ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 68 ผู้คุ้มกัน
ก่อนที่จะพูด เด็กสาวกระแอมก่อน ทำให้นางดูสุขุมอย่างมากดูเหมือนกับเด็กฉลาด
แต่ซางสิงโจวกับเฉินฉางเซิงต่างได้ยินว่าน้ำเสียงของนางสั่น
นี่ไม่ใช่เพราะนางตื่นเต้นที่ได้พบเฉินฉางเซิงในร่างที่เป็นอิสระ แต่เพราะนางกระวนกระวายใจ
นางรู้สึกว่านางใกล้กับนักพรตวัยกลางคนเกินไป มันอันตรายทีเดียว
ในตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าคนผู้นี้คืออาจารย์ของเฉินฉางเซิง แต่นางบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขามีความสามารถที่จะทำร้ายหรือฆ่านางได้
จำนวนมนุษย์ในโลกนี้ที่สามารถทำร้ายหรือฆ่านางได้มีน้อยมากๆ แม้กระนั้นนางก็ยังพบคนหนึ่งในคืนแรกที่นางหนีออกจากคุกที่ขังนางมาหลายร้อยปี
นี่ทำให้นางรู้สึกพ่ายแพ้ราวกับว่านางเผชิญหน้ากับชะตากรรม จนนางไม่กล้าที่จะมองไปที่ซางสิงโจว นางตัดสินใจที่จะมองไปแค่ดวงตาของเฉินฉางเซิง ดูเหมือนจะจริงจังและมุ่งมั่นอย่างมาก
นางไม่รู้ว่าในสายตาของซางสิงโจว นางก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายอย่างมากเช่นกัน
มนุษยชาติได้บันทึกไว้อย่างชัดเจนมากในคัมภีร์เต๋าว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าระวังเกินไปต่อหน้าเผ่ามังกร สิ่งมีชีวิตระดับสุงสุดใต้ท้องฟ้าพร่างดาว
และนี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่านางเป็นมังกรยักษ์น้ำค้างแข็ง สมาชิกเผ่ามังกรที่บริสุทธิ์ที่สุด ทรงพลังที่สุด ร่างเล็กๆ ของนางเปี่ยมไปด้วยพลังที่ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์แสวงหาแต่ไม่อาจได้รับมา หากนางสามารถเรียนรู้ที่จะใช้พลังนี้หรือหากว่าพลังถูกใช้ตามธรรมชาติ ก็จะเกิดเป็นพลังอันน่าหวาดลัวและสร้างผลกระทบที่น่าขมขื่นตามมา
นางกลัวซางสิงโจว ซางสิงโจวก็เป็นกังวลเรื่องนาง เฉินฉางเซิงเพียงแค่ตกใจ
เขาไม่คาดคิดว่านางจะสามารถหนีออกจากก้นบ่อน้ำมาได้!
แม้ว่าวิธีที่เขากับสวีโหย่วหรงใช้จะถูกต้องและเลือดของเขาก็สามารถเร่งความเร็วที่โซ่จะผุกร่อนผ่านการกลั่นสกัดและเร่งเร้าของสารานุกรมซีหลิว แต่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองปีตามที่เขาคำนวณเอาไว้กว่าโซ่จะขาดออก ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหนีออกจากถ้ำใต้ดินทำไมนางไม่รีบไปจากดินแดนที่เต็มไปด้วยกลิ่นมนุษย์ที่นางเกลียดแล้วกลับไปยังเกาะอบอุ่นทางใต้ ทำไมนางถึงมาที่สำนักฝึกหลวง
มีตัวแปรอื่นปรากฏขึ้นในการเจรจาครั้งนี้ และดูเหมือนจะเป็นประโยชน์กับเขา แต่เฉินฉางเซิงไม่ได้รู้สึกยินดี เขาไม่ต้องการให้ใครนอกจากตัวเขา มายุ่งเกี่ยวกับการเจรจานี้ ไม่ว่าจะเป็นนักบวชจากพระราชวังหลี อาจารย์นักเรียนของสำนักฝึกหลวง หลีซานหรือสำนักต้นไหว หรือศิษย์พี่ผู้ห่วงใยในวังหลวง ยิ่งไปกว่านั้น นางพูดเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร
‘ผู้คุ้มกัน’? เฉินฉางเซิงนึกถึงบทบันทึกในหนังสือเล่มที่เจ็ดของ ‘สัญญาแห่งแสง’ และนึกไปถึงเรื่องเก่าที่สังฆราชเคยกล่าวเอาไว้ในคืนนั้น
ไม่ว่าจะเป็นนิกายหลวงหรือศาสนาก่อนหน้านิกายหลวง เพื่อที่จะรักษาคำสอนผ่านยุคสมัย พวกเขาต้องให้ความสำคัญกับการสืบทอดเป็นอันดับแรก สังฆราชในยุคนั้นมักจะว่างแผนเอาไว้ล่วงหน้าหลายปี สอนสั่งอบรมผู้สืบทอดของตน ศิษย์หนุ่มมักจะมีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรสูงส่งและมีศักยภาพอันน่าทึ่ง อย่างไรก็ตามเพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง ซึ่งสามารถนำเต๋าให้ก้าวหน้าสืบไป จำเป็นต้องใช้เวลานานมาก ต้องลองผิดลองถูกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นมีผู้สืบทอดน้อยคนที่จะได้เป็นผู้สืบทอดคำสอนแห่งเต๋าอย่างถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่นในรุ่นก่อนมีเพียงแค่สังฆราชกับซางสิงโจว และในยุคนี้ก็มีแค่อวี๋เหริน เฉินฉางเซิงกับมู่จิ่วซือที่ซางสิงโจวได้ยืนยันก่อนหน้านี้ด้วยวิธีที่ไม่มีใครทราบ
ด้วยเส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ยาวไกลและท้าทายมีผู้สืบทอดน้อยคนยิ่งนัก พูดได้ว่าการสืบทอดคำสอนแห่งเต๋าอาจขาดช่วงได้ทุกขณะ ทว่าหลายปีที่ผ่านมาจนนับไม่ถ้วน คำสอนแห่งเต๋าก็ยังถูกส่งผ่านคนหลายรุ่นและไม่เคยขาดช่วงลง นอกจากผู้สืบทอดที่โดดเด่นเหล่านั้นอย่างอิ๋นกับซางก็ยังมีเหตุผลสำคัญอื่นอีก เมื่อผู้สืบทอดหนุ่มท่องโลกและบำเพ็ญเพียร ศาสนาเต๋าก็มักจะเชิญผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งและน่านับถือมาเป็นผู้คุ้มกันของผู้สืบทอด
คำสอนเต๋าจะสืบทอดผ่านรุ่นสู่รุ่นโดยไม่ขาดลง และกฎนี้ก็ดำรงมานานหลายชั่วอายุคน นานยิ่งกว่าประวัติศาสตร์ราชวงศ์ต้าโจวเสียอีก หากเฉินฉางเซิงอาศัยอยู่ในวัดเก่าเมืองซีหนิงในฐานะผู้สืบทอดอย่างถูกต้องของนิกายหลวง ถ้าเช่นนั้นเขาก็ควรจะมีผู้คุ้มกันอย่างแท้จริง และผู้คุ้มกันนี้ก็ต้องเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในต้าลู่ อาจเป็นหนึ่งในแปดมรสุม อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ฐานะของเขาในตอนนั้น และตอนนี้เขาก็เป็นสังฆราชแล้ว ดังนั้นเขายังต้องมีผู้คุ้มกันอีกหรือ แล้วทำไมถึงเป็นนาง
“เจ้าคือคนที่อิ๋นพูดถึงสินะ”
สีหน้าซางสิงโจวสงบนิ่ง ไม่ถูกรบกวน เห็นได้ชัดว่าเขารู้เรื่องนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว
เขามองไปที่มังกรดำน้อยและกล่าว “หลังจากหลายร้อยปี เจ้าก็สามารถออกมาจากบ่อน้ำเก่าสะพานอุดรใหม่และได้รับอิสระ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่กลับไปที่ทะเลใต้”
มังกรดำยืนอยู่ตรงหน้าเฉินฉางเซิงและกล่าวกับเขาอย่างจริงจัง “เพราะนี่เป็นคำสัญญาของข้า”
เห็นได้ชัดว่าการมีอยู่ของซางสิงโจวนั้น สร้างแรงกดดันให้กับนางอย่างมาก ใบหน้าเล็กๆ ของนางเต็มไปด้วยความกังวลแต่นางก็ยังยืนกราน
ซางสิงโจวพลันถามขึ้น “เจ้าจะปกป้องเขาอย่างนั้นหรือ”
นางเงยหน้าขึ้นและกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน”
ซางสิงโจวถามต่อ “ต่อหน้าท้องฟ้าพร่างดาว เจ้าต้องการจะเป็นหนึ่งเดียวกับเขา จะรัก ปกป้อง เคารพและดูแลเขาเหมือนกับที่เจ้ารักตัวเองอย่างนั้นหรือ ไม่ว่าในยามแข็งแรงหรือป่วยไข้ ร่ำรวยหรือยากจน สำเร็จหรือล้มเหลว ก็จะให้ชื่อของเขามาก่อนเจ้าจนเจ้าไปจากโลกนี้และกลับคืนสู่ทะเลดวงดาวอย่างนั้นหรือ”
คำพูดพวกนี้เป็นเหมือนกับสายลมเย็นพัดเอื่อยและยังเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงอย่างไม่รู้จบ
นี่เป็นคำพูดที่เก่าแก่โบราณที่สุดที่บันทึกเอาไว้ คือคำสาบานของผู้คุ้มกัน กฎของพระราชวังหลี
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็ตอบ “ข้ายินดี”
ซางสิงโจวถาม “ต่อให้เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
นางตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ใช่”
หลายปีก่อนใต้สะพานอุดรใหม่ นางได้มอบสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิตของนางให้เฉินฉางเซิงไปแล้ว อย่างน้อยก็ในสายตานาง
แน่นอนนี่ไม่ได้หมายความว่านางยินดีตายแทนเฉินฉางเซิงโดยไม่ถามคำถามใด หรือหมายความว่านางไม่กลัวตาย สำหรับสมาชิกเผ่ามังกรที่มีอายุยืนยาว ความตายเป็นสิ่งที่ถูกคิดถึงน้อยมาก แต่เป็นเพราะชีวิตของพวกเขายาวนานจนแม้ยามที่คิดถึงความตาย พวกเขาจะรู้สึกกลัวเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปรู้สึกมากนัก
นางจ้องไปที่ดวงตาซางสิงโจวและกล่าว “แม้แต่หวังจื่อเช่อยังไม่กล้าฆ่า ได้แต่ขังข้าเอาไว้ ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะกล้าฆ่าข้า”
ในความเข้าใจทั่วไปในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เผ่ามังกรเป็นนิรันดร์ เหตุผลที่ขังนั้นขัดกับเรื่องที่เผ่ามังกรเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสูงสุดใต้ท้องฟ้าพร่างดาว มีอายุขัยที่เกือบไร้ขีดจำกัด มีความแข็งแกร่งที่ยากหยั่งถึง ยิ่งไปกว่านั้น หลายปีจนนับไม่ถ้วนที่ผ่านมาตอนที่เผ่ามังกรไปจากต้าลู่ พวกมันได้จัดการประชุมกับโลกทั้งหมด การประชุมนี้มีข้อตกลงว่าสิ่งมีชีวิตใดที่จงใจโจมตีเผ่ามังกรจะต้องตาย
ข้อตกลงนี้ถูกส่งต่อมาจนถึงวันนี้ซึ่งไม่เกี่ยวกับการที่เผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจให้คุณค่ากับคำสัญญา แต่เป็นเพราะเผ่ามังกรนั้นทรงพลัง แม้แต่ยอดฝีมือขั้นสูงสุดของเผ่ามนุษย์หรือเผ่าปีศาจ เมื่อเผชิญหน้ากับมังกรที่อ่อนแอเพียงตัวเดียว ก็ยังยากที่จะทำอะไรได้ นี่เป็นเพราะมังกรทุกตัวมีไข่มุกวิญญาณ และเมื่อมังกรตาย ไข่มุกวิญญาณจะแตกสลาย เมื่อมังกรที่เกี่ยวข้องด้วยในตอนใต้สัมผัสได้ถึงการสลายนี้ พวกมันจะต้องทำการล้างแค้นอย่างบ้าคลั่ง
แม้แต่ยามที่จักรพรรดิไท่จงปกครองต้าโตว เขาก็ไม่ยินดีที่จะจ่ายผลตอบแทนอย่างนั้น เมื่อมังกรดำน้อยอาละวาดไปทั่ว หวังจื่อเช่อใช้อุบายจับนาง แต่ไม่เคยพยายามที่จะฆ่านางเลย นอกจากการที่นางยังพอจะยกโทษให้ได้แล้ว ยังมีเหตุผลที่สำคัญกว่าเพราะการฆ่านางไม่ง่ายนักและไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะฆ่านาง
เป็นเวลาหลายปีนับไม่ถ้วน เผ่ามังกรมีชีวิตอยู่ไกลออกไปจากต้าลู่และยังเป็นสิ่งที่ได้รับความเคารพเสมอมา
แต่ในบางช่วงของประวัติศาสตร์ สิ่งที่คาดไม่ถึงมักเกิดขึ้น