ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 116 ความมืดดำอีกอย่าง
ราชามารหนุ่มไม่พูดอะไรอีก เขาก้มตัวลงและสัมผัสหน้าผากของราชามารเบาๆ ในขณะที่ท่องอะไรบางอย่างเบาๆ
เขาไม่ได้พูดภาษามารธรรมดาทั่วไป คำพูดแฝงไว้ด้วยความเศร้าตามธรรมชาติ เสียงเหมือนกับคนกำลังสวดภาวนาหรืออวยพร
บิดาของเขากำลังจะตาย
ความสว่างในดวงตาของราชามารได้เปลี่ยนเป็นหม่นมัว เหมือนกับดวงดาวในแดนเหนือ
อีกด้านหนึ่ง หนานเค่อกุมมือของเขาเอาไว้ แต่เขาไม่สนใจ
เขาแต่มองไปทางราชามารหนุ่มอย่างใจเย็น ตบหลังมือเบาๆ จากนั้นก็หลับตาลงช้าๆ
เมื่อเขาหลับตาลง ลมหายใจก็กลายเป็นยาวนานอย่างมากจนไม่มีช่องว่าง จากนั้นก็หยุดไป
แสงดาวสีน้ำเงินเข้มรอบบาดแผลบนท้องของเขากระจายออกไปทุกทิศทาง เปลี่ยนร่างมารของเขาให้กลายเป็นน้ำแข็ง
ลมเย็นเยียบไม่ส่งเสียงหวีดหวิวอีก แสงดาวดูเหมือนจะถอยห่างออกไป ความมืดก็หนาหนักกว่าเดิม ทั้งหมดล้วนเงียบงัน แม้แต่กาลอวกาศก็ยังถูกแช่แข็งไว้
ราชามารตายแล้ว
ยุคแห่งตำนานได้มาถึงจุดจบแล้ว
พันปีก่อนช่วงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ได้เริ่มขึ้นและดำเนินมาจนถึงจุดจบแล้ว
สำหรับเผ่ามนุษย์ ช่วงประวัติศาสตร์นี้ได้มาถึงจุดตบตั้งแต่ตอนที่ฮั่นชิงไปจากศาลาในสุสานเทียนซูและหอหลิงเยียนพังทลาย
สำหรับเผ่ามารและต้าลู่ คืนนี้จึงเป็นจุดจบที่แท้จริง
หลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ราชามารหนุ่มก็เช็ดน้ำตาและห้ามความโศกเศร้าแล้วยืนขึ้น
เมื่อเขายืนขึ้น ความมืดมิดบนท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะไหลลงมาที่ร่างกายของเขา ทำให้เขาดูใหญ่โตและแข็งแกร่งหาใดเปรียบ
มรดกทั้งหมดจากคนนับรุ่นไม่ถ้วนได้ถ่ายทอดมาถึงเขาในที่สุด
นับจากนี้ไป เขาจะเป็นผู้ปกครองแดนเหนือของต้าลู่ เป็นนายของเผ่ามาร ไม่จำเป็นต้องมีคำว่า ‘หนุ่ม’ หรือ ‘ใหม่’ มาบ่งบอกอีกต่อไป
เขาคือราชามาร
เขามองไปที่เฉินฉางเซิง
“คนยิ่งใหญ่อย่างเสด็จพ่อไม่ควรจากโลกไปอย่างโดดเดี่ยวและธรรมดา โชคยังดีเขามีสังฆราชของมนุษย์อย่างเจ้าร่วมกลบฝังไปกับเจ้า ข้าคงต้องรบกวนแล้ว เจ้าตายได้แล้ว แน่นอน เจ้าต้องทิ้งของต่างๆ ของเจ้าเอาไว้”
เฉินฉางเซิงถาม “เจ้าหมายถึงอะไร”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง ราชามารก็ตอบ “สวนโจว แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ แม้ว่าข้าจะเสียบิดาไปในคืนนี้ ค่าตอบแทนที่ข้าจะได้รับก็นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินฉางเซิงก็ยืนยันแล้วว่าราชามารรู้ว่าความมั่นใจของเขามาจากไหนแล้วจริงๆ ดังนั้นความมั่นใจของราชามารมาจากไหนกัน
“อย่าได้พยายามเข้าไปในสวนโจว” ราชามารมองไปที่ดวงตาของเขาและกล่าว “แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ยอดฝีมือแบบพระบิดาที่สามารถตัดความเชื่อมโยงของเจ้ากับมิติ ข้าก็ยืนยันกับเจ้าได้ว่าเมื่อเจ้าพยายามผ่านมิติ ข้ามีวิธีนับไม่ถ้วนที่จะทำให้เจ้าล้มเหลวได้”
เฉินฉางเซิงคิดดูแล้วก็ถาม “ชุดดำ?”
ราชามารรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างและกล่าว “เมื่อเจ้าสามารถคิดได้เร็วขนาดนี้ก็หมายความว่าหัวของเจ้ายังเป็นปกติดี”
หลังจากเหตุร้ายในสวนโจว พระราชวังหลีกับหลีซานได้ทำการวิเคราะห์อย่างกว้างขวาง และยืนยันว่าชุดดำได้มีความเข้าใจในสวนโจวอย่างล้ำลึก มีวิธีบางอย่างที่จะส่งผลกระทบต่อกฎของสวนโจว ในตอนนั้น ศูนย์กลางจิตวิญญาณที่หนานเค่อใช้ควบคุมฝูงสัตว์อสูรถูกทำลายไปและแผ่นเหล็กของชุดดำก็ถูกกระบี่บังฟ้าตัดขาด แต่ใครจะยืนยันได้ว่าชุดดำจะไม่มีวิธีการอื่นอีก
เฉินฉางเซิงได้รับบาดเจ็บสาหัสในมือของราชามารคนก่อน มังกรดำน้อยถูกขว้างไปไกล ใบไม้ครามไม่อยู่ที่นี่ เขายังไม่ได้ทำความเข้าใจแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์อย่างเต็มที่ และไม่กล้าที่จะเข้าสวนโจว ทุกคนย่อมคิดว่าการจะหนีไปได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญสำหรับเฉินฉางเซิง แต่เขาเองไม่คิดเช่นนั้น
“หากข้าต้องการจะไปในตอนนี้ ก็เป็นเรื่องง่ายมาก” เฉินฉางเซิงกล่าวกับราชามาร
ราชามารดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อยตอนที่เขาถาม “เช่นนั้นหรือ”
เฉินฉางเซิงอธิบาย “หากข้าฆ่าเจ้าก็ไม่เป็นไรแล้ว”
เขาสุขุมมากในยามที่เขากล่าว
ราชามารเลิกคิ้วเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์พูดเช่นนี้หรือ”
“ทำไมข้าจะไม่มีสิทธิ์”
เฉินฉางเซิงกล่าวต่อ “เจ้าแก่กว่าข้า แต่แก่กว่าไม่มากนัก เจ้ามีทักษะในการอดทนรอ แต่ไม่ได้หมายความว่าพรสวรรค์ที่แท้จริงของเจ้าสูงกว่าข้า เจ้าเป็นราชามารข้าเป็นสังฆราช ข้ามีสมบัติและลูกไม้จำนวนหนึ่ง เจ้าเองก็เช่นกัน จากทุกแง่มุม ข้าไม่ด้อยไปกว่าเจ้า แล้วทำไมจึงไม่อาจสู้กับเจ้าได้”
ระดับความแข็งแกร่ง พรสวรรค์ในการบำเพ็ญตน โชควาสนา สถานะและอำนาจ…ราชามารหนุ่มย่อมเป็นหนึ่งในอันดับสูงสุดของโลก
แต่มีสองคนในต้าลู่ที่สามารถเทียบกับราชามารหนุ่มได้ในทุกแง่มุม
เฉินฉางเซิงกับสวีโหย่วหรง
ราชามารหนุ่มจ้องมองไปที่เขาเงียบๆ จากนั้นก็พลันยิ้ม “มีเหตุผลจริงๆ แต่มันดูเหมือนว่าคืนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บหนัก”
“ใช่ แต่ทำไมเจ้าถึงพูดกับข้ามากมายนัก”
เฉินฉางเซิงกล่าวต่อ “นี่หมายความว่าเจ้าไม่มั่นใจว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้ และนี่ทำให้ข้ามั่นใจอย่างมาก มั่นใจว่าจะฆ่าเจ้าได้”
หลังจากกล่าวแล้ว เขาก็ยื่นมือออกไปในความมืด
ลูกปัดหินหลายเม็ด แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ ลอยกลับมาในความมืดและกลับสู่ข้อมือของเขา
กระดูกของเขาหลายท่อนได้หักไปแล้ว แต่แขนซ้ายก็ยังอยู่ดี ก่อนหน้านี้บนท้องฟ้าราตรี เป็นมือซ้ายที่เขาตั้งใจจะใช้กระบี่
ในตอนนี้ มือซ้ายของเขายังกำกระบี่ไว้แน่นและมั่นคง
กระบี่หลายพันเล่มบินกลับมาจากพื้นทะเลสาบ จากนั้นก็กระจายตัวและลอยอยู่เงียบๆ รอบกายเขา มั่นคงอย่างมากเช่นกัน
ราชามารสัมผัสได้ถึงเจตจำนงกระบี่ที่น่าเกรงขามบนท้องฟ้าราตรีและหรี่ตาเล็กน้อย “บอกข้าหน่อย หากซูหลีใช้กระบี่พวกนี้จะเป็นอย่างไร”
คำถามนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสถานการณ์ปัจจุบัน ดูออกจะไร้สาระและกะทันหันไปบ้าง
มันเหมือนกับการโจมตีของราชามาร
อาวุธของราชามารไม่ใช่สากหินที่เรียกว่าดวงดาวพิฆาต แต่เป็นหวีเขาแพะ
หากพูดให้ถูกต้อง มันคือของวิเศษทรงพลังที่ดูคล้ายกับหวีเขาแพะ
มันเรียกว่าเขามารฟ้า
เขามารฟ้าบรรจุไว้ด้วยปราณสีดำเข้มข้น พุ่งเข้าหาเฉินฉางเซิง
ความดำมืดปกคลุมทั่วหุบเขาหิมะ บดบังท้องฟ้าพร่างดาว มันดูเหมือนกับความมืดมิดจริงๆ แต่ก็เหมือนกับเหวไร้ก้น ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
เห็นภาพนี้ เฉินฉางเซิงก็คิดถึงความมืดที่เขาเคยเห็นเหนือทุ่งหิมะหลังจากออกจากสวนโจว สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ราชามารหนุ่มได้อดทนรอมาเป็นเวลาหลายปี ปกปิดพรสวรรค์และความสามารถเอาไว้ใต้รูกลักษณ์เสเพลไม่เอาไหน คืนนี้ เขาก็ได้แสดงความแหลมคมออกมาในที่สุด
หลังจากได้รับมรดกอย่างสมบูรณ์ การบำเพ็ญตนของเขาก็กลายเป็นแข็งแกร่งเหนือจินตนาการ!
ในคนรุ่นเยาว์ของเผ่ามาร ยากที่จะหาคนที่แข็งแกร่งคล้ายคลึงกัน
ไมว่าจะเป็นเขาหรือสวีโหย่วหรง ก็เห็นได้ชัดว่าด้อยกว่าหนึ่งขั้น ต่อให้ชิวซานจวินอยู่ที่นี่ เขาก็คงไม่อาจเอาชนะได้
บางทีอาจพวกอันดับสูงบนประกาศเซียวเหยาอย่างเซียวจางหรือเหลียงหวังซุนจึงสามารถที่จะสู้ได้
เขากำลังบาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่งของกระบี่เขาเหลือแค่หนึ่งในสิบของจุดสูงสุด เขาย่อมต้องพึ่งพาของวิเศษภายนอกเท่านั้นในการต่อสู้ ดังนั้นเขาย่อมด้อยกว่าคู่ต่อสู้
แต่เขาก็ไม่ได้โกหกเช่นกัน เขาต้องการที่จะลองฆ่าราชามารจริงๆ
เพราะว่าเขายังมีวิธีอื่น มีผู้ช่วยอื่นอีก