ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 157 เรื่องอัศจรรย์เมื่อโลกเปลี่ยนไป
ใบไม้ครามลอยผ่านความมืดมิด
สังฆราชก็เดินออกมาจากความมืด ใบหน้าซีดขาวจนแทบโปร่งใส ทะเลดวงดาวภายในดวงตาก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงราวกับเพลิงที่ลุกไหม้
ในยามที่สังฆราชแสดงการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมา ใช้ใบไม้ครามโจมตีจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ การต่อสู้ในเมืองลั่วหยางและที่ริมลำธารอันห่างไปหมื่นลี้ก็มาถึงจุดวิกฤติเช่นกัน
หยกสมประสงค์สีดำที่ได้สลายกลายเป็นวิชาเต๋าได้กรีดสร้างรอยอันบ้าคลั่งจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่รอบอารามฉางชุน เกิดประกายแสงกะพริบวิบวับ ปราณเย็นเยียบปกคลุมทั่วอารามนักพรต เปลี่ยนน้ำในเหยือกให้กลายเป็นน้ำแข็งแล้วแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แสงในอารามถูกแช่แข็งจนดูเหมือนกับกระจกสีจากนั้นก็แตกสลาย แม้แต่ลาวาที่ผุดขึ้นมาจากรอยแตกร้าวบนพื้นก็ถูกแช่แข็งไปในทันที!
ชุดนักพรตของนักพรตจี้เปลี่ยนเป็นสีขาว คือสีน้ำค้างแข็งและกาลเวลาที่เคลื่อนผ่าน เขาเห็นปราณเยือกแข็งสีดำที่ปกคลุมอาราม สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่มาจากสุสานเทียนซู และสีหน้าครุ่นคิดก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าเฉยชาของเขา แสงกระจ่างใสแผ่ออกมาจากชุดนักพรต ไหลไปราวกับน้ำใสเข้าสู่แสงดาววาววับอันเป็นตัวแทนของวิชาเต๋า
พวกนักพรตที่ยังมีชีวิตอยู่ในอารามฉางชุนกระอักเลือดออกมาขณะส่งเสียงท่องคัมภีร์เต๋าอย่างต่อเนื่อง
คำอันซับซ้อนยากจะเข้าใจออกมาจากปากนักพรตจี้!
นี่คือคัมภีร์เล่มสุดท้ายในคัมภีร์สามพันมหามรรค ภาษามังกรที่ยากจะเข้าใจที่สุด เป็นแก่นแท้ของวิชาเต๋าที่แยบยลที่สุด!
ด้วยถ้อยคำเหล่านี้ ท้องฟ้าเหนือลั่วหยางก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างฉับพลัน วิชาเต๋าที่มาจากหยกสมประสงค์ที่แหลกสลายก็เฉื่อยชาลงชั่วขณะ เห็นได้ว่าปราณเยือกแข็งสีดำถอยกลับผ่านความมืด
นักพรตจี้นำเอากระบี่ยาวออกมา สิ่งแรกที่เขานำออกมาก็คือกระบี่!
กระบี่ที่อาบไว้ด้วยวิชาเต๋าฟันลง ส่งเสียงโหยหวนดังออกมาจากความมืด แม้ไม่มีจิตสำนึกของตนเองแต่ก็บรรจุไว้ด้วยความปั่นป่วนอันลึกล้ำ ตามมาด้วยเสียงแตกสลายดังสนั่น!
เสียงแตกสลายจำนวนนับไม่ถ้วนดังขึ้น เหยือกไหมากมายแหลกละเอียดรวมถึงก้อนน้ำแข็งโปร่งใสที่อยู่ภายใน โคมไฟที่ดูเหมือนกระจกแก้วสีกับลาวาที่ถูกแช่แข็งก็แตกสลายเช่นกัน ทั้งหมดล้วนแหลกเป็นผุยผง ละลายกลายเป็นน้ำใส ระเหยกลายเป็นไอ โลกที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นกระจกแก้วสีและน้ำแข็ง แตกสลายและตกอยู่ใต้การควบคุมของแสงกระจ่างใส!
ลำธารข้างวัดเก่าที่ห่างไปหมื่นลี้ นักบวชเดินเข้าหาจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่
นัยน์เนตรจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่เป็นประกายเจิดจ้าหาใดเปรียบ เพลิงสีทองที่แผ่ออกมานั้นเป็นเสมือนกับหงส์สวรรค์กำลังจะเกิดใหม่
นี่คือดวงตาหงส์สวรรค์ที่แท้จริง
สายตานางกวาดมองไปรอบๆ บัวโลหิตในลำธารลอยขึ้นประหนึ่งมีชีวิต ปกคลุมร่างนักบวชไว้ ครั้นแล้วก็ร่วงหล่นกราว
ใต้บัวโลหิตที่แตกหักมีร่างนักบวชที่แตกหักเช่นกัน ผิวหนังมีรอยร้าว แต่ที่ไหลออกมามิใช่เลือดหากแต่เป็นแสงสีขาวขุ่นดุจน้ำนม
ลำแสงพวกนั้นบรรจุไว้ด้วยพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจินตนาการได้ แทบจะเหมือนแสงศักดิ์สิทธิ์ของพระราชวังหลี แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตในต้าลู่แล้ว ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นี่ก็เป็นแสงศักดิ์สิทธิ์่่่เช่นกัน แต่มันมาจากอีกโลกหนึ่ง โลกที่มีอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เป็นปฏิปักษ์ต่อโลกนี้
แสงศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่างนักบวช แต่ลำธารด้านหลังวัดเก่าเมืองซีหนิงไม่ส่งเสียงใด น้ำที่เดือดพล่านพลันหยุดลง น้ำที่ระเหยเป็นหมอกก็แน่นิ่งไป
นี่คือความแน่นิ่งอย่างที่สุด มีสิ่งเดียวที่ยังคงเคลื่อนไหว นิ้วของนักบวชผู้นั้น นิ้วที่พุ่งเข้าหาหน้าผากจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่
……
……
ใบไม้ครามมาถึงยอดสุสานเทียนซู เผชิญหน้ากับจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่
นี่คือโลกที่แท้จริง ต้นไม้ก้อนหินในสุสานเทียนซูสัมผัสได้ถึงความจริงแท้และน้ำหนักอันเหลือประมาณของโลกนี้ ก็สั่นไหวอย่างกระวนกระวายและจมลง
หากนางยังอยู่ในสภาพสูงสุด บางทีนางอาจไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาขนาดนี้
แต่นางได้หลุดออกจากขั้นอำพรางเทพแล้ว และไม่อาจอยู่ในโลกนั้นหรือซ่อนอยู่ภายในได้
หากร่างกาย เต๋าและดวงจิตของนางล้วนอยู่รวมกัน บางทีนางอาจต้านทานโลกนี้เอาไว้ได้ เฉกเช่นชายที่ชื่อเฉินเสวียนป้าเคยทำเมื่อหลายปีก่อนในสวนโจว
แต่วิชาเต๋าของนางถูกนักพรตจี้ทำลายในเมืองลั่วหยาง ดวงจิตถูกนักบวชที่ริมลำธารเมืองซีหนิงสะกดเอาไว้ ตอนนี้ ทั้งหมดที่มีอยู่บนยอดเขาสุสานเทียนซูก็คือร่างของนาง
ต่อให้นางมีร่างหงส์สวรรค์ที่แท้จริง ก็ไม่อาจทานรับโลกที่เคลื่อนเข้ามาได้
แล้วนางควรทำเช่นไร นางจะล้มลงและถูกเผาจนไม่เหลือสิ่งใดอย่างนั้นหรือ
ในยามที่ทุกคนมองขึ้นไปบนยอดเขาสุสานเทียนซูด้วยอารมณ์อันหลากหลาย รอคอยให้เวลาสุดท้ายมาถึง เสียงหงส์ร้องกระจ่างใสก็ดังก้องไปในท้องฟ้าราตรี!
จากเมืองเสวี่ยเหล่าถึงพรรคฉางเซิง จากดินแดนต้าซีถึงสุสานเมฆา ไม่มีเสียงใดให้ได้ยินนอกจากเสียงหงส์ร้อง
เสียงหงส์ร้องนี้ทรงอำนาจอย่างมาก เปี่ยมด้วยความภาคภูมิ แสงดาวที่ส่องลงมาจากท้องฟ้าราตรีถูกใบไม้ครามหักเหและถูกเสียงหงส์ร้องฉีกทำลาย สลายจนหมดสิ้นในทันที!
สัตว์อสูรภายในเขาอันโดดเดี่ยวของสุสานเมฆาส่งเสียงร้องหวาดกลัว ทันใดนั้นเสียงร้องเหล่านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ประหนึ่งว่าสุสานเมฆาได้เปลี่ยนเป็นป่าช้าไปจริงๆ
ที่ริมน้ำ เพลิงสีทองซึ่งแผ่ออกมาจากดวงตานาง เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่เย็นเยือกจับใจ ลำธารและก้อนหินล้วนลุกไหม้เช่นเดียวกับเศษบัวโลหิต!
ลำธารไหลปรี่ ก้อนหินเคลื่อนตัว ป่าไม้ไหววูบ สายลมพัดผ่าน
สายลมพัดเสื้อผ้านาง ดวงจิตลอยขึ้นจากหลายสิบจั้งจนเป็นหลายร้อยจั้ง จนได้แต่แหงนหน้าขึ้นมอง จนเหมือนจะสัมผัสหลังคาฟ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าร่างอันใหญ่โตราวกับก่อตัวจากท้องฟ้าพร่างดาว นักบวชที่ริมลำธารก็ดูเฉกมดตัวหนึ่ง แสงศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากร่างเขาดูราวกับว่าเป็นแสงที่ไม่สำคัญ ถูกสะกดข่มในทันทีจนแทบจะดับไป!
ในเวลาเดียวกัน ในเมืองลั่วหยาง เศษวิชาเต๋าก็ถูกกระบี่ทำลายตกลงสู่พื้นดิน เลือดแท้หงส์สวรรค์พลันปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าและหลอมละลายในลาวา เริ่มเผาทุกสิ่งอย่าง
มังกรดำที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าราตรีเหนือเมืองลั่วหยางก่อนหน้านี้พลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ มันมีปีกคู่หนึ่งแผ่กางออกมา ประดุจสร้างขึ้นจากหมอกและควัน กรงเล็บหงส์ยื่นออกปานสายฟ้า คว้ากระบี่ในมือนักพรตจี้ ปากหงส์พุ่งลงมาดั่งดาวตกจิกดวงตานักพรตจี้ พร้อมกับเสียงร้องที่ชัดเจนและโหดเหี้ยมของหงส์สวรรค์!
นางอยู่ที่ยอดเขาสุสานเทียนซู มองไปที่ใบไม้คราม สีหน้าเรียบเฉย
แห่งนี้คือจุดสูงสุดในจิงตู เพราะนางยืนอยู่ที่นี่ จึงมีแต่นางที่มีสิทธิ์ยืนอยู่ในจุดสูงสุด เมื่อนางเดินจากไป ที่แห่งนี้ก็ไม่สูงส่งและอันตรายอีกต่อไป และนางก็ไม่ใช่ตัวนางอีกต่อไป ดังนั้นนับจากเริ่มต้น นางไม่เคยคิดที่จะหลบเลี่ยงใบไม้ครามนี้ ทางเลือกของนางก็คือรับมันเอาไว้ ทว่านางจะใช้สิ่งใดรับเอาไว้ได้
ใบไม้ครามคือโลกใบหนึ่ง แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างทวนหิมาลัยเทวาหรือดาบสองท่อนก็ไม่อาจที่จะต้านทานได้
มือขวาของนางลดลงราวกับคว้าบางสิ่งบนท้องฟ้าราตรี
สิ่งนั้นนั้นหนักมาก ประณีต เป็นทรงจัตุรัส หากแต่ไม่ใช่อาวุธ
มันคือหินอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์
เฉินฉางเซิงมองไปก็พบว่าลายเส้นบนแผ่นหินนั้นดูคุ้นตาอยู่บ้าง จากนั้นก็นึกได้และพลันพูดอะไรไม่ออก
หินอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์นี้คือแผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้า!
แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์!
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ได้ยื่นมือคว้าแผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้ามาจากสุสาน!
จากนั้นใบไม้ครามก็ทุบลง!
ยามที่นางคว้าแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ แขนเสื้อของนางฉีกขาด
ยามที่นางโบกแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ ทั่วท้องฟ้าถูกฉีกกระฉากจนขาดวิ่น
แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ฟาดใส่ใบไม้ครามอย่างหนักหน่วง
ใบไม้ครามนั้นอ่อนนุ่มอย่างมาก หินอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์แข็งหนักอย่างยิ่ง เมื่อทั้งสองกระทบกัน ก็เหมือนกับใบไม้แห้งตกลงสู่สายน้ำ กระดาษตกลงในเตาไฟ ไม่ส่งเสียงดังแต่อย่างใด
ทว่าการปะทะนี้ ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น
หากบอกว่าเสียงฟ้าร้องดังมากแล้ว เช่นนั้นเสียงฟ้าร้องทั้งหมดที่เคยดังตั้งแต่จุดเริ่มต้นของกาลเวลามาจนถึงตอนนี้พลันดังขึ้นพร้อมกัน มันจะเป็นเสียงเช่นใดกัน
ตูม!
สุสานเทียนซูที่ไม่เคยพบการเปลี่ยนแปลงมาก่อน ดูเหมือนจะเคลื่อนออกจากแผ่นดิน สั่นไหวสามครา
สิ่งก่อสร้างทางตอนใต้ของจิงตูที่ยังพอคงสภาพอยู่ก็พลันพังทลายลงราวกับปราสาททรายถูกลมพายุพัด
ต้นไม้ในสุสานแหลกสลาย เศษซากปลิวคลุ้งไปทั่ว
ทะเลบัวที่ไหลอยุ่รอบสุสานเทียนซูกระเด็นขึ้น สายน้ำยาวหลายสิบลี้หมุนวนอยู่รอบสุสานเทียนซู
หลุมปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าราตรี
ทะเลดวงดาวเหมือนจะเปลี่ยนรูปร่าง
……