ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 147 ต่อให้ทางเลือกของข้าผิด สายตาของข้าก็ยังตัดสินการจัดการได้
- Home
- ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา
- ตอนที่ 147 ต่อให้ทางเลือกของข้าผิด สายตาของข้าก็ยังตัดสินการจัดการได้
ภาพที่สันเขาเฉิงกง เรื่องราวภายในค่ายเฮยซาน เกิดขึ้นอีกหลายแห่งในคืนนี้ กองทัพซีไห่ที่เดินทางกลับจิงตูถูกหยุดไว้ที่สันเขากุยหยวน คนที่มายังค่ายนี้คือมุขนายกอันหลินจากพระราชวังหลี ที่สำคัญก็คือตระกูลเทียนไห่ได้ทำการป้องกันกองทัพทั้งสองจากการเข้าสู่จิงตูได้สำเร็จ
คืนนี้เป็นคืนที่สำคัญที่สุดของโลกมนุษย์ที่ต่อต้านจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ ศัตรูและฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดของนาง แม้แต่ญาติของนางเอง ต่างก็ลุกขึ้นมาแสดงความแข็งแกร่งเกินจินตนาการ
……
……
“ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกตัวเองเป็นใคร แล้วท่านมีสิทธิ์อะไรมาปกครองต้าโจว”
“ท่านควบคุมโลกมนุษย์ก็ไม่ได้ แล้วยังจะพร่ำเพ้อเรื่องต่อต้านวิถีสวรรค์อีกหรือ”
“ท่านควบคุมอะไรไม่ได้เลย แม้แต่ชะตาของตัวเอง”
“เทียนไห่ สละบัลลังก์เถอะ”
นักพรตจี้ออกจากถนน
โคลนบนถนนยังดูเหมือนจะมีรอยเท้าของเขาอยู่
เสียงสับเนื้อหยุดลงแล้ว ในที่สุดเสียงการต่อสู้ทั่วทั้งจิงตูก็เหมือนจะเตือนให้พ่อค้าเนื้อรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในตอนนี้
ในเวลาอันสั้น สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ผังลายจักรพรรดิจมลงสู่พื้นดินอีกครั้ง พลังค่ายกลที่น่าหวั่นเกรงได้หายไปแล้ว ที่หลายแห่งในจิงตูตกอยู่ในความโกลาหล กองทัพทั้งหลายที่รีบรุดกลับมาจิงตูต่างก็ถูกหยุดไว้ด้วยเหตุผลหลายประการ บ้างก็ยังคงพยายามพุ่งตรงมาผ่านห่าฝน แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมาถึงในเร็วๆ นี้
สุสานเทียนซูเงียบงัน เงียบผิดปกติ เงียบจนให้ความรู้สึกพิกล
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ยืนอยู่ริมถนนเสิน มือทั้งสองข้างไพล่หลัง ตามองลงไปยังจิงตู รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้างาม
โลกนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นของนาง
ไม่รู้ว่ารอยยิ้มเหยียดหยันนี้มอบให้กับตัวนางหรือว่าให้กับโลกนี้
จากนั้นนางก็หันไปทางพระราชวังหลีที่เงียบงันทางตะวันตกตะเฉียงเหนือของจิงตู
ในตอนนี้ เสียงที่หลายคนคาดว่าจะได้ยินเป็นเวลานานก็พูดขึ้นในที่สุด
สุรเสียงสังฆราชสุขุมอย่างยิ่ง ทว่าทุกคนก็ยังได้ยินความเสียใจในน้ำเสียง
“เราล้วนผิดหมด มีแต่เหมยลี่ซาที่พูดถูก”
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เลิกคิ้วเล็กน้อย เหมือนจะสนใจฟังส่วนที่จะตามมา
สังฆราชคิดถึงเพื่อนเก่าและคิดถึงบทสนทนาในอดีต น้ำเสียงก็เศร้าอย่างมาก “เขาเชื่อมาเสมอว่าท่านจะเลือกช่วยเฉินฉางเซิง ไม่ว่าเฉินฉางเซิงจะเป็นใคร”
“และตราบใดที่ท่านเลือกจะช่วยเขา ท่านก็จะตกลงสู่หลุมพรางนี้ในทันที”
เสียงนักพรตจี้ดังมาจากที่ราบทางตอนเหนือของจิงตู
ร่างเขาปรากฏอยู่ท่ามกลางหญ้าฤดูใบไม้ร่วง ห่างไปสิบกว่าลี้จากประตูเมือง หยกสมประสงค์ที่บรรจุไว้ด้วยพลังวิญญาณไร้จำกัดก็ปรากฏขึ้น
“ข้าเชื่อมาเสมอว่านี่เป็นทางเลือกที่ข้าเสนอให้ท่าน แต่ในความเป็นจริง นี่เป็นทางเลือกที่วิถีสวรรค์เตรียมไว้ให้ท่าน”
นักพรตจี้ยืนอยู่ในทุ่งหญ้า เอ่ยปากพูดอย่างใจเย็น เสียงดังก้องไปในท้องฟ้าตรงหน้าสุสานเทียนซู
“ฆ่าเขา กินเขาหรือช่วยเขา ล้วนเป็นทางเลือกทั้งสิ้น แต่ไม่ว่าท่านจะเลือกทางใด ก็ล้วนเป็นทางเลือกที่ผิด ต้องไม่ตอบคำถามนี้ ต้องไม่เลือกทางเลือกใด จึงจะถูกต้อง ในหมู่ตัวเลือกที่ผิดเหล่านี้ ท่านเลือกตัวเลือกที่โง่เขลาที่สุด ทำให้สภาพของท่านเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง”
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง “สภาพสิ้นหวังอย่างนั้นหรือ มีใครในโลกมีสิทธิ์กล่าวคำพูดเช่นนี้กับข้า”
นักพรตจี้ตอบ “แน่นอน มีแต่ท่านที่จะบอกตัวเองได้ ท่านสามารถปกครองโลกนี้โดยไม่สนถึงการสมรสกับจักรพรรดิเซียน ไม่สนว่าตนมีความสามารถในการปกครองหรือไม่ สนแต่อำนาจของตัวเอง ตราบใดที่ท่านมีอำนาจมากพอ ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไม่ภักดีต่อท่าน ต่อให้พวกเขามีความคิดไม่ภักดี ก็ไม่กล้าทำเรื่องไม่ภักดี แต่ท่านเลือกเขา ทำให้ตัวเองอ่อนแอลง ทำให้คนในโลกมีโอกาสเปลี่ยนความคิดไม่ภักดีให้กลายเป็นการกระทำ มอบความกล้าให้กับพวกเขา นับประสาอะไรกับการที่ทางเลือกนี้ บ่งบอกถึงความไม่สนใจต่อตระกูลเทียนไห่ ทำให้กลุ่มที่ภักดีต่อท่านที่สุด เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน”
ดวงเนตรจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่มองไปที่จิงตู เห็นภาพการต่อสู้และจวนตระกูลเทียนไห่ที่เงียบงัน
นางมองไปนอกจิงตู เห็นหุบเขาท่ามกลางสายฝนและเลือดที่นองไปทั่วหุบเขา
เสียงนักพรตจี้ดังขึ้นอีกครั้งตรงหน้าสุสานเทียนซู “ทุกคนได้ทิ้งท่านไปแล้ว”
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ตอบอย่างเฉยชา “นั่นเป็นเพราะพวกเขาโง่งมจนมองเห็นแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น”
เสียงนักพรตจี้สากห้าวขึ้นโดยพลัน
“ท่านจะบอกว่านี่เป็นการขาดวิสัยทัศน์เช่นนั้นหรือ ไม่ใช่! ลองนึกถึงเฉินกวนซง นึกถึงเหล่าขุนพลเทพพวกนั้น พวกเขาทรยศท่านก็เพราะพวกเขาผิดหวัง! ท่านปกครองมาสองร้อยปี และพวกเผ่ามารก็อ่อนแอที่สุดในช่วงสองร้อยปีมานี้ แต่ด้วยสายตาอันสั้นของท่าน ที่รู้จักแต่สงวนความแข็งแกร่งของคนที่ภักดีเอาไว้ ท่านจึงไม่เคยโจมตีเผ่ามารเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เพียงแค่ไม่คืบหน้าแม้เพียงสักเล็กน้อย ในช่วงยี่สิบปีมานี้ ท่านถึงยอมขนาดสละดินแดนเพื่อแลกความสงบ! ท่านบริหารประเทศได้ดีแม้ว่าจะใช้ความโหดเหี้ยมอย่างที่สุด ท่านทำให้การบรรจบกันของเหนือใต้เป็นไปได้ดีแม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นความสำเร็จของเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม แต่ในเรื่องการรบกับเผ่ามาร ท่านทำให้มนุษยชาติต้องอับอาย!”
“แล้วนั่นคือเหตุผลอันชอบธรรมที่ทำให้พวกเจ้ามีสิทธิ์ทรยศเราเช่นนั้นหรือ”
รอยยิ้มเย้ยแย้มขึ้นบนพักตร์งามของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่อีกครั้ง
ครั้งนี้ชัดเจนว่านางกำลังเย้ยโลก
“แล้วเจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าการต่อสู้ในสุสานเทียนซูคืนนี้ ยอดฝีมือของมนุษยชาติจะต้องล้มตายเป็นเบือ จะตกต่ำและกระจัดกระจายจนยากจะรับได้ กองทัพใหญ่บนถนนไม่มีทางให้บุกหรือถอย จิตใจเหล่าทหารจะไม่มั่นคง หากกองทัพเผ่ามารบุกมา ใครจะหยุดพวกมัน หากพวกมันถล่มที่ราบกลาง เข่นฆ่าประชาชน ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ เหตุผลอันชอบธรรมอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าคนไหนที่จะรับผิดชอบได้บ้าง”
นางมองไปทางพระราชวังหลีและยิ้มเยาะ
“ข้าลวงราชามารไปหานซานเพื่อให้เขาต่อสู้กับผู้เฒ่าความลับสวรรค์ เมื่อผู้เฒ่าความลับสวรรค์บาดเจ็บสาหัส เขาก็ไม่อาจมาช่วยท่านได้ในคืนนี้ จากนั้นข้าก็เชิญจักรพรรดิขาวไปตอนเหนือของหานซานเพื่อซุ่มโจมตีราชามาร ราชามารได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้แต่กลับไปเมืองเสวี่ยเหล่าเพื่อรักษาตัว ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้วางแผนไว้ในเมืองเสวี่ยเหล่า ผ่านคืนนี้ไปก็จะส่งผล แต่เหนียงเหนียง ท่านอาจไม่ได้เห็นมัน”
เสียงนักพรตจี้สงบและผ่อนคลาย “ข้าใช้เวลายี่สิบปีเพื่อวางกับดักในคืนนี้ ข้าย่อมไม่ปล่อยให้มีช่องว่าง เหนียงเหนียง ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล”
ได้ยินเช่นนี้ เฉินฉางเซิงก็ได้รับการยืนยันในที่สุดว่าการพบกับราชามารบนเขาหานซานนั้นอันที่จริงแล้วเป็นกับดักของอาจารย์นั่นเอง
ร่างกายเขาเย็นเยียบ มิใช่เพราะสายฝนก่อนหน้านี้หรือสายลมที่พัดผ่านยอดเขา
เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงภาพบัณฑิตวัยกลางคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางต้นพลับริมลำธาร เขาจะรู้สึกเย็นเยียบทุกครั้งไป
อาจารย์ได้ใช้ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ล่อให้ราชามารมาที่หานซาน ทว่าเขากลับไม่รู้ตัวเลย
ในตอนนั้นเขาเกือบตายไปแล้วจริงๆ
“ก็ถูกแล้ว อาจารย์เลี้ยงข้ามาสิบกว่าปี ต้องใช้ประโยชน์มากกว่าหนึ่งครั้งถึงจะเรียกได้ว่ามีกำไร”
เขาพึมพำกับตัวเอง
“สายตาของเจ้ามองไปแต่ทางเหนือเพียงอย่างเดียวหรือ”
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ทอดสายตาไปทางเหนือสู่ที่ราบฤดูใบไม้ร่วง รอยยิ้มเย้ยแย้มที่มุมปาก “สุดท้ายแล้วการจัดการของเจ้าก็ยังเล็กเกินไป”
ไม่มีใครได้ยินคำพูดของนาง
ไม่ว่าจะเป็น ‘สายตา’ หรือ ‘การจัดการ’
นักพรตจี้ได้วางกับดักเอาไว้ในจิงตู และวางแผนอีกอย่างหนึ่งในเมืองเสวี่ยเหล่า ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เรียกได้ว่าเป็นการจัดการที่ใหญ่โตมากแล้ว แต่สำหรับนาง กลับได้รับการประเมินอย่างดูถูก
“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นข้ออ้าง พวกเจ้าก็แค่ไม่ชอบให้ผู้หญิงเป็นใหญ่เหนือเจ้า นี่จึงเป็นเหตุผลของเจ้าและยังเป็นเหตุผลของเฉินกวนซง”
สายตาจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่มองไกลออกไปกว่าเดิม เสียงนางก็พลอยแผ่วเบาลง
มีแต่เพียงเฉินฉางเซิงที่ได้ยินเสียงนาง
เพราะว่าตอนนี้ นางไม่คิดจะเสียเวลาพูดอะไรกับโลกนี้แล้ว
สุดท้ายแล้วนางก็พบว่าเหล่าพวกที่เรียกว่าเป็นศัตรูและคู่ต่อสู้ของนาง ล้วนแต่เป็นแค่ขยะอย่างที่คาดไว้
……