช่นกัน แต่ผู้ที่ยังจดจำเหตุการณ์ในช่วงนั้นได้ พอนึกถึงเฉินเสวียนป้าและกระบี่มังกรครวญที่เสียบไว้ตรงหว่างเอวของเขาทีไร ก็จะเกิดความรู้สึกโศกเศร้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์สลับซับซ้อน
เนื่องจากเฉินเสวียนป้าเสียชีวิตแต่วัยหนุ่ม จึงมิได้เข้าร่วมศึกสายเลือดชิงบัลลังก์มังกรทองระหว่างจักรพรรดิไท่จงและพี่น้อง ซึ่งสำหรับคนเก่งที่ด่วนจากไปนั้น ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งก็ว่าได้ แต่สำหรับเชื้อพระวงศ์อย่างตระกูลเฉินแล้ว กลับเป็นความโชคร้ายสุดๆ เพราะถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ก็อาจใช้พลังยุทธ์อันแข็งแกร่งเข้าปรามศึกสายเลือด แม้ปรามไม่ได้ทั้งหมด และความขัดแย้งยังคงอยู่ แต่ก็อาจจะไม่นองเลือดอย่างสยดสยอง ทำให้คนในตระกูลเชื้อพระวงศ์นับร้อยถูกฆ่าตาย ลำน้ำจิงตูกลายเป็นลำน้ำเลือดเช่นนั้น
แน่นอน ยังมีเรื่องที่พูดต่อๆ กันไปในวงกว้างอีกว่า ถ้าเฉินเสวียนป้ามีชีวิตอยู่ในเวลาต่อมา จักรพรรดิไท่จงไม่มีทางได้ขึ้นครองราชย์แน่ จากเรื่องที่จวนผู้ว่าเมืองเทียนเหลียงค่อยๆ ถูกทำลาย บันทึกเกร็ดประวัติศาสตร์ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ในบรรดาพี่น้อง เฉินเสวียนป้าสนิทกับเจี้ยนอ๋องมากสุด หากเขาเข้าร่วมการชิงบัลลังก์ จักรพรรดิไท่จงที่สวมชุดนอนอยู่ จะซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ หลบหลีกการเข่นฆ่าได้หรือ?
และแล้ว การถกถึงแผนร้ายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นยะเยียบก็เริ่มขึ้น
ขณะมองดูแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองเทียนเหลียงเข้ายึดจิงตู ต้าโจวกำลังจะสร้างประเทศ และตนกำลังจะกลายเป็นองค์ชายที่มีอนาคตรุ่งเรืองอย่างสุดจะเปรียบนั้น เหตุใดเฉินเสวียนป้าจึงหาเรื่องบุกเข้าไปในสวนโจว ท้าประลองกับโจวตู๋ฟูเล่า? ใช่แล้ว จากบันทึกที่หลงเหลืออยู่ไม่มาก ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า การต่อสู้ระหว่างสองผู้ไร้เทียมทาน เฉินเสวียนป้าเป็นผู้เสนอก่อน เพราะเหตุใดน่ะหรือ? ถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์ราชวงศ์ เป็นเพราะขณะเฉินเสวียนป้ามองดูต้าโจวสร้างประเทศนั้น ก็รู้สึกว่าตนไม่จำเป็นต้องแบกความรับผิดชอบของตระกูลไว้อีก จึงเริ่มศึกษาวิถีสวรรค์อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ถ้าจะบอกผู้คนเช่นนี้ก็จะไม่มีใครเชื่อ ที่สำคัญสุดก็คือ เมื่อต่อสู้พ่ายแพ้ เหตุใดต้องถึงตายด้วย? ต่อให้โจวตู๋ฟูไม่ยี่หระว่าจะทำให้ตระกูลเชื้อพระวงศ์ต้าโจวโกรธแค้น แล้วเขาจะไม่แยแสความรู้สึกของจักรพรรดิไท่จงหรือ? ต้องรู้ว่าจักรพรรดิไท่จงเป็นพี่รองแท้ๆ ของเฉินเสวียนป้า และเป็นพี่น้องร่วมสาบานของโจวตู๋ฟู!
ประวัติศาสตร์ที่ผ่านพ้นมักไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ เมื่อเฉินเสวียนป้าเสียชีวิต จักรพรรดิไท่จงก็สวรรคต ตอนนี้ขณะมองดูสุสาน อย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่าโจวตู๋ฟูได้เสียชีวิตแล้วเช่นกัน วีรบุรุษมักถูกทดสอบด้วยอุปสรรคนานัปการ เหลือเพียงกระบี่มังกรครวญเล่มนี้ที่ยังคงอยู่ในสวนโจวไล่ล่าหาความรุ่งเรืองที่เคยมีในอดีต จึงยังคงหยิ่งทะนงเช่นนั้น
เชื้อพระวงศ์รุ่นเยาว์ เทพสงครามไร้เทียมทาน สายเลือดมังกรแท้ ทั้งหมดนี้คือเฉินเสวียนป้า
กระบี่มังกรครวญที่เขาใช้ ย่อมสูงส่งไม่เป็นสองรองใคร อหังการสุดขีด ไหนเลยจะเกรงกลัวมหาวิหค?
เฉินฉางเซิงมองดูกระบี่มังกรครวญ พลางรู้สึกได้ถึงความอหังการที่ไหลเวียนอยู่ในตัวกระบี่ แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกสนิทสนมกับมันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เป็นความสนิทสนมที่ยากอธิบาย เหนียวแน่นสุดๆ ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนจนยากที่จะเป็นตัวของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้มือของเขาจึงสั่นเทา ทำให้กระบี่สั่นตามไปด้วย