ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 113 ราชามารหนุ่ม ความจริงหลังม่านหมอก
นักสร้างค่ายกลหนุ่มพูดว่าใต้เท้าสังฆราชแต่ไม่มีความเคารพในน้ำเสียงแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นการเย้ยหยันเหน็บแนม
ไม่ว่าเขาเป็นศัตรูหรือมิตร การใช้น้ำเสียงเช่นนี้หมายความว่าตัวตนที่แท้จริงของนักสร้างค่ายกลหนุ่มนั้นค่อนข้างไม่ธรรมดา
ก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินฉางเซิงเตรียมที่จะจากไป เขาได้พยายามที่จะส่งคนผู้นี้เข้าสู่สวนโจวเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ สุดท้ายเขากลับถูกโจมตีโดยปราณแท้ที่แผ่วเบาอย่างมากซึ่งกระทบต่อแดนลี้ลับของเขาทำให้ย่างก้าวหยั่งเทวาสับสน ไม่เพียงแค่เขาจะล้มเหลวในการส่งนักสร้างค่ายกลหนุ่มเข้าสู่สวนโจว เขายังตกอยู่ในอันตรายอย่างมากและเกือบตายในมือหนานเค่อ
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นฝีมือของนักสร้างค่ายกลหนุ่ม
เฉินฉางเซิงมองไปที่กระบี่สั้นสีดำในมือของนักสร้างค่ายกลหนุ่มและรู้สึกเย็นเยียบอยู่บ้าง
กระบี่สั้นสีดำนี้น่าจะมีที่มาเดียวกันกับกระบี่ไร้ราคี ล้วนสร้างขึ้นจากหนวดของมังกรที่แท้จริง
กระบี่ไร้ราคีของเขาสร้างขึ้นจากหนวดของมังกรทองในขณะที่กระบี่สั้นสีดำนั้นน่าจะสร้างขึ้นมาจากหนวดของมังกรยักษ์น้ำค้างแข็ง
เขาแค่ไม่รู้ว่ามันถูกเก็บเกี่ยวมาตอนที่ราชามารบุกเข้าไปในสวนโจวหรือว่ามีที่มาซึ่งอาบเลือดกว่านั้น ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองความเป็นไปได้ก็ทำให้เลือดของเขาเย็นวาบขึ้นมา
เป็นความรู้สึกเดียวกับที่เขาได้จากบทสนทนาและการกระทำของพ่อลูกคู่นี้
ใช่ ราชามารเป็นพ่อของนักสร้างค่ายกลหนุ่มผู้นี้
จากตอนที่นักสร้างค่ายกลหนุ่มพูดคำว่า ‘พ่อ’ เฉินฉางเซิงก็รู้ว่าเขาเป็นใคร
หลังจากการกบฏในเมืองเสวี่ยเหล่าเมื่อสองปีก่อน บุตรชายทั้งหมดของราชามารถูกฆ่าไม่ก็ถูกขัง ยกเว้นเพียงคนเดียว
คนนั้นก็คือราชามารคนใหม่
เขายังเป็นนักสร้างค่ายกลหนุ่มผู้นี้อีกด้วย
ทั่วทั้งต้าลู่ มีแต่เขาที่กล้าแสดงท่าทีดูถูกเฉินฉางเซิงที่เป็นสังฆราชของมนุษย์เช่นนี้
เฉินฉางเซิงรู้ดีว่าเขาไม่อาจเปลี่ยนอะไรได้มากนักในคืนนี้ แต่เขาก็ยังต้องการจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้บางเรื่องชัดเจนขึ้น
หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เขาย่อมไม่สนใจ แต่มีศพของทั้งสองฝั่งอยู่ทั้งสองฟากของสะพานที่พัง
คนพวกนี้มาจากซงซาน เส้นทางภูเขาที่ยาวไกลปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แล้วพวกเขายังต้องยกแคร่หามอีกด้วย การเดินทางย่อมไม่ง่ายเลย
พวกเขามาถึงที่นี่ในที่สุด และนักสร้างค่ายกลหนุ่มก็บนแคร่หามก็ลืมตาขึ้น แต่คนพวกนั้นล้วนตายแล้ว
หากเขาคาดเดาเรื่องที่ผ่านมา ตอนที่นักสร้างค่ายกลนี้แสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บสาหัส มีคนมากมายได้ตายลงเพื่อช่วยเขาออกจากสนามรบ
หากโจวทงยังมีชีวิตอยู่หรือม่ออวี่เป็นคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงจะสามารถวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เฉินฉางเซิงที่สามารถท่องคัมภีร์สามพันมหามรรคย้อนหลังได้กลับไม่อาจมองทะลุเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงถามหาคำอธิบายแทนคนที่ตายไป แต่ก็เหมือนกับที่นักสร้างค่ายกลหนุ่มพูด ต่อให้เขาเข้าใจ เขาจะทำอะไรได้
เฉินฉางเซิงไม่สนเรื่องนี้ เขาถาม “ต่อให้เจ้ามีสายลับในศูนย์บัญชาการกองทัพซงซานที่ร่วมมือกับเจ้า แต่เจ้าสามารถหลอกลวงผู้คนมากมายได้อย่างไร”
“เพื่อให้แน่ใจว่ามีคนพบเจ้าและส่งข้ามาหาเจ้านั้นเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาอย่างมากจริงๆ มีการตายมากมายในศูนย์บัญชาการกองทัพซงซาน และกฎที่เจ้าตั้งไว้ก็ซับซ้อนเกินไป การวางแผนเช่นนี้ช่างยากเย็นจริงๆ ต่อให้ท่านกุนซือลงมือด้วยตัวเองมันก็ยังยากมากที่จะทำได้”
ราชามารหนุ่มยิ้ม “โชคยังดี ข้าไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้ มีคนที่ช่วยจัดการมันให้กับข้า”
เฉินฉางเซิงมองไปที่ตาเขาแล้วถาม “ใคร”
ราชามารหนุ่มตอบ “นอกจากตระกูลถังก็ยังมีคนอีกมากในราชสำนักที่ต้องการจะหาว่าใครเป็นเจ้าของยาจูซา”
สีหน้าของเฉินฉางเซิงเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา “เจ้าต้องการจะบอกอะไรกันแน่”
“ข้าไม่ได้พูดถึงพวกขยะเมื่อครู่ ข้าพูดถึงอาจารย์ของเจ้า ขนาดพ่อข้ากับน้องสาวที่หนีไปเมื่อสองปีก่อนสามารถรู้ได้ว่าเจ้าเป็นเจ้าของยาจูซา แล้วเขาจะไม่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ได้อย่างไร แต่เจ้าก็ซ่อนตัวดีเกินไป หากไม่ใช่เพราะเจ้าขาดประสบการณ์เกินไป หากเขาไม่เข้าใจเจ้าดีเกินไป ก็คงยากที่จะหาเจ้าพบ”
ราชามารหนุ่มเลิกคิ้ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและเห็นใจ “เจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง ข้าไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องการหลอกลวงคนในศูนย์บัญชาการกองทัพซงซานหรือหาวิธีหลอกตระกูลถัง มันไม่เคยเป็นแผนของข้า หากแต่เป็นแผนของอาจารย์เจ้าซางสิงโจว”
ไม่ว่าจะเป็นแผนของตระกูลถังหรือแผนของจูเยี่ย หนิงสือเว่ย ตระกูลเทียนไห่กับเซียงอ๋อง พวกมันก็ไม่อาจที่จะเทียบกับแผนของซางสิงโจวได้ ในฐานะผู้ที่ในจุดสูงสุดของราชวงศ์ต้าโจวอย่างไม่ต้องสงสัย เขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดมองเห็นได้ไกลที่สุด เขาสามารถรู้สถานการณ์ได้ครอบคลุมที่สุด ทำให้เขาสามารถจัดการมันได้ตามแต่ใจต้องการ
การจัดการนี้ก็เพื่อฆ่าคนผู้หนึ่ง
คนที่ซางสิงโจวต้องการจะฆ่าย่อมเป็นเฉินฉางเซิง
เทือกเขาหนาวเหน็บ สวนกลายเป็นซากปรักหักพัง เฉินฉางเซิงก้มหน้าอยู่ตามลำพัง
……
……
บนหน้าผาในเทือกเขาที่ห่างไกล ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังกุมลำคอของตนและถอยไปด้านหลังช้าๆ ใบหน้ามีสีหน้าตกใจและไม่อยากเชื่อ
ศพและเลือดที่แข็งตัวของคนตายกระจัดกระจายไปทั่วหน้าผา คนพวกนี้ล้วนถูกเขาฆ่าตาย และตอนนี้เขาก็ได้เป็นหนึ่งในคนพวกนี้ แม้ว่าเลือดจะยังไหลออกมาตามซอกนิ้ว แต่ความแตกต่างระหว่างเขากับคนอื่นก็ไม่มากนัก
อดีตมุขนายกตำหนักอิงหัวเดินมาที่ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถัง ความระมัดระวัง กังวลและหวาดกลัวได้เปลี่ยนเป็นความเรียบเฉยมานานแล้ว
“เจตนาของประมุขรองนั้นเรียบง่ายมาก ท่านก็รู้ว่าการฆ่าสังฆราชนั้นย่อมเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นบาปมหันต์ด้วยเช่นกัน แม้แต่ตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ยก็ไม่อาจแบกรับบาปนี้ได้ ดังนั้นท่านจึงฆ่าคนพวกนี้ ปัญหาก็คือท่านวางแผนนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นท่านคิดจริงๆ หรือว่าจะสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติต่อไปได้ ด้วยความตายของท่าน ไม่มีใครจะเชื่อมโยงความตายของสังฆราชกับเมืองเวิ่นสุ่ยได้ ในทางกลับกัน ตระกูลถังของเราจะใช้เรื่องนี้สร้างความลำบากให้กับตระกูลจูกับตระกูลเทียนไห่ บางทีอีกไม่กี่ปี พรรคไร้รักในเมืองฮั่นชิวคงต้องเปลี่ยนชื่อแล้ว”
ชุดนักบวชพลิ้วไหวเล็กน้อยในสายลมหนาว เหมือนกับเส้นผมขาวและน้ำเสียงเรียบเฉย ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังตายไปแล้วจึงย่อมไม่อาจพูดได้ แต่เขาก็ยังอธิบายอย่างจริงใจ มันเหมือนราวกับว่าหลังจากผ่นคืนนี้ไปเขาก็ไม่มีโอกาสพูดอีกแล้ว ดังนั้นจึงฉวยโอกาสนี้พูดให้มากเข้าไว้
“นี่จึงเรียกว่าตายอย่างคุ้มค่าจริงๆ ตายอย่างมีประโยชน์ ไม่เช่นนั้นท่านก็เป็นแค่ขยะ” อดีตมุขนายกมองไปที่บาดแผลน่ากลัวบนลำคอของประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังและกล่าวอย่างเรียบเฉย “ท่านคงไม่คิดเช่นกันว่า หากไม่ใช่ประมุขรองเป็นคนให้ท่านได้รู้ ท่านจะสามารถพบองค์สังฆราชได้อย่างไร”
หลังจากกล่าวแล้ว เขาก็มองไปยังสวนด้านล่าง เนื่องจากอยู่ไกลมาก เขาจึงไม่อาจเห็นได้อย่างชัดเจนกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาสามารถมองเห็นอนาคตได้แล้ว ทุกคนที่ปรากฏตัวคืนนี้ได้ตายลง ไม่มีใครจะได้รู้ความจริงว่าใครที่เป็นสาเหตุให้สังฆราชเฉินฉางเซิงสิ้นพระชนม์
……
……
“เจ้าโกหก”
เฉินฉางเซิงพลันเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับราชามารหนุ่ม “เจ้าไม่อาจร่วมมือกับเขา แต่เป็นคนอื่น”
ราชามารหนุ่มรู้สึกประหลาดใจที่เขาสามารถหาบทสรุปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ “ทำไม เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าอาจารย์เจ้าเป็นคนดีมีคุณธรรม”
เฉินฉางเซิงอธิบาย “แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนดีมีคุณธรรม ข้าไม่ชอบวิธีที่เขาใช้จัดการเรื่องต่างๆ อย่างมาก แต่ข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น ตอนนั้นเพื่อที่จะกำจัดจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ เขาได้ทำความเข้าใจกันโดยไม่เจรจากับชุดดำ แต่เขาไม่มีทางยืมมือเผ่ามาร อย่าว่าแต่ร่วมมือกับราชามาร”
ราชามารหนุ่มถามด้วยความสนใจ “ทำไม”