ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 51 แดนนรก (2)
โจงทงจ้องมองไปที่ผนัง ดวงตาเปลี่ยนเป็นมืดดำและน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม กลายสภาพเป็นลูกไฟผีสองดวง
การสั่นสะเทือนเบาๆ ดูธรรมดามาก แต่สำหรับโลกใต้ดินแห่งนี้ที่มั่นคงและได้รับการปกป้องจากค่ายกลชั้นแล้วชั้นเล่า นี่เป็นลางบอกถึงสิ่งที่น่าหวาดกลัว มีคนสัมผัสค่ายกลของคุกโจว มันไม่เหมือนกับแมลงที่บินเข้าสู่ใยแมงมุม แต่เหมือนนักดนตรีใช้นิ้วดีดสายอย่างแผ่วเบา
โจวทงจ้องมองไปที่ผนัง ดังนั้นเขาจึงไม่สังเกตเห็นหยดน้ำตกลงมาจากรอยร้าวบนเพดานหิน
พื้นที่ใต้ดินนี้ชื้นอย่างมาก แม้ว่าจะถูกผนึกไว้ด้วยค่ายกลมากมาย ก็ยังมีหลายจุดบนผนังและเพดานที่มีน้ำซึมออกมา แม้ว่าห้องขั้งนี้จะแห้งที่สุด ภาพนี้ก็ไม่ถึงกับเหนือความคาดหมาย ปัญหาก็คือหยดน้ำนี้มีจุดตกที่บังเอิญอย่างมาก ตกลงบนขอบไหสุราพอดี
หลังจากถูกกรองด้วยหินและค่ายกล น้ำในดินที่ซึมผ่านผนังหินจึงไร้สิ่งเจือปน สะอาดใสราวกับหยดน้ำค้าง
หยดน้ำค้างนี้กลิ้งไปตามขอบไหสุราเงียบๆ จากนั้นก็ตกลงไปในไห
ตอนนั้นเองที่โจวทงหันมา
เซวียเหอกล่าว “เฉินฉางเซิงอาจสัมผัสได้และเดาได้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่”
โจวทงก็รู้เรื่องนี้ เขาจึงรีบจากไป
เขาไม่รู้ว่าคนกระตุ้นค่ายกลเป็นใคร เหตุใดจึงขุดลึกเข้ามาถึงคุกโจวได้
ยังมีระยะห่างประมาณหนึ่งก่อนที่คนผู้นี้จะมาถึงที่แห่งนี้ แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะจากไป
ดังที่เซวียเหอกล่าว คนผู้นั้นเป็นไปได้มากว่าต้องการใช้วิธีนี้ให้ข้อมูลผู้คนด้านบนว่าโจวทงอยู่ที่ใดกันแน่
โจวทงกล่าวอย่างสุขุม “มีคนมากมายต้องการฆ่าข้าอยู่เสมอ”
“ข้าก็ต้องการ”
เซวียเหอหยิบไหสุราของตนขึ้นเติมถ้วยที่ว่างเปล่า
โจวทงหยิบไหสุราอีกไหเติมถ้วยของตัวเอง
เซวียเหอยกถ้วยและกล่าว “ข้าหวังว่าเจ้าจะตายช้าๆ”
ความตายเป็นเรื่องน่าหวาดกลัว แต่หากเกิดขึ้นเร็วพอ ก็นับได้ว่าน่ายินดี หากเกิดขึ้นช้ามาก ก็ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา
โจวทงหัวเราะ ชนถ้วยเบาๆ จากนั้นก็ดื่มจนหมดถ้วย
“ไม่ว่ากระบี่ของเฉินฉางเซิงจะเร็วเพียงใด ก็ไม่อาจมาถึงที่นี่ได้เร็วนัก”
สายตาโจวทงจับจ้องไปที่ผนังหินซึ่งนิ่งเงียบในตอนนี้
ที่แห่งนี้เป็นความลับที่สุดและปลอดภัยที่สุดในการซ่อนตัว ซึ่งเขาได้สร้างขึ้นให้กับตัวเอง ทว่าตอนนี้เขาไม่ลังเลที่จะทิ้งมันไปเพื่อหาที่ซ่อนตัวใหม่
ไม่ว่าเซวียเหอจะเกลียดคนผู้นี้เพียงใด ก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นการตัดสินใจที่น่ายกย่องมาก ในเวลาเดียวกันเขาก็ค่อนข้างสงสัยจึงถาม “แม้ว่าข้าไม่รู้ว่าพายุหิมะวันนี้ใหญ่แค่ไหน ข้าก็พอจะเดาได้ว่ามีที่ไม่มากนักในจิงตูที่ให้ความปลอดภัยของเจ้าได้ แล้วเจ้าจะไปที่ไหน”
“กระต่ายมีสามโพรงให้หนีไปได้ตลอดเวลา แต่นั่นเป็นแค่จำนวนขั้นต่ำสำหรับคนที่ทำงานเช่นข้า”
โจวทงกล่าวต่อ “เจ้าย่อมรู้สึกเสียใจว่าคนชั่วอย่างข้านั้นฆ่าไม่ได้ง่ายนัก อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ตาย”
หลังจากกล่าวแล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เขาเดินออกจากคุกไปตามอุโมงค์อันมืดมัว มุ่งสู่ที่ซึ่งมืดมัวยิ่งกว่า
โคมไฟที่ดูเหมือนเม็ดถั่วที่แขวนอยู่ในอุโมงค์ดูคล้ายกับดวงตาแวววาวของเขา ทั้งคู่ต่างหม่นมัวเหมือนลูกไฟผี
ร่างเขาค่อยๆ หายไปที่ปลายอุโมงค์ ราวกับเขาเดินไปสู่แดนนรก ตลอดทางไปจนกระทั่งเข้าสู่ส่วนลึกที่สุดของความมืด
เซวียเหอที่ถูกกรงเหล็กขวางกั้นจ้องมองเงาหลังของโจวทงอยู่เงียบๆ เขามองอยู่เป็นเวลานาน มองอยู่เช่นนั้นแม้ว่าโจวทงจะหายไปแล้วก็ตาม
เขาไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าหรือมีความรู้สึกซับซ้อนอันใด เขาแค่ต้องการดูให้แน่ใจว่าโจวทงจากไปแล้วจริงๆ
น้ำอีกหยดตกลงมาจากเพดาน จากนั้นเสียงครูดก็ดังมาจากผนัง
หินแข็งสองก้อนถูกเลื่อนไปด้านข้างและก้อนโคลนก็บีบตัวออกมาระหว่างช่องนั้น
มันไม่ใช่โคลนจริงๆ แต่เป็นคนที่อยู่ในดินมาหลายสัปดาห์
ในคืนที่เกิดการยึดอำนาจที่สุสานเทียนซู เฉินฉางเซิงถูกจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่นำตัวไปสุสานเทียนซู ถังถังถูกประมุขรองตระกูลถังลากตัวกลับไปเวิ่นสุ่ย เจ๋อซิ่วก็หายตัวไป
ไม่มีใครหาร่องรอยของเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นราชสำนัก พระราชวังหลีหรือสำนักฝึกหลวง
กลายเป็นว่าเขาได้ซ่อนตัวอยู่ในตรอกกองทัพเหนือซือเจิ้งตลอดเวลา แค่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน
หากบรรยายโดยละเอียดก็คงยืดยาวและซับซ้อนมาก แต่ความจริงนั้นแสนง่ายดาย
เพื่อที่จะปลูกต้นไห่ถัง กรมอาญาได้ขุดหลุม เขาจึงกระโดดลงหลุมนั้นและซ่อนตัวอยู่ใต้ดินนับตั้งแต่นั้นมา
ไม่มีใครหยั่งรู้ว่าเขาเอาชีวิตรอดมาได้อย่างไรหลายสัปดาห์
แต่สำหรับเจ๋อซิ่ว นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก
เขาเป็นหมาป่า มีความอดทนและความเพียรเหนือจินตนาการ เพื่อล่าเหยื่อเขาสามารถรอได้เป็นเวลานาน ทนหิวกระหายได้ในแบบที่มนุษย์ไม่อาจทน เพื่อที่จะฆ่าทหารเผ่ามารในแนวรบ เขามักซ่อนตัวอยู่ลึกลงไปใต้หิมะ โดยมากใช้เวลาหลายสัปดาห์ แม้ว่าหิมะจะไม่แน่นเหมือนดิน แต่ก็หนาวเย็นกว่ามาก
โจวทงเป็นเหยื่อที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา และเป็นเหยื่อที่เขาต้องการฆ่ามากที่สุด ดังนั้นเขาจึงแสดงความอดทนยิ่งกว่า แน่นอนว่าเขาก็จ่ายไปไม่น้อย
ใบหน้าเขาซีดขาวร่างกายผอมลงมาก แม้ว่าดวงตาจะยังเย็นชาและคมชัด เขาก็อ่อนแอลงกว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
เซวียเหอมองเขาและถาม “เจ้าเป็นคนที่กระตุ้นค่ายกลอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ ข้าไม่รู้เรื่องค่ายกล ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเฉินฉางเซิงจะมา”
สุ้มเสียงเจ๋อซิ่วแหบแห้งอย่างมาก เพราะเขาทั้งดื่มน้ำน้อยไปในช่วงหลายสัปดานี้และอีกทั้งยังแทบไม่ได้พูดเลยด้วย
เซวียเหอนึกถึงวันนั้นที่เขาถูกขังอยู่ในห้องขังที่ลึกที่สุด เสียงที่ออกมาจากผนังทั้งต่ำทั้งแหบแห้ง
ในตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าใครอยู่ในผนัง เป็นคนหรือเป็นผี แต่เมื่อเขาฟังสิ่งนั้นพูดออกมาจบแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นผีหรือไม่ก็ตาม
เซวียเหอยื่นมือดึงเข็มทองออกจากเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด คิ้วขมวดคำรามออกมาอย่างเจ็บปวด
เข็มสิบกว่าเล่มบนร่างถูกดึงออกมาจนหมด แต่ดึงออกเพียงแค่หนึ่งในสามส่วนของความยาวเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่เขากับเจ๋อซิ่วได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว
ตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ เขาจะร่วมมือกับเจ๋อซิ่วหาวิธีวางยาพิษโจวทง จากนั้นก็พยายามถ่วงเวลาจนพิษออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ ครั้นแล้วเจ๋อซิ่วจะพุ่งตัวออกมาจากผนังและร่วมมือกับเซวียเหอจัดการปัญหา ในตอนแรกทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าที่จินตนาการไว้ การวางยาพิษสำเร็จอย่างง่ายดาย แต่คาดไม่ถึงว่ามีคนกระตุ้นค่ายกลทำให้โจวทงหวาดกลัวจนหนีไป
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ซ่อนอยู่ในเงามืด ไม่รู้ว่ามีเจ๋อซิ่วอยู่ แล้วนับประสาอะไรจะรู้แผนของเจ๋อซิ่ว กระนั้นเขาก็ต้องการที่จะฆ่าโจวทงเช่นกัน
เซวียเหอกล่าว “เจ้าไปบอกเฉินฉางเซิงส่วน ข้าจะไล่ตามโจวทง”
เจ๋อซิ่วไม่ส่งเสียงคัดค้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเงียบนี้แสดงว่าเห็นด้วย เพียงแค่เขาไม่สนใจกับสิ่งที่เซวียเหอกล่าว
เขาส่งกุญแจพวงหนึ่งให้เซวียเหอแล้วออกจากห้องขัง เดินไปในทิศทางที่โจวทงหายตัวไป
ในตอนแรก เขาเดินช้าอย่างมาก เขาอ่อนแอด้วยว่าใช้เวลาหลายสัปดาห์อยู่ในดิน เขาไม่ได้ใช้ขาเดินมาระยะหนึ่งแล้ว
ทว่าใช้เวลาไม่นานการเคลื่อนไหวของเขาก็กลับมาเป็นปกติ แม้ว่าความเร็วในการเดินจะไม่มาก แต่ก็มั่นคงพอ
……
……
โจวทงเดินไปตามอุโมงค์ที่มืดมัว เดินเลี้ยวลดคดเคี้ยว มีประตูตกลงมาเป็นระยะๆ และจากนั้นก็ซ่อนอยู่ในดิน
อุโมงค์ใต้ดินนี้เต็มไปด้วยทางแยกราวใยแมงมุมหลังจากกลไกถูกกระตุ้นก็ยิ่งซับซ้อนกว่าเดิม เขามั่นใจว่าต่อให้มีคนช่วยเฉินฉางเซิงตีฝ่าวงล้อมของราชสำนัก เฉินฉางเซิงได้พบที่ตั้งอันแท้จริงของคุกโจวและลงมือโจมตีใต้ดิน เขาก็ยังไม่อาจที่จะหาตัวโจวทงพบ
คิดเช่นนี้แล้วเขาก็สบายใจขึ้นมากและใช้มือนวดหน้าอก
เขาขมวดคิ้วเมื่อพบว่าหัวใจเต้นเร็วอยู่บ้าง เพราะเขาเดินเร็วเกินไปหรือเพราะเหตุอื่นกันแน่
อย่างเช่น…ความกลัว
เขาไม่ยินยอมที่จะยอมรับว่าตัวเองกลัว เขาสูดหายใจลึกและเคลื่อนปราณแท้ เตรียมที่จะลดความเร็วการเต้นของหัวใจลง
ปราณแท้ไหลไปตามเส้นลมปราณอย่างราบรื่นประดุจดังสายน้ำไหลไปตามลำคลอง ทันใดนั้นก็พบกับกำแพงที่ไม่อาจผ่านไปได้
เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หน้าอก
เขาเริ่มกระอักเลือดออกมา
เลือดนั้นมีสีดำ