ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 63 มีปลาบนเขาหานซาน
รอยเท้านับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้นบนพื้นดินที่ถูกแผดเผาของสวนหมื่นหลิว
ร่างของกวนซิงเค่ออันตรธานหายไป บางทีออกไปจากเมืองเทียนหลิงแล้ว
จูลั่วมองไกลออกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
เขาไปที่หานซานจริงหรือ
หากเป็นในอดีต เขาคงต้องเร่งรุดไปยังเขาหานซานพร้อมกับกวนซิงเค่อเป็นแน่
เช่นเดียวกับยอดฝีมือคนอื่นในต้าลู่ที่เพิ่งได้รับการเรียกตัวจากผู้เฒ่าความลับสวรรค์
ทว่าตอนนี้ เขาแก่แล้ว บาดเจ็บอีกต่างหาก ไร้ความสามารถที่จะรุดไป
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความเสียใจกับเรื่องในเมืองสวินหยางปีก่อน
หากเขาไม่ไปเพื่อสังหารซูหลี วันนี้เขาก็คงมีโอกาสได้สังหารคนผู้นั้น
อ้า นี่เป็นสิ่งที่เขาควรทำอย่างแท้จริง!
แม้ว่าต้องตาย เขาก็ยังต้องทำ!
……
……
ร่างที่เร่งรุดมายังหานซานนั้นมีไม่มากนัก แต่ล้วนเป็นสุดยอดฝีมือของโลกมนุษย์
ริมแม่น้ำแดงซึ่งห่างไกล เมืองไป๋ตี้อันยิ่งใหญ่น่าเกรงขามยังคงสงบสุข ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นปกติ สิ่งที่แปลกก็คือมีเมฆขาวลอยอยู่เหนือกำแพงเมือง
ในวังหลวง แสงแดดฤดูร้อนสาดส่องลงบนแท่นกานลู่ แม้อยู่ใต้แสงตะวัน มุกราตรีก็ยังเปล่งแสงเจิดจ้าเหมือนเช่นเคย
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ยืนอยู่ในแสง ทอดสายตามองไกลออกไป สีหน้าของนางเรียบเฉยไม่อาจคาดเดาความคิดของนางได้
ในตำหนักที่เงียบสงบลึกเข้าไปในพระราชวังหลี ใต้เท้าสังฆราชจ้องมองดูใบไม้ครามตรงหน้าอย่างเงียบงัน ไม่อาจคาดเดาความคิดได้
ในทุ่งหิมะตอนเหนือของหานซาน แม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูร้อน สายลมก็ยังเย็นเยียบเสียดกระดูกและพายุหิมะก็ไม่เคยจบสิ้น
ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ในพายุหิมะ หากไม่เดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะล่วงรู้การมีอยู่ของเขาได้
เพราะว่าเขาสวมชุดสีขาวทั้งตัว นับจากเส้นผมจนถึงเสื้อผ้า ล้วนเป็นสีขาวอย่างที่สุด
……
……
ในหานซาน บัณฑิตวัยกลางคนจ้องมองหินสวรรค์ลอยที่อยู่บนท้องฟ้า เขานิ่งเงียบไม่สนทนากับผู้เฒ่าความลับสวรรค์บนยอดเขาอีกต่อไป
หรือว่านี่จะเป็นแผนที่เผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจวางเอาไว้
ก้อนหินลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างนุ่มนวล
ก้อนหินหลายสิบก้อนนำตะไคร่ เศษดิน น้ำ ลอยอยู่รอบกายเขา ก่อเป็นภาพที่แปลกประหลาด
……
บัณฑิตวัยกลางคนรู้ว่าผู้เฒ่าความลับสวรรค์ต้องการจะทำอะไร
เขาเชื่อว่านี่ไม่ใช่แผนของเผ่ามนุษย์ เพราะกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่ว่ากุนซือหรือตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเขาจะมายังหานซานในวันนี้
หลังจากพ่ายแพ้ในที่ราบกลางเมื่อหลายปีก่อน เขาก็กลับไปยังเมืองเสวี่ยเหล่าและไม่เผยตัวออกมาอีกเลยเป็นเวลานานหนึ่งพันปีแล้ว
ผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกับเขาต่างก็คุมชะตาของตัวเอง คำพูด การกระทำและความคิดล้วนสอดคล้องกับวิถีสวรรค์ทำให้ยากที่จะตกอยู่ในแผนการได้
เมืองไป๋ตี้นั้นอยู่ไกลเกินไป และเขาก็มั่นใจอย่างมากว่าเทียนไห่และสังฆราชต่างก็อยู่ในจิงตู
แต่หากเขาถูกค่ายกลหินสวรรค์กักอยู่ในเขาหานซานนานเกินไป สถานการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
เขาไม่เคยชอบความเปลี่ยนแปลง เพราะความเปลี่ยนแปลงมักจะนำมาซึ่งปัญหา
ในตอนนี้ก็ถึงคราวที่เขาต้องตัดสินใจแล้ว
เขาควรจะฉวยโอกาสตอนที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกินขึ้น ใช้พลังทั้งหมดทำลายค่ายกลและออกไปจากหานซาน กลับไปยังดินแดนของตน หรือว่าเขาควรจะชะลอเรื่องนั้นไปอีกพักหนึ่งและทำภารกิจให้สำเร็จเสร็จสิ้นก่อน
ผู้เฒ่าความลับสวรรค์ได้เลือกที่จะสละผู้บำเพ็ญตนเผ่ามนุษย์และยอดฝีมือเผ่าปีศาจบนเส้นทางภูเขาและริมลำธารเพื่อที่จะขังเขาเอาไว้บนเขาหานซาน เขารีบตัดสินใจโดยเร็วแต่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีความลังเลอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาแล้วไม่มีความจำเป็นต้องลังเลอีกต่อไป และไม่จำเป็นต้องเลือกอีกด้วย
เพราะในสายตาของเขา การจะทำภารกิจให้เสร็จนั้นไม่ต้องใช้เวลานานนัก
ในสายตาของเขา คนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็ไม่ต่างไปจากมดปลวกสักเท่าไรนัก ต่อให้ผู้เยาว์เหล่านี้เป็นผู้มีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรที่ทำให้ทั่วทั้งต้าลู่ต้องสั่นสะเทือนก็ตาม
เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับหินสวรรค์ที่ทำลายลมหิมะพวกนั้น และเบือนสายตากลับมายังเส้นทางภูเขา
เฉินฉางเซิงและผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นอยู่บนเส้นทางภูเขา
เขาสงบนิ่งอย่างมาก รอยยิ้มที่แทบมองไม่ออกปรากฏอยู่ที่มุมปาก
เมื่อสายตาของบัณฑิตวัยกลางคนจับจ้องมาอีกครั้ง ผู้คนบนเส้นทางภูเขาก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง
หลิวชิงที่อยู่บนหญ้าริมลำธารก็สิ้นหวังเช่นกัน
แม้แต่เจ๋อซิ่วกับถังซานสือลิ่วก็ทิ้งความหวังไปแล้ว
แต่เฉินฉางเซิงไม่ ครั้นมองกลับไปที่บัณฑิตวัยกลางคนซึ่งยิ้มอยู่เงียบๆ เขาก็พลันคิดถึงคนที่เขาไม่ควรจะคิดถึงในตอนนี้
หญิงวัยกลางคนที่นั่งดื่มน้ำชากับเขาในสวนร้อยหญ้า
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะทั้งสองต่างก็ไม่พูดหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าบัณฑิตวัยกลางคนกับหญิงวัยกลางคนนั้นดูคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง
แน่ทีเดียว เขารู้ดีว่านี่เป็นการเข้าใจผิดอย่างแน่นอน
เพราะเขารู้ว่าบัณฑิตวัยกลางคนเป็นใคร
รู้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่
ในคืนนั้นตอนที่เขาอายุสิบขวบ ศิษย์พี่ได้พัดให้เขาตลอดทั้งคืน หลังจากนั้นศิษย์พี่ก็บอกเขาว่ามีแต่ปราชญ์เท่านั้นที่จะต้านทานความโลภและความปรารถนาในเลือดเนื้อของเขาได้
ในปีต่อๆ มา เขาก็ใช้ความพยายามอย่างมากในการซ่อนความผิดปกติในร่างกายจนกระทั่งเข้าสวนโจว กลิ่นอายนั้นถึงได้ถูกมหาวิหคบรรพกาลและหนานเค่อสัมผัสได้
บัณฑิตวัยกลางคนก็คือบิดาของหนานเค่อ ดังนั้นเขาอาจจะรู้เรื่องนี้จากนาง
และเขาย่อมไม่ใช่ปราชญ์
เขาเป็นศัตรู
เฉินฉางเซิงรู้สึกว่าด้วยสายตาของบัณฑิตวัยกลางคน เขานั้นเปลือยเปล่านอนอยู่บนเขียง หน้าท้องถูกกรีดเปิดและทั่วร่างก็เปื้อนไปด้วยเลือด
เขาไม่กลัว แต่เขาหวาดกลัวความรู้สึกเช่นนี้อย่างแท้จริง
เขาไม่อยากจะเป็นปลารอให้คนมากิน
……