ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 81 ของหายาก
ยาที่อัศจรรย์ที่สุดหากไม่อาจเอามาใช้ได้ก็ไม่ต่างไปจากขยะ สำหรับนักสร้างค่ายกลหนุ่มที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง ยาจูซาย่อมเป็นของแบบนั้น แม่ทัพเดินออกจากห้องโดยไม่มองเขา ตอนที่เดินผ่านอันหวาและนักบวชเขาหยุดและขอให้ดูแลเขาจากนั้นก็พูดประโยคที่หยาบกระด้าง
“ข้าไม่ได้บอกว่าคนผู้นั้นแสวงหาชื่อเสียง แต่คนผู้นั้นต้องมีแผนการใหญ่เป็นแน่”
พวกเขาเข้าใจว่าแม่ทัพหมายความว่าอย่างไร ไม่ว่าคนผู้นั้นพบยาวิเศษผ่านการศึกษาตำราโบราณหรือพัฒนาขึ้นจากการวิจัยของตนเอง เขาไม่ได้สนใจเรื่องความปลอดภัยของมนุษยชาติ หากเขาเป็นห่วงเรื่องชะตากรรมของมนุษย์จริง สิ่งที่ควรทำที่สุดก็คือเปิดเผยสูตรยา
เมื่อยืนยันแล้วว่ายาจูซามีประสิทธิภาพอันน่าอัศจรรย์จริงและช่วยคนมากมายที่น่าจะตายไปแล้ว อันหวาได้สร้างความประทับใจอันดีกับคนลึกลับผู้นี้ที่นางหรือคนอื่นๆ ไม่เคยพบเจอ นาไม่คิดจะเชื่อว่าคนผู้นี้เป็นจอมวางแผนหรือเจตนาซ่อนเร้น แต่นางไม่อาจปฏิเสธคำพูดของแม่ทัพได้
คนผู้นั้นแค่ส่งยาจูซามาเดือนละขวด สำหรับทหารในแนวรบ ยาไม่กี่สิบเม็ดนั้นไม่เพียงพอ แต่นางเชื่อว่าคนผู้นั้นได้ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว บางทีเพราะเขาไม่อาจรวบรวมวัตถุดิบหายากได้หรือมันจำกัดด้วยความสามารถของเขา จึงไม่อาจที่จะเพิ่มจำนวนยาได้ แต่ถ้าเขายินดีที่จะแจกจ่ายสูตรยาปัญหานี้จะแก้ไขได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับที่นางคิดในตอนแรก ไม่ว่าวัตถุดิบจะล้ำค่าหายากแค่ไหน นิกายหลวงกับราชสำนักย่อมหามาได้อย่างแน่นอน
นิกายหลวงกับราชสำนักสามารถผลิตยาได้ปริมาณมากทำให้เผ่ามนุษย์ได้เปรียบอย่างมากในสงครามนี้และทำให้อนาคตของต้าลู่สดใส แน่นอนมันยังเป็นประโยชน์อย่างมากต่อคนผู้นั้น เขาจะได้รับคำขอบคุณและรางวัลมากมายนับไม่ถ้วนจากทั้งโลก ต่อให้เขาไม่อาจบำเพ็ญตน เขาก็ยังกลายเป็นนักปราชญ์ที่แท้จริง
แล้วทำไมเขาถึงไม่ทำ
……
……
ชายวัยกลางคนจิบชาเงียบๆ อยู่ที่เก้าอี้ ผู้จัดการโรงเตี๊ยมยืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่กล้าเคลื่อนไหว
เขาฟังเสียงที่มาจากด้านหลังกำแพง ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเยาะ “นักปราชญ์ เขาก็ไม่ใช่อะไรนอกจากพวกสะสมของหายาก”
ผู้จัดการโรงเตี๊ยมก้มตัวต่ำกว่าเดิม ไม่กล้าพูดอะไร
การสะสมของหายากเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจของพ่อค้า
ยาจูซามีค่าเป็นเงินเท่าไหร่ ในแง่ของประสิทธิภาพยามันสามารถปลูกกระดูกช่วยคนใกล้ตาย นี่ย่อมทำให้มันเป็นของวิเศษที่หาค่าไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง นับจากตอนที่ยาจูซาปรากฏขึ้นที่ด่านหลานกวนเป็นครั้งแรก ก็ไม่เคยถูกตั้งราคาขาย มันไม่อาจได้มาด้วยเงิน มีแต่รอเท่านั้นหากชะตายังไม่ถึงที่ตายก็ได้ไป
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของยาจูซา ตำหนักอิงหัวหรือตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ย พวกเขาไม่มีใครได้กำไรจากยาจูซา บางคนคิดว่ามันไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิงเพราะตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ยต้องล่วงเกินขุมกำลังและผู้มีอำนาจมากมายเพื่อยาที่เขาไม่ได้กำไร แต่คนที่ฉลาดจริงๆ จะคิดว่าความคิดนี้ช่างไร้สาระและโง่เขลาอย่างมาก เจ้าของยาจูซาได้กำหนดกฎมา แต่กฎเป็นของตายมีพื้นที่ให้เอาเปรียบได้อยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น หากมีนักสร้างค่ายกลบาดเจ็บใกล้เคียงกันสองคนและยังมีการบำเพ็ญตนและผลงานทางทหารใกล้เคียงกัน แล้วจะตัดสินว่าใครจะได้สิทธิ์ก่อน
นับจากตอนนั้นมันก็เป็นตระกูลถังที่ได้ครองอำนาจนั้น
แม้ว่าอำนาจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดและดูเหมือนจะไม่สำคัญนัก ประโยชน์ที่เล็กน้อยที่สุดของโอกาสที่หายากนี้ก็ยังกว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร มูลค่าของมันไม่มีขีดจำกัด ตระกูลถังไม่เคยปล่อยทรัพยากรแช่นนี้ไป และเพื่อที่จะให้แน่ใจว่าจะเก็บเอาไว้ได้ระยะยาว พวกเขาย่อมต้องทำตามความต้องการของคนผู้นั้นอย่างเต็มที่ รวมถึงการปฏิบัติตามกฎของเขา
หลังการยึดอำนาจที่สุสานเทียนซู ตระกูลถังก็มีฐานะในโลกมนุษย์สูงขึ้นกว่าเดิม ทิ้งตระกูลเทียนไห่ไว้เบื้องหลังกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าโจว ตอนนี้พวกเขาได้ครองอำนาจในการจัดสรรยาจูซา พวกเขาย่อมมีฐานะที่มั่นคงยิ่งขึ้น ถึงกับทำให้ขุมกำลังมากมายต้องหวาดกลัว
ตระกูลชั้นสูงทั่วไปต้องพึงพอใจกับฐานะเช่นนี้ แต่ตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ยไม่ใช่ตระกูลทั่วไป พวกเขาเป็นตระกูลพ่อค้ารุ่นแรกๆ ของต้าลู่ และเป็นพ่อค้าที่ไม่เคยพอใจ มีความโลภอยู่เสมอและไม่เคยพอ ไม่ว่าจะพิจารณาประโยคนั้นอย่างไร ธุรกิจก็คือธุรกิจ และตระกูลถังก็ย่อมไม่พึงพอใจกับประโยชน์ที่ได้มาจากยาจูซา
เทียบกับผลลัพธ์อันลึกลับของยาจูซา ประโยชน์ที่ได้มานั้นน้อยมากและนอกจากนั้น…พวกเขาไม่ใช่คนที่เป็นฝ่ายนำ
คนลึกลับนั่นจึงเป็นนายที่แท้จริง เรื่องนี้ทำให้ตระกูลถังไม่อาจที่จะรับได้
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ เสบียง กำแพงและคูเมือง ของวิเศษหรือยา ธุรกิจใดก็ตามที่ตระกูลถังมีส่วนร่วมในต้าลู่ ต้องมีพวกเขาเป็นนายเหนือ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
นับจากหลายพันปีก่อน ความโลภในผลประโยชน์และความปรารถนาในการควบคุมอย่างล้นเหลือได้กลายเป็นตัวกำหนดที่สำคัญที่สุดของตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ย ถึงกับเป็นสาเหตุของการดำรงอยู่ของพวกเขา สองสิ่งนี้ได้อยู่ในสายเลือดของสมาชิกทุกคนในตระกูลถังนานแล้วจนกลายเป็นความครอบงำ ดังนั้นต่อให้หลังเหตุนองเลือดของตำหนักอิงหัว พวกเขาก็ยังต้องการได้รับจากยาจูซามากขึ้น
และพวกเขาก็ต้องการที่จะรู้ให้ได้ว่าใครเป็นเจ้าของยาจูซามากกว่าใครทั้งนั้น
เมื่อเทียบกับอำนาจอื่นในโลก พวกเขาใกล้กับคนผู้นี้มากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย บางทียังมีชั้นหมอกที่กางกั้นระหว่างพวกเขากับคนผู้นั้นแต่พวกเขาก็เกือบจะมองรูปร่างที่แท้จริงออกแล้ว
อันที่จริงโรงเตี๊ยมนี้เป็นสินทรัพย์ของตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ย
ชายวัยกลางคนก็คือประมุขสิบเจ็ดของตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ย
เขาได้เดินทางไกลจากเวิ่นสุ่ยมายังศูนย์บัญชาการกองทัพซงซานเพื่อหาความลับที่ซ่อนอยู่ของยาจูซา
เสียงนบนอบแทบไม่อาจปกปิดความกลัวไว้ได้ดังมาจากหลังประตู
“สินค้าจากเฮยซานมาถึงแล้ว”
ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับข่าวนี้ ดวงตาเป็นประกาย
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผู้จัดการโรงเตี๊ยมนำทางเขามายังห้องลับด้านหลังโรงเตี๊ยม
ที่ใจกลางห้องลับมีโต๊ะขนาดใหญ่ทำจากหินดำตั้งอยู่ บนโต๊ะเป็นสินค้าที่ตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ยได้จ่ายไปอย่างมากมายมหาศาลเพื่อนำมันมาจากศูนย์บัญชาการกองทัพเฮยซาน
มันเป็นศพหนึ่ง
เป็นศพของผู้ชายที่ทนทุกข์จากการบาดเจ็บสาหัสที่สุด ใบหน้าและลำคอไหม้ดำ เห็นได้ชัดว่าถูกเผาด้วยเพลิงมารที่เป็นพิษ เสื้อผ้าที่หลุดไปครึ่งหนึ่งก็เห็นได้ชัดว่าเป็นชุดทหาร นิ้วของเขายาวเรียว สันหมัดปูดโปน แผลน่ากลัวบนหน้าอกยังมีร่องรอยของประกายดาวส่องแสงอยู่ ยังไม่สลายไปจนหมด
จากรายละเอียดนี้ก็บอกได้ว่านี่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรขั้นรวบรวมดวงดาวที่ตายในการรบกับยอดฝีมือเผ่ามาร มีโอกาสสูงมากที่เขาจะเป็นแม่ทัพของกองทัพต้าโจว
ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังเอาผ้าเช็ดมือขาวสะอาดออกมาจากแขนเสื้อและใช้มันปิดจมูกกับปาก ใช้ดวงตาออกคำสั่งให้ผู้จัดการโรงเตี๊ยมก้าวออกมา
ผู้จัดการเดินมาที่โต๊ะดำและหยิบมีดเล็กๆ ที่คมกริบ เขาตัดไปตามหน้าอกของศพ เริ่มจากบาดแผลที่มีอยู่และลากลงไป
มีดตัดผ่านท้องของศพพร้อมกับเสียงฉีกขาดเบาๆ ของเหลวสีเขียวเหม็นพุ่งออกมาและหยดลงบนโต๊ะ
ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังขมวดคิ้วเล็กน้อย ถือผ้าเข้าใกล้ใบหน้ามากขึ้นด้วยความรังเกียจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เบนสายตาจากไป
ก่อนหน้านี้ผู้จัดการโรงเตี๊ยมดูเหมือนกับคนรับใช้ที่อ่อนแอ แต่ในตอนนี้เขาดูเหมือนกับเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพที่มีประสบการณ์อย่างมาก
ผู้จัดการโรงเตี๊ยมยื่นมือเข้าไปในท้องศพโดยไม่ลังเล หลังจากคว้านไปมาอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นำถุงเล็กๆ ออกมา
ถุงนี้สร้างขึ้นจากวัตถุไม่ทราบชนิด ไม่ใช่หนังหรือกระดาษ ผิวของมันเป็นเงาอย่างมากและมันให้สัมผัสที่บางและเบา มันเห็นได้รางๆ ว่ามีบางอย่างอยู่ภายใน
อาจเป็นหินหรือไข่มุก
หรืออาจเป็นเม็ดยาก็ได้