ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 61 ความลับสวรรค์มีความหมายเช่นไร
บนยอดเขาหานซานมีทะเลสาบสีเขียวครามอยู่ สงบนิ่งมิอาจหยั่งรู้ตื้นลึก แม้ว่าจะถูกล้อมรอบด้วยความเย็น ผิวหน้าของทะเลสาบก็ยังแผ่ไอหมอกออกมา
ริมทะเลสาบบนหน้าผา มีก้อนหินขนาดต่างๆ กระจัดกระจายอยู่บนพื้นหญ้า แน่นอนว่ามีก้อนหินที่จมอยู่ในทะเลสาบมากกว่านี้อีก บ้างก็จมอยู่ก้นทะเลสาบ บ้างก็เผยมุมแหลมคมกับท้องฟ้า กระเรียนมังกร จำนวนมากที่บินลงใต้เพื่อใช้เวลาช่วงฤดูร้อน กำลังยืนอยู่บนก้อนหินเหล่านั้น พลางไซ้ขนอย่างสบายอารมณ์
ทะเลสาบแห่งนี้ก็คือทะเลสาบสวรรค์ เป็นจุดรวมของน้ำพุร้อนจำนวนมาก หินพวกนั้นก็คือหินสวรรค์ เมื่อนานมากแล้ว หินเหล่านี้ได้ตกลงมาจากสวรรค์และแม้จะไม่เหมือนกับแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ในสุสานเทียนซูที่ได้รับการบูชาจากคนมาหลายชั่วอายุคน แต่พวกมันก็มีชีวิตที่สบายกว่า ใช้ชีวิตอย่างกว้างไกลน่าสนใจยิ่งกว่า
ชายชรานั่งบนก้อนหินริมทะเลสาบ ดวงตาปิดสนิทเสมือนกำลังอาบแดด
บนเจดีย์สูงด้านหลังก้อนหิน มีผู้รับใช้อยู่หลายร้อยคน แต่กลับไม่มีเสียงใดดังออกมา
หอความลับสวรรค์เป็นสถานที่ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดทว่าลึกลับที่สุดในต้าลู่
นี่เป็นที่ออกแถลงการณ์ในการจัดอันดับและประกาศทุกชนิด ได้รับการยอมรับว่ามีความเที่ยงธรรมและเป็นกลางที่สุด มีอำนาจยิ่งใหญ่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและเกี่ยวข้องในทุกกิจการ หูตาสอดส่องไปทุกที่ แม้แต่ในหมู่คนธรรมดาก็ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อหอความลับสวรรค์ แต่กระนั้นกลับไม่มีใครรู้ว่ามันตั้งอยู่ที่ใดกันแน่
แต่สำหรับผู้เข้มแข็งที่อยู่ชั้นบนสุดของโลกผู้บำเพ็ญเพียร ที่ตั้งของหอความลับสวรรค์นั้นไม่เคยเป็นความลับ
หอความลับสวรรค์เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จำนวนนับไม่ถ้วนในต้าลู่ มีคฤหาสน์มากมาย แม้แต่ภูเขาและถ้ำที่มีชื่อเสียงอีกยี่สิบกว่าแห่ง
ไม่ว่าผู้เฒ่าความลับสวรรค์หอความลับสวรรค์อาศัยอยู่ที่ใด ที่นั่นก็คือหอความลับสวรรค์
ชายชราที่อยู่ริมทะเลสาบก็คือผู้เฒ่าความลับสวรรค์หอความลับสวรรค์
ไม่ว่ายามใดที่เขาหลับตาพักผ่อน ทุกคนในหานซานก็ต้องเงียบเสียงเป็นธรรมดา
ทันใดนั้นผู้เฒ่าความลับสวรรค์ก็ลืมตาขึ้น
ดวงตาทั้งสองโรยราเพราะกาลเวลาและเปี่ยมไปด้วยปัญญา ทว่าตอนนี้มีความตกใจแทรกเข้ามา เขาคือหัวหน้าของแปดมรสุม ระดับการบำเพ็ญเพียรเกินจะบรรยายได้ อย่างไรก็ตาม เขามีทักษะเฉพาะในการคำนวณ จะมีเรื่องใดในโลกที่หลุดรอดสายตาของเขาไปได้ แล้วอะไรที่จะทำให้เขาตกใจได้
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์หอความลับสวรรค์ยกมือขวาขึ้นและชี้ไปที่ไอน้ำซึ่งลอยขึ้นมาจากทะเลสาบสวรรค์
ไอพลังปราณที่อ่อนจางแต่เหนียวแน่นแผ่ออกมาจากปลายนิ้ว ละลายหมอกไอน้ำจนกลายเป็นความโกลาหลในทันที
ภายในหมอกที่ปั่นป่วนนั้น มีภาพที่เลือนรางอยู่มากมาย
เมื่อภาพพวกนั้นสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา ก็แยกออกเป็นเศษเสี้ยวจำนวนนับไม่ถ้วน
“เกิดอะไรขึ้น”
“เหตุใดเจ้าถึงจากเมืองเสวี่ยเหล่าเดินทางมาถึงหานซาน”
“เจ้าซ่อนจากสายตาข้าได้อย่างไร ชุดดำ…นั่นเจ้าใช่หรือไม่”
“เผ่ามารย่อมหวังจะหาทางทำลายการบรรจบกันของเหนือใต้ แต่ไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะมาด้วยตัวเอง มาที่นี่ยิ่งมีเหตุผลน้อยกว่า การทำเช่นนี้มีประโยชน์อันใด”
“พันปีก่อนเจ้าถูกโจวตู๋ฟูทำร้ายบาดเจ็บสาหัส จากนั้นเจ้าก็ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเสวี่ยเหล่ารักษาอาการบาดเจ็บ แม้แต่ในยามที่ชุดดำวางแผนที่จะล้อมสังหารซูหลี เจ้าก็ให้การช่วยเหลือผ่านท้องฟ้าราตรีเท่านั้น ไม่กล้าที่จะออกจากเมืองเสวี่ยเหล่าแม้แต่เพียงครึ่งก้าว หรือเป็นเพราะเจ้าเกรงว่าซูหลีจะพลันออกมาและทำให้เจ้าบาดเจ็บ แล้วเหตุใดวันนี้เจ้าจึงกล้าออกมาจากเมืองเสวี่ยเหล่า”
“มีเหตุผลสองอย่างเท่านั้นที่ทำให้เจ้าออกจากเมืองเสวี่ยเหล่า ประการแรกก็คือเจ้าหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว ประการที่สองคือเจ้ามาหาวิธีรักษาอาการบาดเจ็บที่ได้รับในอดีต”
“มีวิธีใดอยู่ในเขาหานซานแห่งนี้”
“นั่นใครกัน”
“เป็นเขาอย่างนั้นหรือ”
“เขามีของวิเศษใดอยู่กับตัว หรือว่าเจ้าต้องการจะสังหารเขา”
“ทำไมเทียนไห่ต้องการให้ข้าตรวจสอบเขา เจ้ากับเทียนไห่มีความสัมพันธ์กันอย่างไร”
“นี่มันอะไรกัน…แม้แต่ข้าก็ไม่อาจมองเห็นได้”
“เฉินฉางเซิง เจ้าเป็นคนเช่นใดกันแน่”
“หากเจ้าต้องการสังหารเฉินฉางเซิง ทำไมเจ้าไม่ลงมือตอนที่เขากำลังเดินทางแทนที่จะมายังหานซาน ข้าเข้าใจแล้ว เป็นเพราะเหมาชิวอวี่กับราชันย์แห่งหลิงไห่ร่วมเดินทางมากับเขาตลอดเวลา และมีโอกาสที่สังฆราชได้มอบของวิเศษของนิกายหลวงให้พวกเขานำติดตัวมาด้วย เจ้าเกรงว่าเจ้าอาจจะถูกพวกเขาทำให้เสียเวลา…เจ้าเกรงว่านี่จะเป็นแผนที่พวกเราเตรียมเอาไว้”
“หลังจากเหตุการณ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือพวกเรา สิ่งใดที่เห็นก็เป็นเหมือนกับแผนการ”
“ดังนั้นเจ้าจึงเลือกที่จะมายังหานซานและสังหารเฉินฉางเซิง ตราบใดที่เจ้าหลบเร้นจากข้าได้ ก็ไม่เป็นไรแล้ว”
“แต่กระนั้นเจ้าก็ไม่คาดคิดว่าหลิวชิงกับเสี่ยวเต๋อจะเผยตัวเจ้าได้เร็วนักและทำให้เจ้าเสียเวลาไปไม่น้อย”
“จากนั้น ตอนนี้ก็เป็นตาของข้าแล้วที่จะตัดสินใจ”
ความคิดมากมายปรากฏขึ้นในใจของผู้เฒ่าความลับสวรรค์หอความลับสวรรค์ ทำการคำนวณนับไม่ถ้วน ไอพลังปราณดั่งเส้นด้ายจำนวนนับไม่ถ้วนก่อเป็นภาพอยู่ในห้วงแห่งจิตของเขา
ในเวลาเดียวกัน นิ้วของเขาก็สั่นอยู่ในสายลม ฉีกเป็นเส้นทางนับไม่ถ้วนผ่านไอน้ำ
ไอพลังปราณที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อห่อหุ้มทั่วทะเลสาบสวรรค์
หินจำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นจากผืนหญ้า ลอยออกมาจากหน้าผา ลอยขึ้นมาจากทะเลสาบ และพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
น้ำในทะเลสาบสาดกระจาย หญ้าและโคลนร่วงหล่น ทะเลสาบปั่นป่วนเป็นอย่างมาก
จากยอดเขาหานซานจนถึงท้องฟ้าเบื้องบน มีก้อนหินลอยอยู่กลางอากาศจำนวนนับไม่ถ้วน
หินทุกก้อนเป็นจุดสีดำ ระหว่างจุดลากเป็นเส้นที่มองไม่เห็น เส้นที่มองไม่เห็นจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นตาข่าย
ตาข่ายขนาดยักษ์ที่เกิดจากก้อนหินกินพื้นที่กว่าห้าร้อยลี้รอบหานซาน
บัณฑิตวัยกลางคนอยู่ภายในนั้น
อย่างไรก็ตาม ความเป็นกังวลในดวงตาของผู้เฒ่าความลับสวรรค์ไม่ได้ลดลง แต่กลับลึกลงกว่าเดิม
แม้แต่ในตอนนี้ เขาก็ไม่อาจคำนวณได้ว่าบนตัวของเฉินฉางเซิงมีอะไรที่จะทำให้คนผู้นี้ออกมาจากเมืองเสวี่ยเหล่ามาจนถึงที่นี่ได้
…
…
เกล็ดหิมะร่วงลงสู่เส้นทางภูเขาอย่างช้าๆ เมฆอึมครึมปกคลุมยอดเขาจนดูเสมือนยามราตรี เสียงฉีกกระชากดังมาจากสถานที่ซึ่งไกลออกไปมาก
เฉินฉางเซิงไม่ทราบว่านั่นเป็นเสียงของหินสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในอากาศและเปลี่ยนเขาหานซานทั้งลูกให้กลายเป็นกรงขัง
จิตใจของเขาจับจ้องไปที่บัณฑิตวัยกลางคนที่อยู่อีกฝั่งของลำธาร
จากนั้น สายตาก็จับจ้องไปที่สายตาของบัณฑิตวัยกลางคน
เสมือนเสียงสายฟ้าระเบิดขึ้นกลางใจ ใบหน้าขาวซีดกว่าเดิมจนแทบไม่เหลือสีเลือด
หิมะกลบสีอื่นไปสิ้น แต่มีเพียงสีเลือดที่โดดเด่น
เขาพอจะเดาได้แล้วว่าบัณฑิตวัยกลางคนคือใคร ในตอนนี้เขาเข้าใจข้อความที่สายตาของบัณฑิตวัยกลางคนสื่อและรู้ว่าเหตุใดเขาถึงมาที่นี่
จุดจบที่เขาจะได้พบนั้นไม่ใช่ความตาย แต่จบลงอย่างน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตาย
เป็นจุดจบที่เขากลัวที่สุดนับตั้งแต่คืนนั้นในวันเก่าเมื่อหลายปีก่อน
…
…
เมฆหม่นมัวรวมตัวกันรอบภูเขา นำมาซึ่งความมืดมนอนธการ
เหมาชิวอวี่และราชันย์แห่งหลิงไห่สัมผัสถึงมันได้ในเวลาเดียวกัน พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองลึกเข้าไปในภูเขา สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นในทันที
“ปล่อยให้เรื่องไปถึงขั้นนี้เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้จริงๆ”
เหมาชิวอวี่ละสายตาและจ้องไปทางราชันย์แห่งหลิงไห่ สายตาของเขาแหลมคมอย่างยิ่ง แขนเสื้อทั้งสองสั่นกระพือแม้ว่าจะไม่มีลม มือก็คว้าจับบางอย่างภายในแขนเสื้อ
ราชันย์แห่งหลิงไห่มีสีหน้าน่าเกลียดผิดปกติ เขาส่งเสียงคำรามกล่าว “มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!”
ปรากฏการณ์ประหลาดบนหานซานไม่เกี่ยวข้องอะไรกับราชันย์แห่งหลิงไห่ เหมือนกับที่เฉินฉางเซิงและคนอื่นได้คาดเอาไว้ เพราะเขาเคยเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะได้เป็นว่าที่สังฆราช ราชันย์แห่งหลิงไห่และคนบางคนที่อยู่เบื้องหลังจึงได้จัดการให้เสี่ยวเต๋อมาสร้างปัญหาบนเส้นทางภูเขา แต่ทว่า เขาชักนำความมืดมิดมาได้อย่างไร