ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 32 หิมะแรกตก
ทุกคนรู้ว่าเฉินฉางเซิงต้องการจะฆ่าใครสักคนในวันนี้ ผู้คนทุ่มความสนใจไปยังที่หลายแห่งในจิงตู ตรอกกองทัพเหนือซือเจิ้งย่อมเป็นที่ได้รับความสนใจที่สุด แม้แต่วังหลวงก็ไม่ยกเว้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าหลังจากเขาเดินออกมาจากพระราชวังหลี กลับไม่ได้เดินไปที่ตรอกกองทัพเหนือซือเจิ้ง หรือวังหลวงแต่กลับไปที่จวนเว่ย
นี่ทำให้หลายคนไม่ทันตั้งตัว พวกเขาตกตะลึงและตั้งคำถามเช่นเดียวกับโจวทง
จวนเว่ยเป็นจวนแบบใดกัน เหตุใดเฉินฉางเซิงถึงได้มาที่นี่เป็นที่แรก หรือว่าในใจเขาที่แห่งนี้สำคัญยิ่งกว่าวังหลวงหรือคุกโจวอีก
ไม่นานหลังจากนั้น บางคนก็นึกได้ว่ารองเจ้ากรมพิธีการคนนั้นแซ่เฉิน และภรรยาที่เพิ่งถูกขับออกจากจวนกลับบ้านไปนั้นแซ่เซวีย เป็นลูกสาวคนโตของจวนเซวีย
ด้วยเพราะสาเหตุนี้อย่างนั้นหรือ
เฉินฉางเซิงไปจวนเว่ยเพื่ออะไร ไปแก้แค้นให้จวนเซวียอย่างนั้นหรือ หรือว่าไปกดดันให้รองเจ้ากรมเว่ยรับภรรยากลับไป
ตอนที่รองเจ้ากรมเว่ยจำได้ว่าเฉินฉางเซิงเป็นใคร เขาก็เริ่มใคร่ครวญหาสาเหตุว่าเฉินฉางเซิงมาเพราะเหตุใด และก็ได้คำตอบคล้ายคลึงกัน
เฉินฉางเซิงนั้นมาเพื่อล้างแค้นให้จวนเซวีย หรือมาเพื่อ ‘โน้มน้าว’ ให้เขารับตัวเซวียจือหวากลับจวน
คำว่า ‘โน้มน้าว’ ย่อมหมายถึง ‘บังคับ’
รองเจ้ากรมเว่ยรู้สึกโมโห แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมา
หากเขารับภรรยากลับมาจริงๆ จวนเว่ยย่อมเสียหน้าและเขาต้องแบกรับความลำบากเอาไว้ แต่…เขายังจะทำอะไรได้อีก
อำนาจของเฉินฉางเซิงในฐานะว่าที่สังฆราชนั้นเหนือกว่าตัวเขามาก
เขาได้เตรียมใจไว้แล้ว ผ่านความหงุดหงิดและโกรธเกรี้ยวแต่ก็ไม่ถึงกับอารมณ์เสียอย่างที่ควร เมื่อได้ยินข้อเรียกร้องของเฉินฉางเซิง เขาจะยอมรับข้อเรียกร้องอย่างไม่เต็มใจแต่ไม่ถึงกับเสียกิริยา
ตอนนั้นเองที่เฉินฉางเซิงบอกถึงสาเหตุที่มา ดวงตาสุกใส กายตั้งตรง น้ำเสียงจริงใจ “ข้ามาฆ่าเจ้า”
เกล็ดหิมะตกลงสู่ลานบ้าน ทุกอย่างในโลกล้วนเงียบงัน
รองเจ้ากรมเว่ยยืนอยู่ในหิมะ ใบหน้าซีดขาว ปากอ้าค้าง ไม่อาจพูดออกมาได้เป็นเวลานาน
กลายเป็นว่าเขาไม่ได้มาเพื่อสร้างความวุ่นวายหรือบีบให้รับภรรยา แต่กลับมาเพื่อฆ่าเขา
เขาเป็นรองเจ้ากรม ในสายตาคนทั่วไป เขาเป็นเสมือนภูเขาสูงที่ไม่อาจปีนป่าย อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาแล้ว ผู้เยาว์ตรงหน้าเขาคือยอดเขาสูงที่แท้จริง
หากว่าที่สังฆราชต้องการฆ่า แล้วยังจะมีใครมาช่วยได้อีก ไม่มีบทสรุปอื่นใดนอกจากความตาย
อาจหงุดหงิดและโกรดเกรี้ยว แต่ไม่ควรอารมณ์เสียเกินไป ไม่เต็มใจแต่ไม่เสียกิริยา ยอมรับข้อเรียกร้องของเขา…แล้วตายไป
ไม่มีใครอยากตาย
“แม้ว่าข้าจะทำเรื่องผิดมากมาย แต่ไม่มีเรื่องใดหนักหนาจนถึงขั้นตาย”
รองเจ้ากรมเว่ยจ้องมองดวงตาเฉินฉางเซิง ดวงตาหม่นมัว ลมหายใจถี่รัว
“ใช่ ไม่ว่ากฎหมายต้าโจวหรือบทบัญญัติของนิกายก็ไม่ได้บอกว่า ขับภรรยาออกจากบ้านมีโทษประหาร ในอดีตข้าย่อมไม่สังหารเจ้า แต่ตอนนี้มุมมองของข้าเปลี่ยนไปแล้ว แก้ไขเรื่องผิดไม่จำเป็นต้องทำเกินเลย แต่เมื่อทำผิดก็ต้องรับโทษและต้องให้คนได้รู้เห็น เจ้าลืมบุญคุณและทำเรื่องอยุติธรรม ดังนั้นข้าต้องการให้ประชาชนและเหล่าผู้ศรัทธาในโลกประจักษ์ว่าเจ้าได้ทำสิ่งผิด”
เฉินฉางเซิงกล่าวในที่สุด “และการลงโทษอย่างน่าสะอิดสะเอียนจะทำให้เกิดคำสรรเสริญอันงดงาม”
ยามที่เขากล่าว ดวงตาสุกใสยิ่งนัก น้ำเสียงจริงจังอย่างยิ่ง เขาไม่ได้พูดผิด ไม่ได้ตั้งใจเยาะเย้ยขุนนางผู้นี้ ไม่ได้หยามหยันเขาก่อนตาย เขาคิดเช่นนั้นจริงๆ เขามาที่จวนเว่ยเพื่อฆ่าขุนนางก็เพราะเขาหวังว่าในอนาคตเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นในโลกน้อยลงสักเล็กน้อย
รอยแดงสองรอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดขาวของรองเจ้ากรมเว่ย ร่างกายเริ่มสั่นเทา
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ในมุมมองของ ‘คนธรรมดา’ อย่างเขา เฉินฉางเซิงในตอนนี้คือคนบ้า ใครจะไปคิดว่าจะต้องตายเพราะการทำเรื่องอย่างเช่นไล่ภรรยาออกจากบ้านกัน ต่อให้เขาทำผิดอยู่บ้าง ไม่มั่นคงในรัก ใจแข็งและเย็นชาดั่งเหล็ก…แล้วทำไมเขาถึงต้องตาย หากไม่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ตระกูลของภรรยารวมถึงตัวภรรยาของเขาต้องถูกราชสำนักบีบจนตาย แต่…มันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย
หากแค่หาข้ออ้างมาฆ่าเขาก็ไม่เป็นไร
แต่มันไม่ใช่ นี่คือเหตุผลที่เฉินฉางเซิงมาฆ่าเขา
ดวงตาสุกใสกว่าเดิม น้ำเสียงยิ่งจริงจัง ในสายตาของ ‘คนธรรมดา’ เขาดูบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ
รองเจ้ากรมเว่ยมองดูกำแพงรอบลานบ้าน หาโอกาสที่จะมีชีวิตรอด เขาตระหนักว่ามันไม่ได้ผลและเริ่มร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวังที่สุด
เกล็ดหิมะตกลงบนแผ่นกระดาษ ก่อให้เกิดเสียงที่แผ่วเบาอย่างยิ่ง ราวกับเสียงของบางสิ่งที่งดงามถูกทำลาย
กระดาษขาวราวหิมะแรกตก มีรูสามรูบนกระดาษ ทำให้มันดูน่ากลัวผิดปกติ
เสียงดังออกมาจากรูนั้น “ทุกคนบอกว่าข้าเป็นคนบ้า…ดูเหมือนว่าเจ้าจะบ้ายิ่งกว่าข้าเสียอีก”
……
……
คนมากมายรู้ว่าฮว่าเจี่ยเซียวจางเป็นคนที่ก้าวร้าวรุนแรง และจิตใจก็มีปัญหาอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม ต้นฤดูหนาวปีนี้ เมื่อเขาเห็นเฉินฉางเซิงบอกรองเจ้ากรมเว่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและดวงตาสุกใสว่ามาเพื่อฆ่าคน เซียวจางก็มีความรู้สึกประหลาดอย่างยิ่ง
เขารู้สึกว่าเฉินฉางเซิงเป็นคนบ้า เป็นคนบ้าที่จริงจังเหลือหลาย เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจอย่างมาก
เมื่อเฉินฉางเซิงเห็นเซียวจางด้านหลังต้นไม้ เขาก็ตกใจอย่างมาก ไม่มีใครในจิงตูรู้ว่าเขาจะมาจวนเว่ยและคาดว่าตอนนี้มีคนมากมายกำลังเร่งรุดมาที่นี่ แล้วเซียวจางมารอเขาล่วงหน้าได้อย่างไร
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เขาถาม ใบหน้าเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึง
ในเวลาเดียวกัน กระบี่สั้นที่เย็นเยียบและแหลมคม ไร้รอย ไร้เกล็ดน้ำแข็ง ได้แทงผ่านแขนเสื้อและบรรยากาศความตกตะลึงปักเข้าใส่ลำคอของรองเจ้ากรมเว่ย
ใบหน้าของเซียวจางมีกระดาษขาวปิดอยู่ ดังนั้นเขาย่อมไม่แสดงสีหน้าอันใด แต่ทุกคนที่เห็นกระดาษขาวก็ยังรู้สึกได้ถึงการดูถูกที่แผ่ออกมา
การดูถูกนี้ย่อมเล็งไปที่กระบี่ของเฉินฉางเซิง เป็นการหัวเราะไร้เสียงที่แปลกประหลาด เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
เจ้ากล้าฆ่าคนต่อหน้าข้าจริงหรือ
ทวนพุ่งขึ้นจากหิมะทำให้เสื้อผ้าสั่นไหว แทงผ่านความเย็นหมายตัดผ่าโลกใบนี้
ไวเท่าความคิด ทวนที่เย็นและแหลมคมก็ปะทะกับกระบี่ของเฉินฉางเซิง
ไม่ว่าเฉินฉางเซิงจะมีพรสวรรค์เพียงใด ต่อให้เขาเอาชนะหลินกงกงได้ในสำนักฝึกหลวง ทว่าหากเขาใช้กระบี่สั้นปะทะกับทวนนี้ตรงๆ เขาจะเอาชนะเซียวจางได้อย่างไร
ขณะต่อมา ทวนของเซียวจางก็ทะลวงผ่านกระบี่สั้นของเฉินฉางเซิง
เขายืนอยู่ตรงหน้ารองเจ้ากรมเว่ย
การลอบสังหารครั้งแรกในหิมะแรกของฤดูหนาวของจิงตูก็มาถึงจุดสิ้นสุด
ในตอนนี้ดูเหมือนว่านี่เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ
อย่างเช่นวันนี้
กระดาษขาวบนใบหน้าของเซียวจางกระพือและความดูหมิ่นเหยียดหยามที่ไม่ได้กล่าวออกมาเป็นคำพูดก็อัตรธานหายไป
การหัวเราะไร้เสียงอันประหลาดกลายเป็นเสียงหอนที่แปลกอย่างแท้จริง สะท้อนไปทั่วจวนฉีกกระชากผ่านท้องฟ้าที่พรั่งพรูด้วยหิมะ
เส้นทางทวนเคลื่อนไปเพียงเล็กน้อย
ไม่อาจที่จะกระแทกใส่กระบี่สั้น
กระบี่สั้นเย็นเยียบแทงทะลุอากาศนำโลหิตไปด้วย
เลือดฉีดพุ่งเข้าสู่หิมะที่ตกลงมา เปลี่ยนเป็นภาพที่งดงามอย่างมาก
วัตถุหนึ่งบินผ่านอากาศ หมุนวนอย่างรุนแรง บินไปอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดก็ตกลงกับพื้น ส่งหิมะน้ำแข็งลอยขึ้น
มันคือหัวของรองเจ้ากรมเว่ย ดวงตายังไม่หลับลง
เซียวจางเงยหน้ามองตรงไป ใบหน้าแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบราวกับมองเข้าไปในขุมนรก
ชายชุดเขียวครามปรากฏกายขึ้นที่ประตูจวนเว่ย
คิ้วทั้งคู่ของคนผู้นี้ลู่ลงเล็กน้อย แลดูทนทุกข์อย่างมากเปี่ยมไปด้วยความไม่เต็มใจ ตรงอกมีดาบที่ยังไม่ชัดออกจากฝัก