ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 6 ไอเกล็ดน้ำแข็งของพรรคภูเขาหิมะและการตบหน้ากับเลือดพิษ
ก็เหมือนที่สวีโหย่วหรงลืมเฉินฉางเซิงที่สลบอยู่ ไป๋ไห่ก็ไม่เคยสนใจผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งคนนั้น อีกทั้งเวลานี้เขากำลังเคลิบเคลิ้มไปกับความหลงใหลและความสุขที่มาจากเลือดแท้หงส์สวรรค์ ไม่มีการป้องกันใดๆ คาดไม่ถึงว่าจะถูกมือข้างนั้นผลักออกไป
ในถ้ำหน้าผาเงียบสงัดทั่วทั้งผืน ไป๋ไห่มองเฉินฉางเซิง สีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นสักพัก เขาเพิ่งจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้สึกว่ามีความผิดปกติเล็กน้อย
ตอนนี้ ริมฝีปากของเขายังมีรอยเลือดหยดหนึ่ง บวกกับใบหน้าที่แก่ชรามีความประหลาด มองดูแล้วน่ารังเกียจอย่างยิ่ง และในตอนที่เลือดหยดนั้นใกล้จะหยดลงไป เขาจึงได้สติกลับคืนมา ใช้ลิ้นม้วนเข้าไปในริมฝีปากอย่างรีบร้อน สำหรับเขาที่อยากจะบำเพ็ญวิชาลับของพรรคตะวันตกและก้าวผ่านระดับขั้นทะลวงอเวจี เลือดทุกหยดของสวีโหย่วหรงล้วนเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่ง จะผลาญสิ้นเปลืองได้อย่างไร ทำให้ภาพฉากนี้ยิ่งน่าขยะแขยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกโคนลิ้นมีความหวานเล็กน้อย แต่ปลายลิ้นกลับรู้สึกชา ใจคิดหรือว่านี่ก็คือรสชาติของเลือดแท้แห่งหงส์สวรรค์?
ระหว่างนี้ เฉินฉางเซิงพิงกำแพงหินของถ้ำหน้าผา นั่งลงไปอย่างยากลำบาก เขาในเวลานี้ช่างอ่อนแอยิ่งนัก ราวกับเพียงแค่ลมหอบหนึ่งพัดมาก็ทำให้ล้มลงได้อีกครั้ง จะเอาชนะศัตรูได้อย่างไร?
ไป๋ไห่รู้สึกบนใบหน้ามีความเจ็บชาเล็กน้อย ยื่นมือลูบไปมา สังเกตว่าบนใบหน้ามีรอยน้ำแข็ง มองไปที่ฝ่ามือของเฉินฉางเซิงอีกครั้ง สังเกตว่าที่ฝ่ามือของเขาก็ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหิมะเช่นกัน หรี่ตาครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างไร้สัญญาณ เขาชี้นิ้วเดียวขึ้นกลางอากาศ กลิ่นอายพลังปราณแฝงซ่อนไว้ด้วยเพลิงปฐพีที่น่ากลัวยิงตรงไปที่เฉินฉางเซิง
เฉินฉางเซิงราวกับแค่ตบฝ่ามือหนึ่งไปด้วยจิตใต้สำนึก อากาศที่หน้าฝ่ามือกลับถูกแช่เป็นกระจกน้ำแข็งบานหนึ่งในทันใด
กลิ่นอายพลังปราณเพลิงปฐพีสายนั้น สัมผัสกับกระจกน้ำแข็งบานนี้ ส่งเสียงฟู่ขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็สลายกลายเป็นควันสีเขียวลอยกระจายหายไป
ดวงตาของไป๋ไห่หรี่ลงมากกว่าเดิม มองเขาพลางหัวเราะอย่างประหลาดพิลึกพูดว่า “ไม่คิดว่าเป็นลูกศิษย์ของพรรคลับภูเขาหิมะ คิดว่าใช้ไอแท้เกล็ดน้ำแข็งก็สกัดกั้นข้าไว้ได้หรือ?”
พรรคภูเขาหิมะเป็นพรรคหนึ่งของต้าลู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เล่าลือกันว่าเจ้าสำนักผู้บุกเบิกพรรคของพรรคภูเขาหิมะมีสายเลือดของมังกรยักษ์น้ำค้างแข็ง คิดค้นวิชายุทธ์ชุดหนึ่งขึ้นเอง แล้วเปิดภูเขาก่อตั้งพรรค ณ สถานที่หนาวยะเยือกเย็นยะเยียบอย่างยิ่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สมัยที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามารหรือนิกายหลวงในที่ราบ ล้วนไม่กล้าตอแยยั่วยุ แต่แล้วตามกาลเวลาที่ไหลผ่านไป สายเลือดของมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งที่หลงเหลืออยู่ยิ่งมายิ่งน้อย พรรคภูเขาหิมะก็ค่อยๆ เสื่อมอำนาจ หลายร้อยปีก่อนก็ได้ผนวกอยู่ภายใต้พระราชวังหลี อีกทั้งยังเป็นเวลาหลายปีที่ไม่มีการปรากฏของยอดฝีมือที่แท้จริงหรือศิษย์วัยเยาว์ที่มีอนาคต
ไม่มีใครประมาทพรรคที่เคยรุ่งเรืองมาก่อน ก็เหมือนกับสถานศึกษาหนานซีที่แบ่งเป็นศิษย์สายนอกศิษย์สายใน ผู้มีอิทธิพลจำนวนมากล้วนรู้ว่ามีพรรคลึกลับพรรคภูเขาหิมะพรรคหนึ่งดำรงอยู่เช่นกัน เพียงแต่น้อยมากที่ปรากฏตัวต่อผู้คน สิ่งที่พรรคตะวันตกบำเพ็ญเพียรคือเพลิงปฐพี เป็นธรรมดาที่จะเกิดการปะทะกันกับพรรคภูเขาหิมะที่บำเพ็ญเพียรวิชาเยือกแข็ง สมัยก่อนก็มีความขัดแย้งกันหลายครั้ง ไป๋ไห่ในฐานะที่เป็นผู้เฒ่าพรรคตะวันตก แน่นอนว่าเข้าใจพรรคภูเขาหิมะแจ่มแจ้ง มองเห็นกระจกเกล็ดน้ำแข็งลวงที่เกิดขึ้นจากกระบี่แนวขวางของเฉินฉางเซิง วาจาเดียวก็คลี่คลายประวัติของเขา ในขณะเดียวกันความอาฆาตในใจจู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นมามาก
สวีโหย่วหรงมองหน้าของเฉินฉางเซิงที่อยู่ตรงหน้า ใจคิดที่แท้เป็นลูกศิษย์ลึกลับของพรรคภูเขาหิมะ มิน่าวิชาการบำเพ็ญเพียรถึงพิเศษเช่นนี้
สายตาของนางพร่ามัวเล็กน้อย กลับรับรู้สึกถึงความสงบในสายตาของเฉินฉางเซิงได้ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ยังคงย่ำแย่อันตราย เฉินฉางเซิงยังคงบาดเจ็บสาหัสอ่อนกำลัง ไม่รู้ทำไม นางจู่ๆ ก็รู้สึกว่าสามารถวางใจได้ สามารถนำเรื่องหลังจากนี้ส่งต่อให้แก่ผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มได้แล้ว
“ไม่คิดว่า จะพบเจอชนรุ่นหลังของคนเก่าแก่พรรคภูเขาหิมะในสวนโจว ยิ่งไม่คิดว่า ก่อนที่ข้าจะสำเร็จวิชาเทพ ยังต้องฆ่าเจ้าเพิ่มอีกคนหนึ่ง”
ไป๋ไห่มองเขาพลางหัวเราะอย่างประหลาดขึ้นมา พูดว่า “ดีที่นี่ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก”
พูดประโยคนี้เสร็จ เขาเปลี่ยนฝ่ามือเป็นใบมีด นำพาเปลวไฟสายหนึ่ง ตัดฉับไปที่หน้าของเฉินฉางเซิงอย่างไม่ออมมือแม้แต่น้อย
ไม่ต้องพูดถึงว่าเฉินฉางเซิงในตอนนี้อ่อนแอ แม้เขาจะสมบูรณ์ไร้ความเสียหาย ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของผู้เฒ่าพรรคตะวันตกท่านนี้ได้
การตื่นมาของเขา เหมือนกับไม่มีความหมายใดๆ กระทั่งสามารถพูดได้ว่า เขาตื่นมาผิดเวลาอย่างยิ่ง
ปราณแท้ในร่างกายของเขาแห้งแล้งแล้ว ขนาดกระบี่ยังไม่สามารถกำไว้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเรียกร่มกระดาษทอง
เขาไม่มีปัญญาในการต้านฝ่ามือไฟนี้ได้เลย สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ก็คือยกฝ่ามือขึ้นมา ตบไปที่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม
เขาเพิ่งตื่นมา ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรอย่างสิ้นเชิง และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้เฒ่าคนนี้คือใคร รู้เพียงแค่ผู้เฒ่าผู้นี้กำลังทำเรื่องน่าหดหู่และน่ารังเกียจอย่างยิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เฒ่ามีความแข็งทื่อแปลกประหลาด เสียงหัวเราะอึมครึมน่ากลัว มองดูแล้วก็ไม่ใช่คนดี ฉะนั้น…ตัวเขาก็เลยต้องตีเขา
เวลาต่อมา เขามีโอกาสถูกฝ่ามือไฟของผู้เฒ่าท่านนี้ยิงจนกลายเป็นผุยผง แต่เขาก็ยังคงจะตีเขา เพียงแค่ตบใบหน้าแก่ชราที่เจ้าเล่ห์น่ากลัวของฝ่ายตรงข้ามได้ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการตื่นขึ้นมาครั้งนี้
เฉินฉางเซิงคิดแบบนี้ และก็ทำเช่นนี้
แต่เขาไม่คาดคิดว่าฝ่ามือของตัวเองจะตบโดนใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามได้จริง
เพี๊ยะ! เสียงที่ชัดเสียงหนึ่งสะท้อนไปมาในถ้ำหน้าผาที่เงียบสงบ
ฝ่ามือของเขาตบโดนใบหน้าของไป๋ไห่
แม้ท่าทีการเหวี่ยงฝ่ามือของเขาจะช้าและเบา มองดูไม่มีพลังแม้แต่นิดเดียว แต่เสียงนี้กลับเสียงดังฟังชัดมาก
หนึ่งฉาดเสียงดังฟังชัด
ไป๋ไห่ชะงักงัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างสิ้นเชิง
ฝ่ามือของเขายังหยุดอยู่ที่กลางทาง ห่างจากเฉินฉางเซิงยังมีประมาณหนึ่งฉื่อ เพลิงปฐพีอันน่ากลัวที่อยู่บริเวณฝ่ามือเหล่านั้น ค่อยๆ ดับลง มองดูแล้วมีความน่าสังเวชเล็กน้อย
ทำไมฝ่ามือของศิษย์ลึกลับพรรคภูเขาหิมะผู้นี้ ถึงตกลงบนใบหน้าของตัวเองได้? ทำไมร่างกายของตัวเองถึงแข็งทื่อขนาดนี้? ทำไมปราณแท้ในร่างกายของตัวเองจู่ๆ ก็หายไปเหลือแต่ความว่างเปล่า เพียงแค่ชั่วครู่ ความสงสัยจำนวนมากไหลเข้าสู่สมองของเขา ทำให้เขาตกตะลึงหวาดกลัว
เวลาต่อมา ความหวาดกลัวเหล่านั้นปรากฏออกมาจากสายตาของเขาเกือบทั้งหมด เขาหมุนขยับลำคอของตนเองอย่างยากลำบาก ก้มหัวมองไปยังสวีโหย่วหรงที่อยู่ข้างกายเฉินฉางเซิง พูดประโยคสุดท้ายออกมา
เสียงของเขาแหบแห้งผิดปกติ คำพูดประโยคขาดตอน ยากที่จะเป็นประโยคสมบูรณ์ เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง “ในเลือด…เลือด…นาง…ปีศาจ…ปีศาจมี…พิษ!”
พูดประโยคนี้เสร็จ เขาก็เสียชีวิตลง
ผู้เฒ่าพรรคตะวันตก ไป๋ไห่ผู้แข็งแกร่งระดับทะลวงอเวจีขั้นปลายก็ตายไปในถ้ำหน้าผาเช่นนี้
ตอนที่เขาตาย ร่างกายแข็งทื่อไร้ใดเปรียบ มือขวาหยุดอยู่กลางอากาศ ขนาดตายังไม่สามารถปิดลงไปได้ ในดวงตาปนเปื้อนด้วยสีเขียวที่อึมครึม มองดูแล้วเหมือนเป็นรูปปั้นแกะสลักจากหินมรกตดั้งเดิมที่ผิวยังไม่แตก
ภาพฉากนี้น่าประหลาดยิ่งนัก อึมครึมมาก
เวลาต่อมา ผิวหนังของเขาเริ่มเน่าเปื่อยเปลี่ยนแปลง เปื่อยแต่กลับไม่ได้ลึกเข้าไปถึงกระดูกและเนื้อ เพียงแต่เกิดขึ้นที่ผิวนอก สีค่อยๆ ฉูดฉาด
สีสันฉูดฉาดบางอย่างเป็นความสวยงาม สีสันฉูดฉาดบางอย่างกลับเป็นความน่ารังเกียจ
เฉินฉางเซิงรู้สึกรังเกียจ
เวลานี้เขาเพิ่งจะเข้าใจ แท้จริงแล้วผู้เฒ่าคนนี้โดนพิษร้ายบางอย่าง เพียงแต่ไม่รู้ว่าโดนพิษตั้งแต่เมื่อไหร่
รอยยิ้มที่แปลกประหลาดบนใบหน้าของผู้เฒ่าในก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะพิษออกฤทธิ์ เวลานั้น จิตสัมผัสของเขาและร่างกายค่อยๆ แยกออกจากกันแล้ว
พิษนี้มันช่างโหดร้ายรุนแรงไปสักหน่อย
ต่อจากนั้น เขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าในถ้ำยังมีคน จึงมองไป
บนกระโปรงของสาววัยเยาว์ผู้นี้เต็มไปด้วยรอยเลือดทุกที่ ใกล้จะกลบสีขาวสีเดิม สีหน้าที่กระจ่างงดงามก็ใกล้ที่จะถูกความอ่อนแอและเหนื่อยล้าปกคลุม สายตากลับสงบอย่างยิ่ง
เขาชะงักเล็กน้อย ถามว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”