ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 60 เลิกคิ้ว โลกากำสรวล
เสียงตื่นตระหนกดังขึ้นอย่างเร่งร้อน “คุ้มครอง!”
การคุ้มครองย่อมต้องมอบต่อผู้มีเกียรติ และผู้มีเกียรติบนเส้นทางภูเขานี้ย่อมเป็นเฉินฉางเซิง ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ไม่อาจรับมือกับเกล็ดหิมะที่ตกลงมาจากท้องฟ้าได้ แต่พวกเขาก็ยังพุ่งมาตรงหน้าเฉินฉางเซิง แม้แต่จงฮุ่ยก็ยังพุ่งมาด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกระบี่ในมือ ชั่วขณะหนึ่งทางเดินภูเขาเต็มไปด้วยเสียงผู้คนพุ่งผ่านสายลม…จากนั้นก็เป็นเสียงเนื้อและเสื้อผ้าถูกตัดขาด!
เกล็ดหิมะแผ่วเบาเป็นเสมือนอาวุธวิเศษที่แหลมคมที่สุด ตัดทุกสิ่งที่มันได้สัมผัส!
เส้นทางภูเขาเต็มไปด้วยเลือดที่แข็งตัวเป็นเม็ดน้ำแข็งสีแดงกลิ้งไปทั่วบริเวณ
ผู้บำเพ็ญเพียรที่ยืนตรงหน้าเฉินฉางเซิงมีทั้งที่บาดเจ็บหนักและบาดเจ็บเล็กน้อย ทว่าไม่มีใครตาย ถึงกระนั้นความกล้าหาญที่มีก็ค่อยๆ จางหายไป
บัณฑิตวัยกลางคนผู้นี้คือใครกัน เป็นปราชญ์คนไหนกัน
เขาไม่ใช่ปราชญ์
เขาตรงข้ามกับปราชญ์ทั้งปวง
หลิวชิงคิดสิ่งเหล่านี้ด้วยใบหน้าขาวซีด จากนั้นก็คำรามตวัดกระบี่แทงออกไป!
ประกายกระบี่เป็นเฉกเช่นสายฟ้าพุ่งขึ้นจากริมลำธาร
เสี่ยวเต๋อกำลังรอจังหวะนี้ เขาเองก็เริ่มเคลื่อนไหว ถึงขนาดว่องไวกว่าหลิวชิง
เส้นเลือดปูดโปนอยู่บนใบหน้า ขนสีน้ำตาลแดงงอกออกมาตามผิวหนัง ไอพลังปราณก็รุนแรงขึ้น เขาพุ่งเข้าหาบัณฑิตวัยกลางคน!
บัณฑิตวัยกลางคนละสายตาจากเฉินฉางเซิงในที่สุด หันมามองพวกเขาและเลิกคิ้วขึ้น
ด้วยการเลิกคิ้วนี้ แผ่นดินก็สะท้านสะเทือน
ประกายกระบี่จากลำธารหายไปอย่างฉับพลัน กระบี่ในมือหลิวชิงหักครึ่งด้วยเสียงบาดแก้วหู
ตัวหลิวชิงเองก็ล้มลงบนหญ้า แนวโลหิตปรากฏขึ้นบนข้อมือและมีเลือดพุ่งออกมาไม่หยุด เขาอยู่ในสภาพน่าอนาถอย่างที่สุด
เสี่ยวเต๋อยิ่งเลวร้ายกว่า ก่อนที่เขาจะพุ่งพ้นลำธาร ก็ถูกตบลงในน้ำด้วยพลังแห่งโลกา
ด้วยการตบครั้งนี้ เขาทรุดลงคุกเข่า น้ำกระเซ็นไปทั่ว เลือดกระจายเต็มไปหมด!
การเปลี่ยนแปลงอย่างป่าเถื่อนและวิชาโลหิตนั้นทำให้ร่างกายของเขาแข็งกว่าเหล็กกล้า ทว่าเมื่อคุกเข่าลง สะบ้าหัวเข่าก็แหลกละเอียดเป็นผุยผง!
แต่เขาคุกเข่าลงแค่ข้างเดียวเท่านั้น ไม่ได้คุกเข่าอยู่ในน้ำอย่างสมบูรณ์ ยอดฝีมือเผ่าปีศาจแยกเขี้ยวส่งเสียงคำรามชั่วร้าย ทุ่มเทกำลังที่จะเคลื่อนไปด้านหน้าต่อไป!
หลิวชิงก็เช่นเดียวกัน ด้านหนึ่งบ้วนเลือดทิ้ง ด้านหนึ่งคว้ากระบี่หักขึ้นมา พุ่งตรงไปข้างหน้าต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นในบางครั้งเขาก็ใช้มือซ้ายคว้าจับส่วนอื่นของกระบี่หัก!
บัณฑิตวัยกลางคนแข็งแกร่งทรงพลังเกินไป แม้พวกเขาจะละทิ้งความแค้นหันมามือร่วมกันก็ยังไม่อาจเอาชนะได้
แต่พวกเขาไม่อาจหยุดได้ ไม่อาจล้มลงหรือคุกเข่าได้
เพราะต่อหน้าเผ่ามาร มนุษย์และเผ่าปีศาจไม่อาจยอมแพ้!
ครั้นเห็นคนทั้งสองพุ่งมาด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล ตัดสินใจพร้อมยอมตาย บัณฑิตวัยกลางคนก็เผยรอยยิ้มออกมา
เมื่อเขายิ้ม ภูเขาและแม่น้ำก็ส่องสว่างงดงาม แต่ก็ยังสงบเงียบ ว้าเหว่หนาวเย็น เพราะไม่มีมนุษย์อยู่ในภูเขาแม่น้ำเหล่านั้น ไม่มีเผ่าปีศาจด้วยเช่นกัน
ต่อหน้าเขา มนุษย์และเผ่าปีศาจทั้งหมดต้องตาย
ยิ่งบัณฑิตวัยกลางคนยิ้มลึกขึ้นเท่าไหร่ บาดแผลบนร่างของหลิวชิงกับเสี่ยวเต๋อก็ลึกขึ้นเท่านั้น ลึกเข้าไปจนสามารถมองเห็นกระดูกขาว!
เสียงดังโผละๆ หลิวชิงและเสี่ยวเต๋อล้มลงท่ามกลางดงต้นพลับอาบไปด้วยเลือด สุดท้ายก็ไม่อาจไปถึงบัณฑิตวัยกลางคนได้
หลิวชิงปิดปาก ใบหน้าขาวซีดไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว ในฐานะมือสังหาร หากเขาต้องตาย ก็ควรตายเงียบๆ
อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเต๋อคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับอสูรบาดเจ็บ ปวดร้าวและไม่ยินยอม
ผู้ใต้บังคับบัญชาเผ่าปีศาจสิบกว่าคนที่ริมลำธารเห็นภาพนี้ก็สามารถเอาชนะความกลัวในส่วนลึกที่สุดของจิตใจได้ คว้าอาวุธขึ้นพุ่งตรงไปยังบัณฑิตวัยกลางคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดฝีมือเผ่าปีศาจที่อยู่ใกล้กับป่ามากที่สุด ยินยอมพร้อมตายใช้วิชาโลหิตและร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น สามารถมองเห็นร่างดั้งเดิมที่เป็นช้างของเขาได้อย่างเลือนราง เขาส่งเสียงร้องทุ้มต่ำเกรี้ยวกราด พุ่งเข้าหาบัณฑิตวัยกลางคนจนกรวดหินกระดอนน้ำสาดกระจาย
บัณฑิตวัยกลางคนโบกแขนเสื้อด้วยท่าทางที่ดูเบื่อหน่าย
ในตอนนั้นเองที่ร่างกายของยอดฝีมือเผ่าช้างที่หนักอึ้งก็ถูกส่งลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อเขาลอยผ่านท้องฟ้า ร่างกายของยอดฝีมือเผ่าช้างก็ถูกตัดขาด โลหิตฉีดพุ่งออกมานับไม่ถ้วน ก้อนเนื้อหลายสิบก้อนกระจัดกระจายไปตามลำน้ำ
ยอดฝีมือเผ่าปีศาจที่เหลืออยู่ในสภาพที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่า มือขาด แขนขาด เท้าขาด และยังมีบางคนที่แม้แต่เอวก็ยังขาด แต่ในชั่วขณะนี้ พวกเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้ตาย
ริมลำธารเต็มไปด้วยเลือดและอวัยวะ เสียงโหยหวนครวญครางดังขึ้นอย่างสิ้นหวัง!
ดวงตาของเสี่ยวเต๋อเต็มไปด้วยความโกรธ จ้องมองไปที่บัณฑิตวัยกลางคนและกัดฟันพูด “ข้าจะฆ่าเจ้า!”
บนเส้นทางภูเขาก่อนหน้านี้ เขากล่าวว่าเขาต้องการจะสังหารเฉินฉางเซิง นั่นเป็นเพียงแค่วิธีการเจรจา แต่เพราะว่าเขามีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ คำพูดในตอนนั้นจึงให้ความรู้สึกที่เย็นเยียบ
ทว่าในตอนนี้เมื่อเขากล่าวว่าจะสังหารบัณฑิตวัยกลางคน มันฟังดูเหมือนเด็กน้อยร้องไห้ น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
บัณฑิตวัยกลางคนไม่สนใจเสียงร้องของเขา
ไม่สำคัญว่าจะเป็นอันดับห้าบนประกาศเซียวเหยาหรือมือสังหารอันดับสามของโลก สำหรับเขาแล้วพวกนี้ต่างก็ไร้ความหมาย ไม่มีค่าแม้แต่น้อยให้เขาต้องเสียเวลามาใส่ใจ
สายตาของเขามองไปที่ภูเขา จับจ้องร่างเฉินฉางเซิงอีกครั้งหนึ่ง
ภูเขาและแม่น้ำบนใบหน้าของเขาค่อยๆ สลายหายไป เผยให้เห็นใบหน้าที่อาจเป็นใบหน้าจริงของเขาหรืออาจไม่ใช่ก็ได้
ใบหน้านี้หล่อเหลาอย่างยิ่ง ประหนึ่งว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหมือนกับต้นอ่อนเหมยเขียว แต่ก็เหมือนกับพระพุทธรูปโบราณจากวัดในตำนาน
เขายืนอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อ ยืนอยู่กลางเสียงร้องอย่างเจ็บปวด จ้องมองไปทางเฉินฉางเซิง สีหน้าสงบและเฉยชา และยังยิ้มออกมาอีกด้วย
…
…
เกล็ดหิมะโปรยลงมาอย่างแผ่วเบา เส้นทางภูเขาเย็นเยียบเสียดกระดูก
ทุกคนรู้สึกเช่นนี้
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป พวกเข้าเลี้ยวมาตามทางเดินบนเขา เห็นบัณฑิตวัยกลางคนในป่าตรงข้ามลำธาร เมื่อเขาหันกลับมา ผู้ดูแลจากหอความลับสวรรค์ก็ตายลง หลิวชิงกับเสี่ยวเต๋อได้รับบาดเจ็บหนักและกำลังจะตาย ยอดฝีมือเผ่าปีศาจสิบกว่าคน บ้างก็ตายอย่างน่าอนาถ บ้างก็มีชีวิตอยู่อย่างเลวร้ายยิ่งกว่าตาย สรุปแล้วเรื่องทั้งหมดเกินในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
ไม่มีใคร ไม่ว่าจะเป็นเฉินฉางเซิง เจ๋อซิ่วหรือถังซานสือลิ่ว ต่างก็ไม่มีเวลาที่จะทำอะไรทั้งนั้น แน่นอนว่าต่อให้พวกเขาทำอะไรลงไป มันก็เปล่าประโยชน์
บัณฑิตวัยกลางคนผู้นั้นน่ากลัวจนเกินไป
นับตั้งแต่เฉินฉางเซิงออกจากเมืองซีหนิงมาจนถึงนครจิงตู เขาได้พบกับยอดฝีมือขั้นสูงมาจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นจูลั่ว กวนซิงเค่อหรือเปี๋ยยั่งหงจากแปดมรสุม ทั้งหมดล้วนด้อยกว่าบัณฑิตวัยกลางคน แม้แต่เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนใต้ที่เขาพบในเมืองสวินหยางก็ดูจะต่ำกว่าบัณฑิตวัยกลางคนผู้นี้อยู่บ้าง
ใต้เท้าสังฆราชจะแข็งแกร่งว่าบัณฑิตวัยกลางคนนี้หรือไม่
เฉินฉางเซิงเคยเห็นเพียงแค่ทะเลดวงดาวที่กว้างใหญ่ในดวงตาของใต้เท้าสังฆราชและไม่เคยเห็นใต้เท้าสังฆราชลงมือโจมตีด้วยตัวเองมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบคำถามนี้
หากเขาต้องหาใครสักคนในชีวิตการบำเพ็ญเพียรของเขาที่จะเทียบเท่ากับบัณฑิตวัยกลางคนผู้นี้ นั่นก็คงเป็นซูหลี
ยิ่งไปกว่านั้น ต้องเป็นซูหลีในจุดสูงสุด สภาพสมบูรณ์ที่สุด
ย้อนไปตอนที่อยู่ในทุ่งหิมะแดนมาร ความรู้สึกที่เขามีตอนที่ซูหลีดึงกระบี่บังฟ้าออกมาจากร่มกระดาษทองและเปิดเส้นทางกว้างหลายร้อยลี้มุ่งสู่แดนใต้นั้นคล้ายคลึงกับที่เขารู้สึกอยู่ในตอนนี้
บัณฑิตวัยกลางคนเป็นใครกัน
เฉินฉางเซิงพลันนึกขึ้นได้ เมื่อตอนที่เขาออกจากสวนโจวและคืนร่มกระดาษทองให้กับซูหลี เขาเคยได้เห็นความมืดมิดอยู่ไกลออกไป
ความมืดมิดแผ่ออกมาจากเมืองเสวี่ยเหล่าและปกคลุมไปครึ่งท้องฟ้า
ในตอนนี้ หานซานก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดที่คล้ายคลึงกัน
ใบหน้าของเขาซีดขาวหาใดเปรียบในทันที