ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 114 เรื่องง่ายๆ
เริ่มเมื่อหลายร้อยปีก่อน กุนซือชุดดำได้เริ่มวางสายลับไว้ในโลกมนุษย์แดนใต้ แม้ว่าแผนนี้โดยผิวเผินจะดูเหมือนว่าไม่เป็นไปอย่างราบรื่นนัก ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วมีคนมากมายแค่ไหนที่ได้แสดงความภักดีต่อเผ่ามาร เรื่องราวในสวนโจวได้ทำลายความมั่นใจนี้ไปนานแล้ว
ชุดดำเป็นคนที่ราชามารหนุ่มให้ความเคารพและศึกษาเสมอมา สำหรับชุดดำ มนุษย์คนไหนก็สามารถติดสินบนได้ ตราบใดที่พวกเขามีประโยชน์ต่อการใหญ่ของเผ่ามาร ต่อให้เป็นศัตรูฆ่าพ่อ ความแค้นนี้ก็สามารถเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มได้ หากเป็นเป้าหมายที่สำคัญมาก เขาก็ถึงกับยอมที่จะจ่ายจำนวนมาก
ซางสินโจวเป็นคนที่สำคัญที่สุดในโลกมนุษย์ ว่าตามเหตุผล เป็นไปไม่ได้ที่จะติดสินบนคนเช่นนี้ เพราะเผ่ามารไม่อาจที่จะมอบประโยชน์อะไรให้ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับเผ่ามารยังมีโอกาสอยู่ เพราะเห็นได้ชัดว่ามีปัญหาระหว่างซางสิงโจวกับเฉินฉางเซิงที่เอามาใช้ประโยชน์ได้
เมื่อมีโอกาสก็ย่อมมีความเป็นไปได้ ดังนั้นทำไมเฉินฉางเซิงถึงได้มั่นใจนักว่าราชามารหนุ่มโกหก
“แม้ว่าเขาจะมีเกียรติยศและอำนาจสูงส่งในโลกมนุษย์ ก็ชัดเจนว่าเขาเป็นกังวลเรื่องเจ้าตลอดมา นี่ไม่ใช่สิ่งล่อใจหรอกหรือ อำนาจหรือผลประโยชน์ ข้าไม่อาจมอบให้กับเขาได้ แต่ข้าสามารถให้สัญญาที่จะแบ่งแยกเหนือใต้ ทำให้โลกสงบสุข หรือว่าเขาจะไม่อยากเห็นอนาคตที่สวยงาม”
ราชามารหนุ่มไม่พยายามที่จะโน้มน้าวเฉินฉางเซิง แต่พยายามที่จะทำความเข้าใจซางสิงโจวให้มาก เข้าใจศิษย์อาจารย์คู่นี้ให้มากขึ้นผ่านคำตอบ
เฉินฉางเซิงตอบ “เขาจะไม่ยอมรับเงื่อนไขของเจ้า เพราะเขาไม่ต้องการ และเขาก็ไม่เชื่อว่าเจ้าจะต้องการแบบนั้นเช่นกัน”
ใบหน้าของราชามารเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อตอนที่ถาม “ทำไมเขาถึงไม่ต้องการ”
เฉินฉางเซิงตอบ “เต๋ามีสามพันอย่าง แต่เขาบำเพ็ญเต๋าแห่งการทำตามใจตน ข้าเข้าใจดีว่าเขาต้องการจะทำอะไร ดังนั้นเขาย่อมไม่ร่วมมือกับเจ้า”
ราชามารหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วถาม “แล้วเขาต้องการจะทำอะไร”
เฉินฉางเซิงชี้ไปที่เขาและพ่อของเขาแล้วตอบ “เขาต้องการจะฆ่าพวกเจ้าและรวมโลกให้เป็นหนึ่ง”
ราชามารหนุ่มเงียบไปเป็นเวลานาน จากนั้นก็ยิ้ม “ช่างทะเยอทะยานยิ่งนัก”
รอยยิ้มของเขาไม่เหมือนกับยิ้มของอดีตราชามาร ไม่ได้ให้ความรู้สึกหยิ่งทะนงอย่างมาก แต่กลับเป็นความรู้สึกเขินอายแต่ก็เย็นเยียบ
“ข้าไม่อาจหรอกเจ้าได้จริงๆ พันธมิตรของเข้าไม่ใช่ซางสิงโจวจริงๆ”
ราชามารหนุ่มหัวเราะและเสริม “แต่เขาต้องการจะฆ่าเจ้าจริงๆ และนี่ก็เป็นกับดักของเขาจริงๆ จากกองทัพถึงศูนย์บัญชาการกองทัพซงซาน จากราชสำนักถึงเวิ่นสุ่ย มีคนโง่มากมาย ไม่ว่าจะอาสามาเองหรือได้รับคำสั่ง พวกเขาทำงานร่วมมือกับเขา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าแผนที่แท้จริงคืออะไร”
คนโง่ที่เขาพูดถึงย่อมหมายถึงจูเยี่ย หนิงสือเว่ยและเทียนไห่จังอีที่ตายไปแล้ว ยังหมายถึงนายทหารระดับสูงในกองทัพ รวมไปถึงอ๋องที่ทรงอำนาจในราชสำนัก แน่นอน ยังรวมถึงรองแม่ทัพของศูนย์บัญชาการกองทัพซงซานที่รักทหารเหมือนลูก อันหวาและผู้ที่มีใจเมตตาอื่นๆ
“บางคนจำเป็นต้องหาเจ้าของยาจูซา บางคนจำเป็นต้องส่งนักสร้างค่ายกลหนุ่มไปยังศูนย์บัญชาการกองทัพซงซาน บางคนมีหน้าที่ใส่ชื่อของนักสร้างค่ายกลหนุ่มไว้ในรายชื่อ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่านักสร้างค่ายกลหนุ่มนั้นแท้จริงแล้วเป็นตัวประหลาดน้อยจากพรรคฉางเซิงฉูซูที่ได้รับคำสั่งจากซางสิงโจวกับประมุขรองตระกูลถังให้มาที่นี่เพื่อฆ่าเจ้า”
รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าราชามารน้อย เมื่อเขาพูดต่อไปอย่างใจเย็น “และทั้งหมดที่ข้าต้องทำก็คือหาทางมาแทนที่เจ้าตัวประหลาดน้อยนั่นกลางทาง”
นี่คือความจริงทั้งหมด แต่ยังมีเรื่องที่ซ่อนอยู่หลังม่านหมอก เมื่อตัวประหลาดน้อยจากพรรคฉางเซิงที่เรียกว่าฉูซูถูกซางสิงโจวกับตระกูลถังส่งมาเพื่อฆ่าเฉินฉางเซิง เขาก็ต้องแข็งแกร่งมากจนถึงขั้นน่ากลัว แต่กลับถูกแทนที่อย่างเงียบเชียบ…ต่อให้เป็นราชามาร การทำเรื่องเช่นนี้ได้ก็ยังน่าเหลือเชื่อเกินไป
เฉินฉางเซิงรู้ว่าเมื่อเขาพูดถึงตัวประหลาดน้อยฉูซูจากพรรคฉางเซิง และเรื่องการสับเปลี่ยนตัว ทั้งราชามารและหนานเค่อไม่ได้แสดงสีหน้าอันใด ราวกับว่าในสายตาของพวกเขา มันเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมาก ไม่มีอะไรยุ่งยากแต่อย่างใด แต่ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เขาคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง แต่เขาก็รู้สึกว่ามันเหลวไหลเกินไปที่จะคิดต่อไป…ดังนั้นเขาจึงถาม
“คนผู้นั้นเป็นใคร”
เป็นเรื่องของเฉินฉางเซิงที่จะถาม และก็เป็นเรื่องของราชามารหนุ่มที่จะไม่ตอบ
เขาถามเฉินฉางเซิงกลับ “ซางสิงโจวต้องการจะฆ่าเจ้า เจ้าไม่เศร้าบ้างหรือ”
เฉินฉางเซิงส่ายหน้า “อาจารย์คิดจะฆ่าข้ามาตั้งหลายครั้งแล้ว ข้าชินแล้วล่ะ”
ราชามารหนุ่มถอนหายใจ “ข้าไม่คิดว่าสังฆราชในรุ่นนี้จะเป็นศิษย์กตัญญูอย่างมืดบอดเช่นนี้”
เฉินฉางเซิงไม่ได้อธิบายอันใด ได้แต่ถามตนเองในใจ แม้ว่ามันจะเข้าใจได้ว่าทำไมอาจารย์ถึงต้องการจะใช้เรื่องนี้มาฆ่าเขา แต่ทำไมราชามารหนุ่มถึงต้องเสี่ยงมาด้วยตัวเองเล่า
ไม่ว่าเทือกเขานี้จะอยู่ใกล้กับทุ่งหิมะของเผ่ามารเพียงใด มันก็ยังเป็นดินแดนของมนุษย์ ย่อมเป็นการเสี่ยงที่ราชามารจะมาปรากฏตัวที่นี่ ยกตัวอย่างเช่นบิดาเขาที่แข็งแกร่งกว่าบุตรชายหลายท่ายังไม่เคยออกจากเมืองเสวี่ยเหล่าและครั้งเดียวที่เสียงมายังหานซานก็แทบจะไม่ได้กลับไป
ราชาของเผ่ามารมีฐานะใกล้เคียงกับสังฆราชของมนุษย์ การเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อเฉินฉางเซิงนั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย
นี่หมายความว่านับตั้งแต่แรก ราชามารหนุ่มไม่ได้มีเป้าหมายที่เฉินฉางเซิง หรือไม่ใช่แค่เฉินฉางเซิง
เฉินฉางเซิงมองไปยังที่ซึ่งไม่ห่างไปนัก
ราชามารที่เคยปกครองตอนเหนือของต้าลู่มานานนับพันปีในตอนนี้ได้อาบไปด้วยเลือด ทั่วร่างมีแต่ของเหลวสีทอง เหมือนกับรูปเคารพที่ถูกบูชาโดยลัทธิบางอย่าง
หนานเค่อคุกเขาอยู่ข้างกายเขาเงียบๆ คิดอะไรอยู่ไม่ทราบ
ราชามารเริ่มหายใจยาว เหมือนกับว่าเขากำลังจะหลับได้ทุกขณะ หากไม่ใช่เพราะดวงตาของเขายังมองดูท้องฟ้าพร่างดาวอยู่ แน่นอนว่านี่ยังหายถึงว่าความถี่ในการหายใจของเขาลดลงอาจจะหยุดลงได้ทุกเมื่อ ในตอนนี้ บางทีเขาอาจจะตายทั้งที่ยังลืมตาอยู่
ราชามารหนุ่มกล่าว “หากเป็นแค่การฆ่าเจ้า ตัวประหลาดน้อยฉูซูจากพรรคฉางเซิงลอบโจมตีจากแคร่หามอาจจะทำได้สำเร็จ แต่ข้าย่อมมีเหตุผลที่สำคัญกว่าที่จะยอมเสี่ยงลงใต้มานอกจากฆ่าองค์สังฆราช”
“ซางสิงโจวกับตระกูลถังไม่รู้ว่าพ่อข้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ข้ารู้”
เขามองไปที่เฉินฉางเซิงและกล่าว “ข้ายังรู้ว่าเมื่อพ่อข้ายังมีชีวิตอยู่ เขาย่อมมาเพื่อหาเจ้า”
เฉินฉางเซิงพยักหน้า “ตระกูลถังพบเบาะแสในยาจูซาย่อมชี้ทางให้กับบิดาเจ้า”
ราชามารหนุ่มยอมรับ “ใช่ และเมื่อเขามา ข้าย่อมต้องรอเขาอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน”
หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็เดินและย่อกายลงข้างราชามาร ลูบใบหน้าแก่ชรานั้น
“นับจากนาทีที่ข้าได้รู้แผนของซางสิงโจว ข้าก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่สุด บางทีอาจเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ฆ่าท่าน”
“แน่นอนว่าข้าย่อมกลัวท่านและข้าย่อมไม่ต้องการที่จะพบท่าน แต่ข้าจำเป็นต้องฆ่าท่าน ไม่ว่ามนุษย์ในแดนใต้หรือกุนซือก็ไม่อาจทำได้ ข้าต้องทำด้วยตัวเอง”
“ท่านเห็นแล้วใช่ไหม เรื่องทั้งหมดล้วนเรียบง่าย”