ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 12 หิมะถล่ม
เสียงระเบิดพลันดังขึ้น!
เกล็ดหิมะทั้งหมดที่อยู่บนสะพานปลิวกระจายอย่างบ้าคลั่ง ตามกระบี่จำศีลพุ่งตรงไปยังด้านหน้า
หิมะที่ตกลงมาจำนวนนับไม่ถ้วน ตรงหน้าของเฉินฉางเซิงกลายเป็นสีขาวโพลน
เขามองอะไรไม่เห็นเลย เขาสามารถรับรู้ได้เพียงว่าที่ด้านหลังของหมอกหิมะมีพลังของกระบี่ที่แสนจะน่าหวาดกลัวสายนั้น
เขารู้สึกราวกับว่าตนนั้นเข้าไปในภาพมายา ที่เผชิญหน้าด้วยไม่ใช่กระบี่ของสวีโหย่วหรง แต่เป็นเหตุการณ์หิมะถล่ม
หิมะน้ำแข็งซึ่งสั่งสมมานับพันปีที่หน้าผาทางใต้ของเทือกเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ ได้ถล่มลงมาอย่างกะทันหัน เกิดเป็นเสียงดังสนั่นราวสายฟ้าฟาด แล้วพุ่งตรงเข้ามาทางเข้า
ต่อให้เพลงกระบี่ของเขาจะยอดเยี่ยมสักเพียงใด แล้วจะไปสามารถแทงทะลุภูเขาที่ถล่มลงมาแถบนี้ได้อย่างไร
……
……
สองฝั่งของแม่น้ำลั่วสงบเป็นอย่างมาก
บนเรือใหญ่ก็ยิ่งเงียบเป็นเป่าสาก
ไม่ว่าจะเป็นเหมาชิวอวี่หรือราชันย์แห่งหลิงไห่ ก็ล้วนนิ่งเงียบไม่พูดจา
มือของถังซานสือลิ่วกำแน่น แต่กลับยังคงอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมา
สีหน้าของซูม่ออวี๋ซีดขาวขึ้นมาอยู่บ้าง ริมฝีปากกระตุก ไม่รู้ว่ากำลังพึมพำอะไรอยู่
ม่านตาของเจ๋อซิ่วไม่รู้ว่าเปลี่ยนเป็นสีแดงตั้งแต่เมื่อไหร่ มือที่จับไม้เท้าก็แอบเพิ่มแรงลงไป
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนเป็นเพราะหมอกหิมะที่อยู่บนสะพานหน่ายเหอนั้น กระบี่นั่นที่อยู่ด้านหลังหมอกหิมะ
ถังซานสือลิ่วกับซูม่ออวี๋ชัดเจนอย่างมากว่าตนรับกระบี่นี้ไม่ไหว นอกจากจะใช้อาวุธวิเศษเพื่อรักษาชีวิต ไม่เช่นนั้นอาจจะบาดเจ็บสาหัส บางที…นี่ถึงจะเป็นกระบี่แรกของสวีโหย่วหรงตามความหมายอย่างแท้จริง และก็หมายความว่า ตนเองในตอนนี้แม้แต่กระบี่ของนางกระบี่เดียวก็ยังรับไว้ไม่ไหว
ความจริงข้อนี้ทำให้พวกเขายากจะยอมรับ แต่กลับไม่ยอมรับไม่ได้
เจ๋อซิ่วกับพวกเขาคิดไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ยอมรับไม่ได้ว่ากระบี่ของสวีโหย่วหรงนี้แสนจะน่ากลัว
พรสวรรค์ในสายเลือดของนางช่างแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ
นอกจากสายเลือดมังกรของชิวซานจวินกับสายเลือดจักรพรรดิขาวของลั่วลั่ว ในโลกใบนี้ยังมีใครสามารถเทียบเคียงได้อีก
ถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งหลายคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาวที่ยืนอยู่ตรงหัวเรือนั่น ซึ่งมีระยะห่างจากเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ก้าวเดียว ก็ยังอดไม่ได้ที่จะอิจฉาในพรสวรรค์ของสวีโหย่วหรง
ล้วนพูดกันว่าการบำเพ็ญเพียรเป็นของขวัญที่ดวงดาวมอบให้กับสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา เช่นนั้นแล้วตัวตนของสวีโหย่วหรงก็คือของขวัญชิ้นนี้ใช่หรือเปล่า
แต่ที่น่าสนใจก็คือ ต่อให้มาถึงนาทีนี้แล้ว ได้มองเห็นกระบี่ที่ทรงพลังราวกับหิมะถล่มของสวีโหย่วหรงแล้ว ก็ยังคงไม่มีใครเป็นห่วงเฉินฉางเซิง
ไม่ว่าจะเป็นถังซานสือลิ่ว คนของสำนักฝึกหลวง หรือว่าคนอื่นๆ
ใช่ บางทีพรสวรรค์ในสายเลือดของเฉินฉางเซิงนั้นแสนจะธรรมดาอย่างมาก แต่จากเมืองสวินหยางมาจนถึงจิงตู มียอดฝีมือในขั้นรวบรวมดวงดาวขั้นต้นมากมายที่พ่ายแพ้ภายใต้กระบี่ของเขา ซึ่งเป็นการพิสูจน์ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในขั้นทะลวงอเวจีขั้นสูงตามปกติ
อานุภาพกระบี่ของสวีโหย่วหรงเหมือนกับภูเขาถล่มลงมา ราวกับหิมะถล่ม
ที่น่ากลัวที่สุด ก็ยังเป็นกระบี่จำศีลของนางที่พุ่งมาตามหิมะคลั่ง
ก็เหมือนกับที่กระบี่ของเขาแม้จะรวดเร็วขนาดไหนก็เทียบไม่ได้กับสวีโหย่วหรง กระบี่ของสวีโหย่วหรงเองแม้จะทรงพลังแค่ไหนก็ไม่อาจแทงทะลุเขาไปตรงๆ ได้
เขาตั้งสมาธิ ยกกระบี่ไปด้านหน้า อยู่ในระนาบเดียวกับคิ้ว
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นธรรมชาติอย่างมาก ก็เหมือนกับเมื่อครึ่งปีก่อนที่ยกกระบี่ขึ้นมากว่าสามหมื่นครั้งนั่น
กระบี่ถูกยกเป็นตัวอักษรเลขหนึ่ง
ภูเขาตั้งตระหง่าน โซ่เหล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขื่อนใหญ่ขวางกั้นอยู่ชั่วนิรันดร์
นี่ก็คือเพลงกระบี่โง่งมที่แม้แต่ซูหลีก็ยังใช้ไม่ได้
หิมะถล่มลงมาแล้ว เสียงลมดังสนั่น เกล็ดหิมะเป็นดั่งลูกธนู
กระบี่จำศีลมาตามสายลมและเกล็ดหิมะ แล้วฟาดฟันลงไปบนกระบี่ไร้ราคีอย่างหนักหน่วง
กระบี่ทั้งสองที่ได้ปะทะกันในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดเสียงที่กระจ่างใส แต่เกิดเสียงที่ดังสนั่น
ราวกับเทพที่อยู่บนสวรรค์นั้นถือค้อนใหญ่แล้วทุบลงไปบนทั่งเหล็กที่อยู่บนพื้นอย่างแรง!
หิมะทั้งหมดที่กองอยู่บนสะพานหน่ายเหอถูกสะเทือนจนกระจายขึ้นมา
แม่น้ำลั่วที่อยู่ใต้สะพานก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นไม่หยุด
กระบี่จำศีลพลันฟาดฟันลงไป!
พลังสายหนึ่งที่ยากจะจินตนาการปะทะเข้าสู่ตัวของกระบี่ไร้ราคี
หิมะถล่มที่สั่งสมมานับหมื่นปี พลันพุ่งเข้าไปทำลายภูเขาที่ดูแล้วแข็งแกร่ง ถาโถมเข้าสู่แม่น้ำใหญ่ เริ่มต้นที่จะบดทำลายโซ่เหล็กและเขื่อนที่ขวางกั้นอยู่ในแม่น้ำ!
ตามมาด้วยเสียงที่สุดแสนจะเสียดหู กระบี่ไร้ราคีถึงกับโค้งงอลงไปเล็กน้อย!
หลังจากที่เฉินฉางเซิงฝึกฝนสำเร็จเป็นต้นมา ไม่เคยมีการโจมตีใดที่ทำลายเพลงกระบี่โง่งมได้มาก่อน แต่ในนาทีนี้ถึงกับมีสัญญาณของการพังทลายแล้ว!
สำหรับเรื่องนี้เขามีการเตรียมการเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มือซ้ายนั้นจับไปที่ฝักกระบี่ซ่อนคม เสียงเสียดสีดังขึ้น ฝักกระบี่ได้รองรับคมของกระบี่ไร้ราคีเอาไว้
มือซ้ายของเขาจับฝักกระบี่ มือขวาจับด้านกระบี่ ขวางเอาไว้ที่ด้านหน้า ฝืนรับ!
เสียงดังสนั่นยังคงดำเนินต่อไป
การโจมตีต่อเนื่องที่เป็นดั่งฝนกระหน่ำ
เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
เสียงของแข็งกระทบกันดังขึ้นภายในสายลมและหิมะไม่หยุด
ในสายลมและเกล็ดหิมะ สามารถมองเห็นถึงเงาร่างของเฉินฉางเซิงที่ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง!
หิมะกระหน่ำค่อยๆ หายไป น้ำในแม่น้ำเริ่มสงบ บนสะพานหน่ายเหอกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง
สวีโหย่วหรงจับกระบี่จำศีลอยู่ แล้วมองไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างสงบ ยังคงไม่ได้พูดออกไปแม้แต่คำเดียว
บนพื้นของสะพานหน่ายเหอที่แข็งแกร่งปรากฏรอยลึกที่ชัดเจนขึ้นสองรอย
เฉินฉางเซิงยืนอยู่บนปลายสุดของรอยแยกสองรอยนี้ เท้าทั้งสองข้างเสียบอยู่ในรอยแยก ด้านหลังก็มีเศษหินกองอยู่
รองเท้ากับกางเกงของเขาขาดวิ่น มองดูแล้วน่าอนาถอยู่บ้าง
เขาเริ่มไอขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไออย่างทรมาน
เพียงแค่กระบี่เดียว
เขาก็ได้รับบาดเจ็บภายใน
ชาวเมืองที่อยู่บนสองฝั่งแม่น้ำมองภาพเหตุการณ์บนสะพานได้ไม่ชัดเจน พวกเขาเห็นเพียงพายุหิมะที่พัดกระหน่ำอย่างกะทันหันกับฝุ่นควันที่พัดกระจายตามมาในภายหลัง จึงส่งเสียงตกตะลึงไปหลายครั้ง ส่วนบนเรือใหญ่ก็ยังคงเงียบสงบอยู่
แม้แต่พวกราชันย์แห่งหลิงไห่ก็ยังไม่เยาะเย้ยถากถางเฉินฉางเซิง เพราะไม่ว่าจะอนาถมากมายแค่ไหน ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บแล้วหรือไม่ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังรับกระบี่นี้เอาไว้ได้
แค่นี้ก็พอแล้ว
เหล่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้เห็นอย่างชัดเจน ท่าหิมะถล่มของสวีโหย่วหรงในครั้งนี้ ถึงจะเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นรวบรวมดวงดาวขั้นต้นตามปกติ ก็ไม่อาจจะรับไว้ได้แล้ว
นี่คือส่วนที่น่ากลัวของพรสวรรค์แห่งสายเลือด ต่อให้ระดับพลังสู้อีกฝ่ายไม่ได้ นางก็ยังคงสามารถอาศัยปริมาณของปราณแท้กับความแข็งแกร่งของดวงจิตกดดันเจ้าได้โดยตรง
เฉินฉางเซิงมองสวีโหย่วหรง สายตาหยุดอยู่ที่ผ้าขาวบางนั้น และพบว่ายังคงไม่สามารถมองผ่านไปได้
เขามองนางไม่ออก…เขารู้ว่าสวีโหย่วหรงแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าเด็กสาวที่ให้ผู้คนรู้สึกว่างดงามหลุดพ้นผู้นี้ จะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ กระทั่งก้าวข้ามขอบเขตของคำว่าทรงอำนาจ ดูเหมือนจะมีกลิ่นอายของราชันย์ หงส์สวรรค์ ก็คือราชันย์โดยกำเนิดจริงๆ หรือ
เขาเคยผ่านการเดินทางและต่อสู้ร่วมกันในที่ราบทุ่งหญ้าสุริยาไม่หลับใหล การพูดคุยเรื่องการบำเพ็ญเพียรในวัดหิมะ เขาเคยคิดว่า คนอย่างแม่นางชูเจี้ยนก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรอัจฉริยะแล้ว อย่างมากสวีโหย่วหรงก็เป็นเหมือนกับนาง แต่ดูจากในตอนนี้แล้ว นางยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าแม่นางชูเจี้ยนเสียอีก
สวีโหย่วหรงค่อยๆ เดินออกมาจากสายลมและเกล็ดหิมะ มือขวาถือกระบี่จำศีลอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับเซียนที่ก้าวจากก้อนเมฆลงมาสู่พื้นดิน ยากจะทำให้คนคิดเชื่อมโยงไปถึงกระบี่ที่ราวกับเป็นหิมะถล่มอันแสนน่าหวาดกลัวนั่นก่อนหน้านี้
ยิ่งสงบเรียบเฉย ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่ายากจะเอาชนะได้
จะทำอย่างไรถึงจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้
คำถามข้อนี้เฉินฉางเซิงได้ขบคิดมาหลายวันแล้ว และเตรียมตัวมาถึงเจ็ดวันเต็มๆ
บนสะพานหน่ายเหอพลันเกิดเสียงดังขึ้นเบาๆ
กระบี่ไร้ราคีได้เสียบเข้าไปในฝักกระบี่ ไม่ใช่การเก็บกระบี่ แต่เป็นการเชื่อมด้านกระบี่เข้ากับฝัก แน่นอนว่าไม่สามารถซ่อมคมได้ แต่กลับทำให้ตัวกระบี่ยาวขึ้น ให้ส่วนที่แหลมคมเผยออกมา
ตอนที่เผชิญหน้ากับจูลั่วที่เมืองสวินหยางในตอนแรก เขาก็เคยทำเช่นนี้มาก่อน เป็นการแสดงความเคารพต่อศิษย์พี่อวี๋เหรินกับหวังผ้อที่เขาชอบที่สุด และก็เป็นการแสดงความเคารพต่อนางที่อยู่ในพายุหิมะนั่น
เจตจำนงกระบี่สายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นบนสะพานหน่ายเหอ ปรากฏขึ้นท่ามกลางพายุหิมะ
เจตจำนงกระบี่สายนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ กลับไม่มีความแปลกประหลาดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูเปิดเผยอย่างน่าประหลาด ดูสมเหตุสมผล ทำให้คนรู้สึกคือความตรงไปตรงมา
เจตจำนงกระบี่สายนี้ตรงและตรงไปตรงมาอย่างมาก
เจตจำนงกระบี่สายนี้ร้อนและร้อนแรงอย่างมาก