ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 117 สังหารโจว (กลางฤดูกาลแรกอีกครั้ง)
ใครๆ ล้วนบอกว่าเฉินฉางเซิงเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียร จากทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา ข้อสรุปนี้ก็ได้แพร่กระจายเป็นที่รับรู้ไปทั่วทั้งต้าลู่ ทว่าในความเป็นจริงมีคนมากมายที่ไม่รู้ว่าด้านไหนกันแน่ที่เขาแข็งแกร่งที่สุด ปริมาณปราณแท้หรือความสามารถในการทำความเข้าใจ แน่นอนว่าความรอบรู้ในคัมภีร์เต๋านั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม หากแต่ความรู้กว้างขวางกับความสามารถในการต่อสู้และนำวิชาต่างๆ มาใช้นั้นจำเป็นต้องมีสะพานเชื่อมกัน
จนกระทั่งหลังจากเขาได้ทำเรื่องใหญ่สามเรื่อง คือส่งซูหลี่ลงใต้เป็นระยะทางหมื่นลี้ ต่อสู้หลายสิบหนที่หน้าสำนักฝึกหลวง และต่อสู้บนสะพานหน่ายเหอ ผู้คนจึงเริ่มมั่นใจว่าสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเฉินฉางเซิงก็คือกระบี่
สิ่งนี้ทำให้คนมากมาย โดยเฉพาะเหล่านักบวชในนิกายหลวงรู้สึกประหลาดใจ ถึงขนาดรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
แน่ทีเดียวว่านิกายหลวงก็มีเพลงกระบี่อย่างเช่นกระบี่แท้ของนิกายหลวง กระบี่แสงชั่วพริบตาของสำนักเทียนเต้า หรือแม้แต่กระบี่จำศีลของแดนใต้ แต่ทรัพยากรของนิกายหลวงนั้นมีมากกว่าในแง่อื่น แม้ว่าเฉินฉางเซิงคือผู้สืบทอดของสังฆราช ทว่าสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดกลับหาใช่วิชาศักดิ์สิทธิ์ของนิกายหลวง หาใช่วิชาเต๋าจากคัมภีร์เต๋า หากแต่เป็นเพลงกระบี่ที่เขาได้รับถ่ายทอดจากหลีซาน…
โจวทงนั้นเข้าใจในตัวเฉินฉางเซิงชัดเจนยิ่งกว่า และรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นมิได้อยู่ที่พรสวรรค์ในการฝึกกระบี่เท่านั้นแต่เป็นที่ตัวกระบี่อีกด้วย
เขาพอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าเฉินฉางเซิงได้พบลาภก้อนใหญ่ภายในสระกระบี่ในสวนโจว เขาจึงได้ส่งคนไปหาว่ากระบี่เลื่องชื่อที่เหลือนั้นซ่อนอยู่ที่ไหน แต่กระนั้นเวลาก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แม้แต่สายลับของกรมอาญาที่กระจายอยู่ทั่วโลกก็หาพบเพียงกระบี่เล่มที่ซ่อนอยู่ในห้องส้วมสำนักฝึกหลวงเท่านั้น กระบี่เลืองชื่อที่เหลือได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เป็นเรื่องที่ทำให้เขาระแวดระวังอย่างยิ่ง
เขาระแวดระวังกระบี่ที่ใช้อย่างเปิดเผยนี้ยิ่งกว่า กระบี่ที่เฉินฉางเซิงกำลังถืออยู่ในมือ
กระบี่ไร้ราคีเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นล่าสุดในรายชื่อศาสตราเทพ
กระบี่สั้นเล่มนี้ไม่มีอะไรพิเศษนอกเหนือไปจากความคม
เฉกเช่นที่หอความลับสวรรค์ได้กล่าวไว้ สิ่งใดก็ตามที่พัฒนาไปถึงขีดสุดล้วนแต่น่ากลัวอย่างยิ่ง
กระบี่สั้นนี้คมเกินไป สามารถแทงทะลุของวิเศษตระกูลเทียนไห่อย่างเกราะเทพลิ่วอวี้ได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าโจวทงจะเป็นยอดฝีมือที่อยู่จุดสูงสุดของระดับรวบรวมดวงดาว มีร่างกายแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าก็มิกล้าใช้ร่างกายทดสอบความคมของกระบี่นี้
และเขาก็ไม่ต้องการให้เฉินฉางเซิงแสดงพลังทั้งหมดของกระบี่นี้ออกมา
ดังนั้นเมื่ออยู่ในห้องนี้ เขาได้เตรียมพร้อมรับมือเฉินฉางเซิงเอาไว้แล้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น
เขาแผ่เขตแดนดวงดาวเลือดออกไปและรอให้เฉินฉางเซิงใช้กระบี่ออกมาทำลายมัน จากนั้นก็ใช้วิธีที่เสี่ยงอย่างมากและสิ้นเปลืองพลังจิตอย่างที่สุด เพื่อที่จะหนีออกมาจากโลกของตัวเองและคว้าทะเลเลือดเอาไว้ในมือ
กระบี่ของเฉินฉางเซิงนั้นอยู่ในทะเลเลือด เช่นนั้นจึงอยู่ในฝ่ามือโจวทงเช่นกัน อยู่ภายใต้การควบคุมด้วยกำลังของเขา
ไม่ว่ากระบี่จะแหลมคมเพียงใด ก็ไม่อาจสัมผัสร่างกายหรือวิญญาณของเขาได้ ไม่ว่าวิถีกระบี่ของเฉินฉางเซิงจะยอดเยี่ยมเพียงใด ก็ไม่มีช่องว่างให้แสดงออกมาได้อีก
ในเวลานี้กระบี่รอบรู้ของเฉินฉางเซิงได้กลายเป็นความว่างเปล่า และตกอยู่ภายใต้การคำนวณของโจวทงแล้วอย่างสิ้นเชิง
ครั้นสัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ขอบเขตที่แผ่ออกมาจากคมกระบี่ สัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัว เฉินฉางเซิงก็ช้อนสายตาขึ้นไปยังชุดขุนนางสีแดงสดที่พลิ้วไหวอยู่ในอากาศ ใบหน้าขาวซีดผิดปกติ
นับตั้งแต่ที่เขาใช้กระบี่รอบรู้ในโรงเตี้ยมสวนหลีจื่อจนถึงตอนนี้ เขาได้ใช้พลังใจไปมากมาย
นับตั้งแต่เขาได้เรียนกระบี่นี้ในดินแดนรกร้าง นี่เป็นครั้งแรกที่กระบี่นี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้กระบี่ของเขาตกอยู่ในมือของศัตรูที่เข้มแข็ง วิถีกระบี่ของเขาถูกขังอยู่ในทะเลเลือด ไม่อาจใช้ได้อีกต่อไป
ใบหน้าเขาซีดเผือด บางทีอาจเพราะเขาใช้พลังใจมากเกินไป หรือเพราะเขาสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง
กระบี่ไร้ราคีบัดนี้มีคราบเลือดเปรอะเปื้อน มิได้กระจ่างใสอีกต่อไป และไม่อาจใช้เพลงกระบี่ต่อได้ อย่างไรก็ตาม เขายังมีอีกหนึ่งเพลงกระบี่ซึ่งไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวที่เขายังสามารถใช้ได้
ดวงจิตของเขาตกลงไปยังทุ่งหิมะภายนอกแดนลี้ลับของเขา เกล็ดหิมะที่เกิดขึ้นจากการรวบรวมแสงดาวปลิวขึ้นมาในอากาศอย่างบ้าคลั่ง ครั้นแล้วก็ลุกไหม้ขึ้นมา กลายเป็นความร้อนและแสงสว่างที่ไร้ขีดจำกัดในเวลาสั้นๆ
พลังปราณอันแข็งแกร่งและเปลวเพลิงเสมือนจริงแผ่ออกมาจากคมกระบี่ พยายามทำลายหยดเลือดที่ชั่วร้ายและน่าสยดสยองบนฝ่ามือของโจวทง
ตูม! สายลมโหยหวนโบกผ่านห้องไปเมื่อรังสีจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านนิ้วมือโจวทง เผยให้เห็นกระดูกนิ้วที่อยู่ใต้ผิวหนัง!
หยดเลือดที่ห่อหุ้มรอบตัวกระบี่สั้นสั่นไหว พื้นผิวเลือดเดือดพล่านขึ้นอย่างรุนแรง หยดเลือดเล็กๆ มากมายพุ่งออกมาจากหยดเลือดนั้น และเมื่อมันตกลงพื้น หินสีเทาก็ส่งเสียงซู่ๆ และถูกกัดกร่อนไป!
สีหน้าโจวทงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขารู้ว่าเฉินฉางเซิงมีเพลงกระบี่หนึ่งที่เพิ่มปริมาณปราณแท้ขึ้นได้อย่างมาก แต่เขาไม่คิดว่าการโจมตีจะรุนแรงถึงเพียงนี้!
เสียงผิวปากแตกพร่าดังออกมาจากริมฝีปากบางของเขาอีกครั้ง สายลมราตีพัดเข้ามาในห้อง ส่งให้ชุดขุนนางสีแดงสดสั่นกระพืออย่างบ้าคลั่ง พลังปราณอันแข็งแกร่งและชั่วร้ายปรากฏขึ้น!
ครั้นชุดขุนนางสีแดงสดสะบัดอย่างรุนแรง ร่างโจวทงก็ขยายขนาดขึ้นอีกหลายเท่าทวี ทะลุครึ่งหลังของห้องออกไป กลายเป็นภาพมายาขนาดความสูงสิบกว่าจั้ง!
กระบี่ของเฉินฉางเซิงแผ่แสงและความร้อน เจตจำนงกระบี่และจิตสังหารออกมา!
รังสีเจิดจ้านับไม่ถ้วนและเจตจำนงกระบี่ที่ไร้รูปลักษณ์พุ่งออกมาจากร่องนิ้วของโจวทง ตัดกำแพงเฉือนผนังห้องจนกลายเป็นก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วน
แต่กระนั้นกระบี่ก็ยังไม่อาจทะลวงผ่านออกมาจากฝ่ามือของโจวทงได้ ไม่อาจหลุดออกมาจากหยดเลือดที่ก่อตัวขึ้นจากทะเลเลือดอันเป็นเขตแดนดวงดาวของโจวทงได้!
นี่คือความแตกต่างระหว่างจุดสูงสุดของระดับรวบรวมดวงดาว กับจุดสูงสุดของระดับทะลวงอเวจีที่ไม่มีสิ่งใดมาชดเชยได้ ไม่ว่าเฉินฉางเซิงจะมีวิถีกระบี่สูงส่งเพียงใด กระบี่ไร้ราคีจะแหลมคมสักแค่ไหน ก็ไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้
ต่อหน้าร่างมายาของโจวทงที่เป็นเสมือนเทพปีศาจ เฉินฉางเซิงบนพื้นดินก็ดูเหมือนจะไร้ค่าไม่ต่างไปจากมดปลวก แสง ความร้อนและเจตจำนงกระบี่ที่แผ่ออกมาจากกระบี่ของเขาดูเหมือนจะอ่อนลงอย่างมากในฝ่ามือของโจวทง ดุจแสงของหิ่งห้อยเจียนดับไปทุกขณะ
การลอบสังหารในคืนต้นฤดูสารทจะจบลงเช่นนี้หรือ การเผชิญหน้าความตายเพื่อมีชีวิตของเฉินฉางเซิงจะจบลงด้วยการรอคอยความตายอย่างสิ้นหวังเช่นนั้นหรือ
ไม่ ต่อให้เขาเป็นแค่หิ่งห้อย แต่เมื่อมีจำนวนมากก็สามารถส่องสว่างค่ำคืนอันมืดมิดได้ หากมีมากพอก็สามารถเผาไหม้ทุ่งหญ้าได้ หรือแม้แต่เผาผลาญสวรรค์ด้วยซ้ำไป กระบี่สันดาปที่ซูหลีได้สอนเขานั้นมีพื้นฐานมาจากกระบี่วิหคทอง ใช้พลังของกระบี่เผานภาแต่ความน่ากลัวที่แท้จริงของมันมาจากกระบวนท่าสุดท้ายของเพลงกระบี่หลีซาน ลักษณะเฉพาะตัวของกระบวนท่านี้ก็คือ…คร่าชีวิต!
ตอนที่เฉินฉางเซิงมาเพื่อสังหารโจวทงในวันนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะรอดชีวิตกลับไป เขามาที่นี่เพื่อเผชิญหน้าความตายและมีชีวิต เขาทิ้งเรื่องชีวิตและความตายไปจากใจเรียบร้อยแล้ว
เขารู้ว่าตนกำลังจะตาย ดังนั้นย่อมสามารถใช้ชีวิตได้ดังใจปรารถนา
หากมีสิ่งที่เรียกว่าวิถีสวรรค์อยู่บนท้องฟ้าพร่างดาวจริงๆ มันคงจะรับรู้อารมณ์ในตอนนี้ของเขาได้ หากมีสิ่งที่เรียกว่าชะตาใต้ท้องฟ้าพร่างดาวนี้ เช่นนั้นชะตาเขาก็อยู่ในมือของเขาเอง
ทันใดนั้นแสงหิ่งห้อยเล็กๆ อีกจุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนข้อมือเขา
แสงหิ่งห้อยนี้ส่องสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นแสงดาวในที่สุด
ไม่นานหลังจากนั้น จุดแสงจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นภายในร่างกายเขา ดาวดวงแล้วดวงเล่าส่องสว่างขึ้นภายในร่างกาย
จุดที่แสงดาวปรากฏขึ้นก็คือจุดลมปราณที่เปิดออกทั้งหมด
ที่เขาหานซาน เขาได้ทำสิ่งที่คล้ายกันนี้ ในตอนนั้นเขาเกือบตาย แต่ในตอนนี้เมื่อเขาต้องตายอยู่แล้ว เมื่อเตรียมตัวเตรียมใจที่จะตายไว้แล้ว เขาก็ไม่สนอีกต่อไป
เขาได้เตรียมพร้อมมานานแล้วที่จะจุดไฟบนจุดลมปราณที่เปิดออกอีกครั้งภายในลานบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไห่ถังแห่งนี้ นำทะเลดวงดาวเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งหนึ่ง!
รังสีดวงดาวร่วงลงมาจากท้องฟ้า ผ่านห้องที่ถูกทำลายลงอย่างเงียบงันและไหลเข้าสู่ร่างของเขา ทำให้ดวงดาวบนร่างของเขาส่องสว่างยิ่งขึ้น
ดวงดาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างเลือนรางบนเสื้อผ้าของเขา เชื่อมต่อกันเป็นเส้นๆ เชื่อมโยงเข้าด้วยกันกลายเป็นแผนที่ดวงดาว หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็น…เขตแดนดวงดาว!
หลังจากหานซาน เฉินฉางเซิงก็ควบรวมดวงดาวอีกครั้ง!
สีหน้าโจวทงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขารู้ว่าบนหานซานนั้นเฉินฉางเซิงได้รับบาดเจ็บสาหัสก็เพราะพยายามทะลวงผ่านเข้าสู่ขั้นรวบรวมดวงดาว เขาจึงไม่คิดว่าในตอนนี้เฉินฉางเซิงจะพยายามรวบรวมดวงดาวอีกครั้ง และทำได้สำเร็จ!
แสงดาวหายเข้าไปในร่างเฉินฉางเซิง พลังปราณของเขาไม่ได้ลดลง หากแต่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขวางกั้นแรงกดดันจากทะเลเลือด คมกระบี่แผ่แสงและความร้อนออกมาราวกับว่ามันต้องการจะเผาหยดเลือดในมือโจวทง ในขณะที่เจตจำนงกระบี่ดูเหมือนพร้อมที่จะทำลายหยดเลือดออกมา!
ใบหน้าโจวทงค่อยๆ ซีดขาว ผ้ารัดผมด้านหลังฉีกขาดออก เส้นผมสยายไปในสายลมขณะพลังปราณของเขาพุ่งขึ้นเพื่อสะกดข่มเจตจำนงกระบี่ในมือเขา!
ตราบใดที่กระบี่ไร้ราคีของเฉินฉางเซิงยังไม่อาจทะลวงออกจากทะเลเลือดที่เป็นเขตแดนดวงดาวของเขาได้ ก็ไม่มีทางที่เขาจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้นี้!
หากการต่อสู้ยังคงเป็นไปเช่นนี้ หากกระบี่ของเฉินฉางเซิงยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม ไม่เพิ่มความคมกล้าให้กับตัวเองผ่านพลังกระบี่ เช่นนั้นมันก็ไม่อาจทะลวงผ่านทะเลเลือดของโจวทงไปได้
ต่อให้เฉินฉางเซิงรวบรวมดวงดาวได้สำเร็จ ก็ยังเป็นเพียงขั้นต้นของระดับรวบรวมดวงดาวเท่านั้น ยังห่างไกลจากจุดสูงสุดอีกมากนัก
แต่ถึงแม้ว่ากระบี่ไร้ราคีของเขาจะไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่อาจโจมตีได้ ฝักกระบี่ที่เรียกว่าซ่อนคมนั้นยังมีกระบี่อยู่อีกนับไม่ถ้วน
เสียงดังขวับบ่งบอกว่ามีการตัดผ่านอากาศเกิดขึ้นภายในห้องนี้ รอยกระบี่นับหมื่นปรากฏขึ้นบนลำต้นของต้นไห่ถังในลานบ้านอย่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง!
กระบี่โบราณเล่มหนึ่งลอยออกมาจากฝักในมือเฉินฉางเซิง พุ่งไปหากระบี่ไร้ราคีและปักเข้าใส่ทะเลเลือดภายในมือโจวทง!
กระบี่นี้เรียกว่ากระบี่สตรีแดนเย่ว์ เป็นกระบี่เลื่องชื่อที่ม่ออวี่ต้องการจากเขาแต่ไม่สำเร็จ กระบี่นี้เคยหลับใหลอยู่ในทะเลหญ้าภายในสวนโจวมาเป็นเวลาหลายศตวรรษและเต็มไปด้วยสนิม ปราศจากความเรืองรองน่ากลัวเช่นในอดีต อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านการหล่อเลี้ยงอยู่ภายในซ่อนคมมานานสองปี มันก็ได้ความแหลมคมในอดีตกลับคืนมา!
กระบี่สตรีแดนเย่ว์ปักเข้าใส่ทะเลเลือดด้วยเสียงดังขวับ!
จากนั้นก็มีกระบี่บินออกมาจากฝักจำนวนนับไม่ถ้วน ปักเข้าใส่ทะเลเลือดอย่างไม่รู้จบ!
เป็นเวลาหลายศตวรรษที่กระบี่อันโด่งดังหมื่นกว่าเล่มถูกฝังเอาไว้ในสระกระบี่ของสวนโจว จนเมื่อเฉินฉางเซิงนำร่มกระดาษทองเข้าไปในทุ่งหญ้า กระบี่เหล่านี้ถึงได้ตื่นขึ้นมา พวกมันได้ต่อสู้กับคลื่นสัตว์อสูรร่วมกับเฉินฉางเซิง ทำลายศูนย์กลางจิตวิญญาณของสุสานโจว แบกหลังคาสวรรค์ที่ร่วงลงมา ในที่สุดกระบี่เหล่านี้ก็ออกมาจากสวนโจวพร้อมกับเขา คืนสู่โลกที่พวกมันจากไปเป็นเวลานาน
มีกระบี่มากมายที่ได้กลับคืนสู่พรรคสำนักเดิมของพวกมัน อย่างเช่นกระบี่จำศีลหรือกระบี่แสงศักดิ์สิทธิ์ กระบี่บางเล่มก็ได้พบกับโอกาสใหม่อย่างเช่นกระบี่มหาสมุทรขุนเขาและกระบี่ธงชัยของผู้บัญชาการเผ่ามาร มีกระบี่มากมายที่ถูกคนผู้หนึ่งซ่อนเอาไว้ตามจุดต่างๆ ของสำนักฝึกหลวง แต่ก็ยังมีกระบี่มากมายที่ยังอยู่กับเฉินฉางเซิง อย่างน้อยก็หกพันเล่ม
ในฐานะเพื่อนร่วมรบ เพื่อนทหาร เมื่อวันนี้เฉินฉางเซิงได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุด เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ท้าทายและอันตรายที่สุด แล้วพวกมันจะอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร
กระบี่แล้วกระบี่เล่าที่ออกมาจากฝัก แย่งกันเป็นเล่มแรกที่พุ่งออกไป!
ในชั่วพริบตา ลานบ้านก็เต็มไปด้วยเจตจำนงกระบี่ที่น่าครั่นคร้าม!
อย่าว่าแต่ต้นไห่ถัง แม้แต่พื้นหินสีเทาที่ปูอยู่ก็เต็มไปด้วยรอยตัดของกระบี่มากมายนับไม่ถ้วน!
เฉิงจวิ้นส่งเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวขณะเร่งกำลังการฝึกบำเพ็ญ เขายกมือทั้งสองแทนโล่กำบังไว้ตรงหน้าแล้วหนีออกจากห้องไป
……