ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 130 ท้องฟ้าพร่างดาวกับหญิงสาว (2)
เฉินฉางเซิงพยักหน้าแล้วกล่าว “มีสิ แต่ไม่ได้พบนางมาระยะหนึ่งแล้ว”
หลัวปู้ดูจะสนใจมากและถาม “นางชอบเจ้าไหม”
เฉินฉางเซิงรู้สึกอายอยู่บ้างยามส่งเสียงอืมเป็นการยืนยัน
หลัวปู้ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถาม “หากพวกเจ้าเป็นคู่รักกัน เหตุใดเจ้าไม่ได้พบนาง”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมรับการทำตัวของเฉินฉางเซิง
สำหรับเขา สิ่งที่ยากที่สุดก็คือสร้างความชอบพอ แต่เมื่อเป็นคู่รักกันแล้ว ก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอด ไม่ยอมให้ใครมาแยกออก
เฉินฉางเซิงคิดถึงคำถามนี้แล้วก็ตอบ “ไม่สะดวกจะพบกัน อีกอย่าง…นางมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำ”
หลัวปู้ไม่พูดอะไรอีก ดื่มสุราอึกใหญ่จากไหที่อยู่ระหว่างนิ้วแล้วพึมพำ “มีใจตรงกัน…เป็นความรู้สึกแบบไหนกัน”
เฉินฉางเซิงได้ยินไม่ชัดจึงถาม “อะไรนะ”
“ไม่มีอะไร ก็แค่เมาพร่ำไปเรื่อยเปื่อย”
หลัวปู้มองตรงไปยังทุ่งหญ้าที่ปลายลำธาร ดูประหนึ่งเห็นยอดเขาที่ล้อมไปด้วยเมฆตลอดปีลูกนั้นและความเศร้าจางๆ ก็ฉายขึ้นบนใบหน้า
นับจากครั้งแรกที่ลืมตาตื่นขึ้น หลัวปู้ในสายตาเฉินฉางเซิงก็สูงสง่าแต่เฉยชาเสมอมา ดึงดันแต่ไม่ดื้อรั้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยเห็นหลัวปู้เป็นแบบนี้มาก่อนเลย
มันเป็นความเศร้าที่จางอย่างมาก แต่เคราครึ้มก็ไม่อาจที่จะปกปิดเอาไว้ได้ ทำไมใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาถึงได้มีร่องรอยถูกกาลเวลาทำลาย
เขาอยากรู้เรื่องของหลัวปู้จริงๆ อยากรู้ว่าเขาพบเจอเรื่องใดมา
“ข้าเป็นคนที่ไร้เรื่องราว” หลัวปู้รีบทำลายบรรยากาศนั้นและยื่นไหสุราให้เฉินฉางเซิงพร้อมกับกล่าวต่ออย่างเฉยชา “เพราะข้าใช้ชีวิตอย่างราบรื่น นอกจากปัญหาเล็กน้อยตอนเป็นเด็กแล้ว ข้าได้รับทุกสิ่งที่ข้าปรารถนา”
เฉินฉางเซิงคิดในใจ แล้วทำไมเจ้าถึงเศร้านัก
“แต่มีหลายสิ่งในโลกที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทุ่มเทของเจ้า เหมือนกับความรักระหว่างหนุ่มสาว หรือเรื่องใหญ่ที่ตัดสินชีวิตและความตาย ไม่ว่าจะดิ้นรนหรือเติบโตขึ้นเพียงใดก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะได้รับชัยชนะ เพราะความสัมพันธ์ทั้งสองนี้ต้องได้รับการตอบรับจากอีกฝ่าย”
หลัวปู้ชี้ไปที่ดวงดาวมากมายเบื้องบนและกล่าว “เจ้าบอกกับท้องฟ้าพร่างดาวว่าเจ้าไม่ต้องการกลับไป แต่ท้องฟ้าพร่างดาวไม่ตอบรับ เจ้าจะแก่ตัวแล้วตายไป เจ้าบอกหญิงสาวว่า ‘ข้ารักเจ้า’ แต่ต่อให้เจ้าเป็นคนที่ดีที่สุดในหมู่คนที่ดีที่สุด นางก็ยังไม่ชอบเจ้าแล้วเจ้าจะทำอะไรได้”
ท้องฟ้าพร่างดาวกับหญิงสาวแค่มองกลับมาอย่างเงียบงัน บางทีอาจสงสารหรือเห็นใจแต่พวกเขาจะเปลี่ยนใจเช่นนั้นหรือ
ท้องฟ้าพร่างดาวที่มักเปลี่ยนสี รูปร่างและกฎก็มีอยู่ในภาพวาดสีน้ำมันของเมืองเสวี่ยเหล่าเท่านั้น
หญิงสาวที่ออดอ้อนหรือเรียกร้องขอความรักจากเขาก็อาจเป็นหญิงสาวที่ดีเช่นกัน แต่น่าเสียดาย พวกนางไม่ใช่หญิงสาวที่เขารัก
‘แล้วเจ้าจะทำอะไรได้’
คำถามที่ธรรมดานี้ทำให้เฉินฉางเซิงเต็มไปด้วยความปวดร้าว
บางทีอาจเป็นเพราะเขาเคยภาวนาขอชีวิตต่อดวงดาวนับไม่ถ้วนเบื้องบนมาก่อน
เขาตบไหล่หลัวปู้อย่างเงอะงะ เขาต้องการที่จะปลอยโยนแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ดวงดาวมากมายกะพริบแสงอยู่ด้านบน
หญิงสาวอยู่แดนใต้อันห่างไกล
โชคดีที่เขาไม่ได้พูดอะไร
.……
……
.……
……
การสนทนาคืนนี้น่าพอใจมาก ดังนั้นตอนที่หลัวปู้กลับมายังห้องของตน ก็ยังอารมณ์ดีอยู่
หลายปีที่ผ่านมา เขาได้รับบทบาทของอาจารย์และผู้อาวุโสในสำนัก แม้ยามที่พูดกับศิษย์รุ่นราวคราวเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความรู้และประสบการณ์ของเขา จึงยากที่จะหาบางคนนอกจากศิษย์น้องรองกับศิษย์น้องเล็กที่เขาจะพูดคุยด้วยได้อย่างไร้กังวล
เขาเคยคิดที่จะสืบหาตัวตนของคนผู้นั้น แต่เพื่อเห็นกับการดื่มสุราสนทนาในคืนนี้ เขาไม่สนแล้วว่าคนผู้นี้เป็นคนของขุมกำลังใด
โชคไม่ดีที่คนผู้นี้ดื่มสุราได้น้อยยิ่งนัก คออ่อนกว่าศิษย์น้องเล็กอีก
อันที่จริง มีใครบ้างที่เทียบกับศิษย์น้องเล็กได้
เขามองไปที่ชั้นหนังสือที่ว่างเปล่าไปแล้วด้วยความงุนงงเป็นเวลานาน ใบหน้ามีรอยยิ้มขมขื่น
เขาส่ายหน้าขับไล่ความคิดออกไป ก่อนเก็บของต่อเตรียมตัวจะจากไป
เขาไม่ได้โกหกคนผู้นั้น เขาเตรียมที่จะจากไปจริงๆ และกลับคืนสู่ภูเขา
ตอนนั้นเองเขาก็เห็นเครื่องหมายลับบนโต๊ะต่างไปจากตอนที่เขาออกไป และรู้ว่ามีคนเข้ามา
เขามองไปที่จดหมายจากคนลึกลับบนโต๊ะ
มันเป็นจดหมายจากทางบ้าน
จดหมายพูดถึงเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ได้สมบูรณ์กว่ารายงานระดับสูงของกรมทหารเสียอีก
สายตาเคลื่อนไปตามกระดาษช้าๆ คิ้วที่เหมือนกระบี่ค่อยๆ เลิกสูงขึ้นราวกับมันปรารถนาที่จะตัดเคราบนใบหน้า
สายตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบมากขึ้นเรื่อยๆ
กลายเป็นว่านอกจากหนิงสือเว่ย จู่เยี่ยและเทียนไห่จันอีแล้ว คนจากตระกูลถังก็อยู่ที่นั่นในคืนนั้นด้วย
คนพวกนี้ได้ตายลงอย่างคาดไม่ถึง และน่าประหลาดใจที่พวกเขาล้วนต้องการที่จะชิงยาจูซาอันลึกลับ
เขาเริ่มชินกับพฤติกรรมของคนในราชสำนักต้าโจวแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าการกระทำนี้ออกจะไร้ยางอายไปหน่อย ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มรังเกียจ
ตายเพราะรนหาที่ มีอะไรผิดหรือไง
เขาอ่านต่อไป
จากนั้นก็เห็นชื่อของราชามาร
สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดมากขึ้น
ในที่สุดเขาก็เห็นชื่อเฉินฉางเซิง
สีหน้าเขากลายเป็นเคร่งเครียดผิดปกติ มือที่กำจดหมายเอาไว้แข็งทื่อ
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปนอกหน้าต่าง บางทีอาจมองที่ริมลำธารหรือห้องน้อยที่มีเนื้อตุ๋นอยู่ตลอด
เขามองไปที่รอยบนหน้าผาที่คนหมดสตินั่นทิ้งไว้ คิดถึงบทสนทนาที่ริมลำธารและรายละเอียดของบทสนทนา…
สีหน้าเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง
ในตอนแรกมันแดงก่ำแต่ดูไม่เหมือนกับโกรธ จากนั้นก็กลายเป็นซีดขาว แต่ก็ดูไม่เหมือนว่าเขาตกใจ
ประหนึ่งว่าเขาดื่มสุรามากเกินไป
สุดท้ายอารมณ์ทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขมขื่น เปี่ยมไปด้วยการเยาะเย้ยตนเอง
……
……
การดื่มสุราใต้ดวงดาวและพูดถึงผู้หญิงในยามที่ดื่มสุรา เป็นเรื่องที่คนหนุ่มนิยมทำกัน
ในสำนักฝึกหลวงตอนที่ถังซานสือลิ่วทำเรื่องเช่นนี้ เฉินฉางเซิงไม่ยินดีที่จะร่วมวงด้วย หลังจากคืนนี้เองที่เขาตระหนักได้ว่ามันเป็นเรื่องน่าปีติอย่างแท้จริง
เขาคิด ในอีกไม่กี่วันตอนที่ข้าไปยังเวิ่นสุ่ยเพื่อพบถังซานสือลิ่ว ควรนำสุราดีไปสักสองสามไหหรือไม่ มันอาจนับเป็นของขวัญขอบคุณประมุขผู้เฒ่าสำหรับร่มคันนั้น
แน่นอนการดื่มสุราสนทนากับการแสร้งดื่มสุรานั้นขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนร่วมดื่มเป็นใคร
เฉินฉางเซิงรู้สึกว่าการสนทนาคืนนี้น่าพึงใจมาก ถึงกับน่ารื่นรมย์ นี่เป็นเพราะคู่สนทนาคือหลัวปู้
นี่ทำให้เขานึกไปถึงการสนทนากับโก่วหานสือ กวนเฟยไป๋กับพวกที่กระท่อมในสุสานเทียนซู
แน่นอน การสนทนาคืนนี้ทำให้เขานึกไปถึงบทสนทนาที่เขามีกับสวีโหย่วหรงในอารามกลางหิมะ
อารามนั้นอยู่ข้างถนนหญ้าขาว
ถนนหญ้าขาวอยู่ในที่ราบทุ่งหญ้าสุริยาไม่หลับใหล
ที่ราบทุ่งหญ้าสุริยาไม่หลับใหลเป็นส่วนหนึ่งของสวนโจว
ทันใดนั้นเฉินฉางเซิงก็ได้สติกลับมา กำจัดผลกระทบทั้งหมดจากสุราออกไป
ไม่กี่วันก่อน หลังจากตื่นขึ้นจากการหมดสติ เขาก็รู้สึกว่าเขาลืมบางอย่างไป
ตอนนี้ เขาก็จำได้ในที่สุด
ยังมีคนอยู่ในสวนโจว
เขารับเอาชารสเข้มที่หนานเค่อส่งมาและจิบ บอกให้นางเฝ้าดูว่ามีการเคลื่อนไหวใด จากนั้นก็คว้ากำไลลูกปัดหินออกมาจากข้อมือ
ในลูกปัดหินทั้งห้า มีเม็ดหนึ่งสีดำ
เขาส่งดวงจิตไปที่ลูกปัดสีดำ
ขณะต่อมาเขาก็สัมผัสได้ถึงลมเย็นบนใบหน้า
เขายังอยู่บนจุดสูงสุดของสุสานโจว
เขาสำรวจมองไปรอบๆ ทุ่งหญ้ากลับคืนสู่สภาพดั้งเดิมนานแล้ว เป็นสีเขียวเจริญตา
ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังมาจากรอบสุสานโจวและฝูงสัตว์อสูรก็พุ่งเข้ามา
ในปีนั้น เขากับหญิงสาวผู้นั้นก็เห็นภาพคล้ายคลึงกันนี้