ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 85 สายตาของซูหลี (ตอนกลาง)
ตอนกระบี่ของเฉินฉางเซิงพุ่งเข้าที่ด้านหน้าของเซวียเหอนั้น ความคมที่แท้จริงก็คือสายตาของซูหลี
ถ้าผู้แข็งแกร่งระดับรวบรวมดวงดาวถูกโต้กลับแล้วพ่ายแพ้ง่ายๆ เช่นนี้ คัมภีร์ลัทธิเต๋าจะสรรเสริญอาณาเขตดวงดาวว่าเป็นโลกส่วนตัวของแต่ละคนไปทำไม?
แสงอรุณอันเจิดจ้าพลันเปลี่ยนไปในพริบตา
มือของเซวียเหอยื่นไปด้านหลัง จับดาบเล่มที่สอง เพราะเขาเคลื่อนไหวได้เร็วยิ่ง ทำให้ปรากฏเงาร่างอีกหนึ่งสายขึ้น คล้ายในแสงอรุณมีเซวียเหอเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
คมดาบแวววาวดุจหิมะ ตกกระทบลงเร็วกว่าเสียง ฟันลงบนศีรษะของเฉินฉางเซิง
เฉินฉางเซิงในตอนนี้ใช้พลังไปกับการแทงกระบี่ ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางของกระบี่สั้นในทันที จึงไม่ต้องพูดถึงการใช้กระบี่สั้นต้านดาบ แล้วเขาจะทำอย่างไรดี?
ทุ่งข้าวฟ่างสีเขียวส่งเสียงดังเวิ้งว้างอีกครั้ง กระบี่โลหะหนักหน่วงอีกเล่ม ไม่รู้ปรากฏขึ้นแต่เมื่อไหร่ มันต้านคมดาบของเซวียเหอเอาไว้ โดยผู้มีระดับบำเพ็ญเพียรอย่างเซวียเหอไม่สามารถฟันกระบี่โลหะให้หักได้แต่อย่างใด
กระบี่โลหะเล่มนี้ก็คือกระบี่มหาสมุทรขุนเขา
เซวียเหอมีท่าทีเฉยชา เขาทะยานร่างขมุกขมัวขึ้นอีกครั้งด้วยความเร็วเกินคาดเดา เงื้อดาบเล่มที่สองขึ้น แล้วฟันลงอีก
เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ดาบที่สองฟันลงมา ในขณะที่กระบี่มหาสมุทรขุนเขาเพิ่งปะทะกับดาบแรกไปหยกๆ ถ้าว่ากันตามพลังในขั้นบำเพ็ญเพียรของเฉินฉางเซิง ไม่มีทางตามความเร็วระดับนี้ทัน เพราะขั้นทะลวงอเวจีไม่ได้เน้นความเร็วในการใช้กระบี่ แต่การใช้กระบี่ของเฉินฉางเซิงกลับไม่เหมือนคนทั่วไป เขาไม่ได้บิดข้อมือ ไม่มีท่าทางใดๆ กระทั่งนิ้วก็ไม่ขยับ มีเพียงจิตสัมผัสเท่านั้นที่ขยับเล็กน้อย จึงมีกระบี่อีกเล่มพุ่งออกจากฝัก เข้าหาดาบในมือเซวียเหอ
กระบี่เล่มที่สองก็คือกระบี่เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของสถานศึกษาหนานซี
เซวียเหอหรี่ตาลง เห็นชัดว่ากำลังหวั่นไหวกับกระบี่สองเล่มของเฉินฉางเซิงที่ไม่รู้มาจากไหน แต่ความเร็วของมือกลับมิได้ลดน้อยถอยลง ร่างขมุกขมัวในแสงอรุณปรากฏขึ้นอีก ดาบที่สามถูกฟันลงไป!
เกือบจะขณะเดียวกับที่ดาบที่สามฟันลงมา เฉินฉางเซิงพลันเรียกกระบี่เล่มที่สามออกต้าน
ซึ่งมีเพียงกระบี่ที่แข็งแกร่งจริงๆ และรักษาความสมบูรณ์แบบได้พอๆ กันเท่านั้น ที่สามารถต้านดาบนี้ของขุนพลเทพเซวียเหอได้ ดังนั้นกระบี่เล่มที่สามก็คือกระบี่ธงชัยของอาจารย์มาร
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา
แสงอรุณกะพริบเล็กน้อย ร่างขมุกขมัวปรากฏขึ้นอีก คล้ายมีเซวียเหออยู่หกคน ชักดาบออกหกเล่ม ฟันลงบนศีรษะเฉินฉางเซิง โดยเฉินฉางเซิงที่อยู่ตรงหน้าคล้ายยืนนิ่งไม่ไหวติง แต่จู่ๆ กลับมีกระบี่หกเล่มปรากฏขึ้น กันร่างของเขาไว้
เสียงปะทะดังติดต่อกันไม่หยุด จวบจนได้ยินเสียงคล้ายสายฟ้าฟาดดังต่อเนื่องบนทุ่งรกร้างสีเขียว
เพลงดาบของเซวียเหอรวดเร็วยิ่ง ถ้าลำพังเพียงความสามารถของเฉินฉางเซิง ย่อมไม่มีทางรับไหว
เซวียเหอเองก็คิดไม่ถึงว่า เด็กหนุ่มผู้นี้จะใช้วิธีการที่แปลกประหลาดเช่นนี้ กระบี่เหล่านี้คือกระบี่อะไร? นี่ย่อมมิใช่บทสรุป เซวียเหอเก็บร่างขมุกขมัวทั้งหกคืนกลับ เหลือเพียงร่างจริงกับหนึ่งดาบแรกที่ฟันใส่ซูหลี เพียงเบี่ยงมาที่กลางลำคอเฉินฉางเซิงแทน
นี่เป็นดาบแรกของเขา และเป็นดาบสุดท้ายจริงๆ
พอเบี่ยงดาบออก เจ็ดดาบก็กลายเป็นโลกของดาบที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาอีกครั้ง อาณาเขตดาบของเขากลับมาเป็นวงกลมใหม่ ช่องโหว่ทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
พอดาบใกล้ถึงคอเฉินฉางเซิง สายตาเซวียเหอก็เย็นชายิ่ง คล้ายกำลังถามเฉินฉางเซิงว่า เจ้ายังมีกระบี่อีกไหม? ดาบทั้งเจ็ดเล่มเปล่งพลังดาบอย่างน่ากลัว บีบอัดจนเฉินฉางเซิงหายใจลำบาก กระทั่งสมองก็คล้ายแล่นช้าลง มิฉะนั้นแล้วเขาต้องตอบกลับไปว่า
หรือกระบี่อีกหมื่นกว่าเล่มที่ข้ามีต้องบอกเจ้าทั้งหมด
? เพียงแต่ตอนนี้แม้เขาเรียกกระบี่หมื่นเล่มออกมาหมดก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะดาบของเซวียเหอจ่อเข้ามาแล้ว และกระบี่สั้นของเขายังแทงไม่ถูกร่างของฝ่ายตรงข้าม ความต่างของขั้นบำเพ็ญเพียร ยากที่จะเติมเต็มด้วยประการฉะนี้นี่เอง
ดีที่ซูหลียังอยู่ด้านหลัง พลางมองดูเซวียเหอด้วยสายตาอันสงบนิ่งราวกับน้ำล้างกระบี่ในฤดูใบไม้ร่วง
“จุดเทียนฟู่ (บริเวณต้นแขนด้านใน)” สายตาของเขามองไปที่กระดูกซี่โครงของเซวียเหอ
เฉินฉางเซิงขยับกระบี่สั้นตาม
เซวียเหอรู้สึกเย็นวาบ เขาใช้พลังฝีมืออันยอดเยี่ยมสร้างอาณาเขตดาบ แต่ใครจะคิดเล่าว่า ซูหลียังคงมองปราดเดียวก็เห็นจุดอ่อนของเขา แต่เขาไม่สนใจ เพราะซูหลีบาดเจ็บสาหัส จึงได้แต่ส่งเสียง ไม่สามารถใช้กระบี่ ในฐานะผู้แข็งแกร่งแห่งขั้นรวบรวมดวงดาว บวกกับชุดเกราะ ย่อมไม่มีทางถูกเด็กหนุ่มซึ่งอยู่ในขั้นทะลวงอเวจีแทงได้ง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจบการต่อสู้โดยเร็วอย่างไม่ต้องคิด จึงไม่สนใจกระบี่ของเฉินฉางเซิง…ถ้าให้วิเคราะห์เหตุการณ์หลังจากนี้ ถึงเหตุผลที่ว่าเหตุใดผู้อ่อนแอสามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งได้ นอกจากสายตาของซูหลี และพลังที่เกินอายุกับจิตใจที่แน่วแน่ของเฉินฉางเซิงแล้ว สาเหตุที่สำคัญสุดคือ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
เซวียเหอได้เข้าใจอะไรบางอย่างผิด จึงทำผิดมหันต์ และนำไปสู่ความตายในที่สุด
เขาคิดไม่ถึงว่า กระบี่สั้นที่ดูเหมือนกระบี่ธรรมดาในมือเฉินฉางเซิง ความจริงแล้วคือกระบี่ซึ่งคมที่สุดในโลกเล่มหนึ่ง โดยเฉพาะหลังผ่านอุปสรรคต่างๆ นานาในสวนโจวมา กระบี่สั้นเล่มนี้ก็มีเจตจำนงกระบี่มังกรครวญอยู่ในตัว มีจิตวิญญาณกระบี่ของตนเอง ได้รับการสืบทอดปณิธานไร้เทียมทานอันแรงกล้าในอดีตของเฉินเสวียนป้า จึงสามารถเปล่งพลังที่เกินกว่าขั้นบำเพ็ญเพียรของผู้ใช้ออกมาได้!
เสียงสวบดังขึ้นแผ่วเบา กระบี่สั้นในมือเฉินฉางเซิงแทงทะลุร่างในชุดเกราะแวววาวของเซวียเหอ ทะลุร่างอันแข็งแกร่งดั่งหินผาที่ผ่านการชำระกระดูกของเขา คล้ายเสียงพายุหมุนรุนแรงที่หมุนไปเรื่อยๆ ราวกับสามารถทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าคมกระบี่
เสียงแผดร้องอย่างเจ็บปวดรวดร้าวปนตกตะลึงแทรกเข้ามา!
เซวียเหอไม่เคยคิดว่า พริบตาเดียวที่ไม่ทันระวังตัว จะทำให้เด็กหนุ่มที่มีฝีมือในขั้นทะลวงอเวจีได้ใจ และทำให้ตนตกอยู่ในภาวะอันตรายเช่นนี้ พลังปราณในร่างกำลังไหลออกอย่างไม่ขาดสาย!
เฉินฉางเซิงแทงกระบี่สั้นในมือเข้าไปอย่างยากลำบาก พลังปราณจากการบำเพ็ญเพียรตลอดทั้งชีวิตของเซวียเหอกำลังถูกใช้ต้านกระบี่อย่างแข็งขัน เพื่อปกป้องอาณาเขตรวบรวมดวงดาวกับทรวงอกด้านหน้า แต่ดาบในมือยังคงฟันเข้าที่ลำของคอเฉินฉางเซิงต่อ! ยังไม่ต้องพูดว่ากระบี่ของเฉินฉางเซิงแทงเข้าไปอย่างยากลำบาก ต่อให้ทำได้ อย่างมากเซวียเหอก็บาดเจ็บสาหัส แต่ดาบของเซวียเหอกลับสามารถตัดศีรษะของเฉินฉางเซิงลงมา!
เพียงเท่านี้ เฉินฉางเซิงก็รู้ตัวว่าตนแพ้แล้ว
เขาคิดไม่ถึงว่า ขณะอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ผู้แข็งแกร่งในขั้นรวบรวมดวงดาวจะสามารถระเบิดพลังการต่อสู้อันน่ากลัวออกมาได้ขนาดนี้ โดยสามารถเปลี่ยนพลังปราณให้เหมือนพลังที่สามารถใช้ดำรงชีวิตต่อไปได้
เด็กหนุ่มผู้สามารถบำเพ็ญเพียรถึงขั้นทะลวงอเวจีอย่างเขา นับได้ว่ามีพรสวรรค์ล้ำเลิศก็จริง แต่พออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งแห่งขั้นรวบรวมดวงดาว เห็นชัดว่าค่อนข้างอ่อนด้อย แม้ได้รับการชี้แนะจากซูหลี แม้เขาได้สำแดงพลังที่เกินระดับออกมา แต่ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับเซวียเหอ ซึ่งเดิมทีนี่เป็นเรื่องที่สมควรจะเป็น เพียงแต่เหตุใดเขาถึงรู้สึกไม่ยอมล่ะ? ไม่ยอมตาย หรือไม่ยินยอมที่กำลังจะตายในไม่ช้า แต่กลับไม่มีปัญญาทำให้เซวียเหอบาดเจ็บสาหัส?
เฉินฉางเซิงมิได้คิดเช่นนี้ เขารู้ว่าตนเองสามารถทำให้เซวียเหอบาดเจ็บ จึงพยายามแทงกระบี่ต่อ โดยไม่สนใจว่าตนเองอาจตายได้ในพริบตาเดียว
ระหว่างการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญเพียร น้อยครั้งนักที่ทิศทางกระบี่จะเปลี่ยนในนาทีสุดท้าย เพราะขัดกับสามัญสำนึกและเหตุผลตามธรรมชาติของผู้บำเพ็ญเพียร นอกจากว่าก่อนฟันกระบี่ออก การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้ซ่อนตัวไว้ในเพลงกระบี่อยู่ก่อนแล้ว แต่เพลงกระบี่เช่นนี้ก็ยากพานพบยิ่ง หลายปีที่ผ่านมา เพลงกระบี่ซึ่งมีชื่อเสียงมากสุดในทางนี้ก็คือ เพลงกระบี่เผานภา
เพลงกระบี่เผานภา เป็นเพลงกระบี่ของเขาหลีซาน และเป็นเพลงกระบี่ลึกลับที่ซูหลีคิดค้นขึ้น โดยพัฒนาจากฝีมืออันยอดเยี่ยมของตน จนมีประสิทธิภาพเหนือกว่ากระบี่วิหคทอง
เพลงกระบี่ที่เฉินฉางเซิงใช้ก็คือเพลงกระบี่เผานภา เขาใช้เพลงกระบี่ชนิดนี้เป็น เพราะเคยใช้ในการสอบใหญ่ ซึ่งตอนนั้นเขาใช้หมัดแทนกระบี่ แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ใช้กระบี่จริง
เฉินฉางเซิงใช้วิธีการที่ยากเข้าใจตวัดกระบี่ออก แล้วพลันวาดเส้นที่ราวกับเป็นหนึ่งเดียวกันกับเส้นขอบฟ้าลงบนชุดเกราะแวววาวของเซวียเหอ ทำให้ชุดเกราะแข็งแกร่งแตกละเอียดไม่หยุด!
ทุ่งหญ้ารกร้างราวกับถูกสายฟ้าฟาด พ่นเปลวไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นระยะ
ฉับ! ได้ยินเสียงดังฟังชัด
โลหิตสายหนึ่งฉีดพุ่ง แขนซ้ายของเซวียเหอถูกตัดขาด ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ขณะที่ดาบของเซวียเหอหงายอยู่บนบ่าของเฉินฉางเซิง
เสียงระเบิดประดุจอสนีบาตดังลั่น เปลวเพลิงในทุ่งรกร้างดับมอดจนหมด
เฉินฉางเซิงทิ้งตัวคุกเข่าลงหน้ารถ พื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น ฝุ่นควันตลบอบอวล
ตอนนี้เองที่กระบี่มหาสมุทรขุนเขากับกระบี่อีกหกเล่มหล่นลงจากฟากฟ้าพร้อมเสียงแหวกอากาศ ร่วงลงมาที่ข้างกายเขา