ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 128 โลกไร้สิ้นสุดดังนั้นอย่าหยุดไม่ว่าวันหรือคืน
องครักษ์วิ่งตรงเข้าหาหนานเค่อ ดังนั้นต้องมีการหัวแตกเลือดไหล เนื้อตุ๋นหกกระจาย แต่กลับไม่ได้เกิดขึ้น
หนานเค่อยังยืนอยู่จุดเดิมที่เคยอยู่ ชามเนื้อตุ๋นยังอยู่ในมือนางอย่างมั่นคง ในขณะที่องครักษ์ได้ผ่านจุดที่นางอยู่มาแล้ว
น่าประหลาดมาก องครักษ์ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและนวดขมับด้วยความสับสน
นัยน์ตาหลัวปู้หดตัวลงเมื่อเขาสามารถอย่างชัดเจนกว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่องครักษ์จะชนหนานเค่อ หนานเค่อก็ถอยไปสองก้าว หลังจากองครักษ์ผ่านไป นางก็ก้าวกลับมายืนที่จุดเดิม ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ ราวกับนางเป็นภูตพราย ราวกับนางไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
แม้แต่แม่ทัพใหญ่ที่ขุดไถทุ่งนานอกเมืองไป๋ตี๋อย่างจินอวี้ลวี่ก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายฟ้าและใช้กระบวนท่าที่แปลกประหลาดเช่นนี้ได้
ด้วยประสบการณ์มากมายของเขาก็ยังรู้จักผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นในโลกนี้ที่มีความเร็วเช่นนี้ และนางย่อมไม่ใช่เด็กสาวผู้นี้
หลัวปู้มองไปทางหนานเค่ออย่างสุขุมจากนั้นก็หันไปหาองครักษ์และถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“ถอย…ถอย…เผ่ามารถอยไปแล้ว!”
องครักษ์หอบหายใจขณะที่พูด สีหน้าผสมปนเปไปด้วยความยินดีและสับสน
ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ตาม เผ่ามารถอยไปย่อมเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องน่ายินดีจนถึงกับน่าเฉลิมฉลอง แต่…ทำไมถึงกะทันหันนัก
เช่นเดียวกับองครักษ์และทหารส่วนใหญ่ในคอกม้าผาชัน ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนในศูนย์บัญชาการกองทัพซงซาน ในศูนย์บัญชาการกองทัพเฮยซาน ด่านหลานกวนและด่านยงเสวี่ย แม้แต่จิงตูที่ห่างไกลต่างก็ตกใจและดีใจกับข่าวกะทันหันนี้ จากนั้นก็รู้สึกว่ามันประหลาดไปหน่อย
สองปีก่อนตอนที่สงครามเริ่ม การยึดอำนาจที่สุสานเทียนซูและเหตุปั่นป่วนที่เกิดขึ้นตามมาในราชสำนัก ทำให้ราชวงศ์ต้าโจวยังเตรียมตัวไม่พร้อมปล่อยให้เผ่ามารเป็นฝ่ายได้เปรียบ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เขาสู่สภาพยันกัน มนุษยชาติถึงกับได้เปรียบบ้างเล็กน้อย กองทัพเผ่ามารรวมถึงทัพหมาป่าเสียหายอย่างหนักบนทุ่งหิมะ และยังไม่ได้รับผลประโยชน์จากสงครามนี้ ในสภาพการณ์นี้เผ่ามารจะถอยก่อนได้อย่างไร
ราชามารคิดอะไรอยู่กันแน่ แล้วกุนซือชุดดำที่มีชื่อเสียงเรื่องเจ้าแผนการเล่า พวกเขาก่อสงครามนี้มาสองปีเพื่อสร้างความวุ่นวายเล่นหรืออย่างไร หรืออยากแสดงอำนาจของผู้ปกครองใหม่เพื่อทำให้ตำแหน่งในเมืองเสวี่ยเหล่ามั่นคงขึ้น
หลัวปู้รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ เขาเพิ่งได้ยินข่าวว่าขุนพลเทพหนิงสือเว่ยแห่งศูนย์บัญชาการกองทัพซงซานตายไป และไม่รู้รายละเอียดอื่นใดอีก
มีแต่เฉินฉางเซิงที่รู้ว่าทำไมเผ่ามารถึงได้ถอยไป
เมื่อสองปีกว่าที่ผ่านมา เกิดการยึดอำนาจในสุสานเทียนซูใกล้จิงตู ในขณะเดียวกันก็เกิดการกบฏในเมืองเสวี่ยเหล่า
กองทัพเผ่ามารก็บุกลงใต้อย่างกะทันหัน แต่มันไม่ได้ยึดดินแดนและความมั่งคั่งของมนุษย์ มันเป็นการตามล่าหาราชามาร ในเวลาเดียวกันก็ปกปิดเจตนาที่แท้จริงของเมืองเสวี่ยเหล่า สำหรับราชามารใหม่ ชุดดำกับผู้บัญชาการมาร ตราบใดที่พวกเขาสามารถสังหารราชามารได้ ทำสงครามครั้งหนึ่งที่มีคนตายนับแสนจะเป็นไรไป
ในคืนนั้นราชามารได้ตายลงที่สวนภายในเทือกเขาหานซาน แล้วเหตุใดกองทัพมารต้องอยู่ต่อด้วย
ในตอนนี้มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นในโลกที่รู้เหตุผลที่แท้จริงในการถอยทัพของกองทัพมาร ทหารมากมายรู้สึกงงงวย ในขณะที่คนอย่างเจ๋อซิ่วกับกวนเฟยไป๋ไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องที่คุ้มค่าแก่การเฉลิมฉลอง แม้ในสถานที่ห่างไกลอย่างคอกม้าผาชันยังได้รับรางวัลชนะศึกจากศูนย์บัญชาการกองทัพซงซาน
ในหมู่ของรางวัล ที่ทหารยินดีต้อนรับที่สุดก็คือเนื้อเฟยหลงสองลัง เฟยหลงไม่ใช่มังกรแท้จริง ทว่าเป็นสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในหานซานและขึ้นชื่อเรื่องเนื้อที่นุ่มละมุนของมัน นับเป็นของกินที่เหมาะกับการแกล้มสุราที่สุดในโลก
เมื่อราตรีมาเยือน กองไฟสิบกว่ากองถูกจุดในเทือกเขา มีเนื้อเฟยหลงแขวนอยู่บนเหล็กเสียบ ส่งกลิ่นหอมหวนแต่ไม่มันเลี่ยนจากไขมัน
เสียงวุ่นวายดังมาจากฝูงม้าที่ห่างไกล บางทีอาจเพราะพวกมันอยู่ในช่วงติดสัดและหญ้าน้ำค้างแข็งที่ให้เพิ่มก็กระตุ้นความคึกคักของพวกมันขึ้นไปอีก
เฉินฉางเซิงนั่งข้างกองไฟพร้อมกับจานในมือ มีเนื้อเฟยหลงย่างใหม่ๆ สองชิ้นอยู่บนจาน
เนื้อนี้เป็นหนานเค่อย่างด้วยตัวเอง สวนขอบไหม้อยู่บ้างแต่ก็ยังกินได้
เขามองไปด้านข้างก็เห็นหนานเค่อกัดแทะมันอย่างยินดี ใบหน้าเล็กๆ ของนางเต็มไปด้วยน้ำมัน
เขาพลันคิดว่าหากจี๊ดจี๊ดอยู่ที่นี่ นางย่อมโมโหอย่างมากแล้วหากเป็นโหย่วหรงล่ะ
จากนั้นก็นึกได้ว่าเจ้าคนชื่อชิวซานจวินนั่นก็มีเลือดแท้มังกรในกาย
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความคิดนี้ทำให้เขายินดีและเนื้อบนจานก็หอมน่ากินมากขึ้น
เมื่อวิกาลคล้อยดึก ดวงดาวนับไม่ถ้วนส่องแสงลงมายังเทือกเขา พวกม้าเงียบลงในขณะที่พวกทหารนั่งข้างกองไฟดื่มกินต่อไป ส่งเสียงหัวเราะไชโยอย่างต่อเนื่อง
เฉินฉางเซิงสังเกตว่าเขาไม่เห็นหลัวปู้ตลอดเวลาที่ผ่านมา
เขายืนขึ้นมองไปรอบๆ จากนั้นก็เดินไปยังลำธาร
ลำธารนี้เกิดจากหิมะบนเขาที่ละลาย ใสสะอาดมาก มันไหลไปยังที่ราบตอนเหนือไม่เหมือนกับแม่น้ำส่วนใหญ่ในต้าลู่ที่ไหลสู่ตะวันตก
แสงดาวส่องต้องลำธารทำให้มันดูเหมือนกับเข็มขัดสีเงินอันงดงาม
หญ้าน้ำค้างแข็งที่เติบโตในเทือกเขาจะมีชั้นสีขาวบางๆ อยู่เสมอ แต่ตอนนี้มันถูกอาบย้อมด้วยแสงดาว จนดูเหมือนกับน้ำค้างแข็งจริงๆ
ร่างหนึ่งนั่งใต้แสงดาว ดูโดดเดี่ยวอยู่บ้าง
เฉินฉางเซิงเดินไปและนั่งข้างร่างนั้น
บางทีเพราะแสงดาวงดงามเกินไป เครารกครึ้มไม่อาจปกปิดใบหน้าของเขาได้
เฉินฉางเซิงยืนยันอีกครั้งว่าหลัวปู้ยังหนุ่มมาก แก่กว่าเขาไม่กี่ปีเท่านั้น
“เจ้าคิดอะไรอยู่”
หลัวปู้ไม่กินเนื้อ ดื่มแต่สุรา
ไหสุราเล็กๆ อยู่ระหว่างนิ้วทั้งสอง ส่ายไหวเล็กน้อยในสายลมและแสงดาวราวกับกำลังอวดความงาม
เมื่อได้ยินคำถามของเฉินฉางเซิง หลัวปู้ก็หยุดแล้วตอบ “คิดว่าโลกนี้ไร้สิ้นสุด”
ใครก็ตามที่ตอบคำถามง่ายๆ แบบนี้ด้วยคำตอบแบบนี้ย่อมทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
แต่เมื่อมันออกมาจากปากเขา ก็ให้ความรู้สึกว่ามันสมเหตุผลที่เขาจะพูดเช่นนี้
แน่นอน หากเพื่อนคนนั้นของเฉินฉางเซิงอยู่ที่นี่ เขาอาจกุมท้องหัวเราะแล้วก็พูดคำเสียดสีล้อเลียนหลัวปู้
เฉินฉางเซิงไม่ เขามาจากเมืองซีหนิงไม่ใช่เวิ่นสุ่ย ยิ่งไปกว่านั้นเขามักคิดถึงคำถามเดียวกันนี้ แม้ว่าน้อยครั้งที่จะปรึกษาเรื่องแบบนี้กับคนอื่น
ไม่มองไปที่อดีตหรืออนาคต นักปราชญ์ผู้องอาจกับราชาที่ปราดเปรื่อง น้ำตาไหลลงด้วยความเศร้า สุดท้ายล้วนไหลสู่ตะวันตก
เขาคิดถึงคัมภีร์กาลเวลา หรือที่เรียกอีกอย่างว่าสารานุกรมซีหลิว คิดถึงโซ่ใต้สะพานหน่ายเหอ สุสานใต้สำนักฝึกหลวงที่ไม่มีใครรู้ คิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงสิบปี เขาก็สะเทือนอารมณ์อย่างมาก มองขึ้นไปบนภูเขาแม่น้ำงดงามใต้แสงดาวและกล่าว “อย่าหยุดไม่ว่าวันหรือคืน”
‘เจ้าคิดอะไรอยู่’
‘คิดว่าโลกนี้ไร้สิ้นสุด’
‘เช่นนั้นก็อย่าหยุดไม่ว่าวันหรือคืน’
หนึ่งคำถาม หนึ่งคำตอบ แต่ดูเหมือนจะไม่มีความสัมพันธ์กัน การแลกเปลี่ยนนี้ดูแข็งทื่อไม่เชื่อมต่อแต่เมื่อพิจารณาดูให้ดี มันก็มีรสชาติของตั วเอง
ในเวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ ควรมีสุรา
หลัวปู้มองเฉินฉางเซิงแล้ววางไหสุราเล็กๆ ใส่มือเขา
เฉินฉางเซิงดูลังเลขณะมองไปที่ไหสุราในมือ
หลัวปู้ประหลาดใจอยู่บ้างและถาม “เจ้าไม่ดื่ม?”
เฉินฉางเซิงตอบ “สุขภาพข้าไม่ค่อยดีตอนที่ยังเยาว์ จึงค่อนข้างระมัดระวังในเรื่องต่างๆ”
หลัวปู้ไม่ใช่คนที่บีบให้คนอื่นดื่มสุรา เห็นเฉินฉางเซิงลำบากใจ เขาก็หัวเราะและเตรียมที่จะคว้าไหสุรากลับ
ทว่าเฉินฉางเซิงยกไหขึ้นแล้วดื่ม