ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 93 อีกฝั่งของเทือกเขา
ในที่แห่งหนึ่งบนเทือกเขาหิมะ แสงคบเพลิงฉีกความมืดมิดเป็นหลุมเล็กๆ จุดหนึ่ง
เทียนไห่จังอีจ้องไปที่จูเยี่ย สีหน้าน่าเกลียดผิดปกติ เขาถามด้วยความโกรธและอับอายอย่างที่สุด “เราจะไปแบบนี้หรือ”
จูเยี่ยตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย “ในสวนหมื่นหลิววันนั้น ใครกันที่บอกว่าคนผู้นั้นอยู่แดนใต้”
เทียนไห่จังอีหุบปาก
ในวันนั้นเขาอาศัยคำพูดของเซียงอ๋อง คำพูดที่ทรงอำนาจและยิ่งใหญ่ของท่านอ๋องซึ่งเป็นตัวแทนของราชวงศ์ต้าโตว ราชสำนักเชื่อมาตลอดว่าเฉินฉางเซิงซ่อนตัวอยู่ในแดนใต้ หากไม่ใช่ยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ในสำนักต้นไหว ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะอยู่ในเทือกเขาและเขายังเป็นเจ้าของยาจูซาอีกด้วย…
หนิงสือเว่ยหันไปหาจูเยี่ย ใช้สายตาถ่ายทอดคำถามเงียบๆ
“มีคนมากมายเกินไป”
คำตอบของจูเยี่ยเรียบง่ายทว่าแฝงไว้ด้วยคำพูดมากมายที่ไม่ได้เอ่ยออกมา
แม้ว่าพวกเขาจะออกห่างจากสวนนั้นมาแล้ว ทว่าก็ยังอยู่ไม่ไกลพอ พวกเขาต้องห่างไปอย่างน้อยพันลี้ ดังนั้นจูเยี่ยจึงพูดอย่างระมัดระวัง
หนิงสือเว่ยกับเทียนไห่จังอีล้วนเข้าใจ
มีคนมากเกินไปดังนั้นพวเขาต้องจากมา หากมีคนน้อยกว่านี้ คืนนี้จะจบลงต่างไปอย่างนั้นหรือ
เทียนไห่จังอีกัดฟันและพูดอย่างโกรธแค้น “พ่อค้าตระกูลถังพวกนั้นช่างลึกซึ้งชั่วร้ายจริงๆ”
ในสายตาเขา เมื่อยาจูซาเป็นเฉินฉางเซิงสร้างขึ้นและตระกูลถังแห่งเวิ่นสุ่ยก็ทำหน้าที่แจกจ่ายยา ตระกูลถังย่อมรู้เรื่องตัวตนของผู้สร้างอันลึกลับนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีหลักฐานที่ชี้ไปทางนั้นอยู่บ้าง ดังนั้นความอดกลั้นและการถอนตัวของประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังก็ย่อมเป็นเพราะเขาตั้งใจจะล่อลวงพวกเขาให้ขัดแย้งกับเฉินฉางเซิง
จูเยี่ยกับหนิงสือเว่ยคิดเช่นเดียวกัน
หากพวกเขาไม่รีบฉวยโอกาส ไม่ได้หน้าหนาเช่นนั้น ไม่ได้ถอยออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว สถานการณ์ที่ทะเลสาบอาจจบลงด้วยสถานการณ์ที่ไม่อาจแก้ไขได้
นี่ไม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่ง แน่นอน เฉินฉางเซิงมีพรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรสูงมาก เด็กสาวในชุดดำก็น่าจะเป็นอย่างคำเล่าลือ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่อาจจะสู้ได้หากพวกจูเยี่ยร่วมมือกัน แต่พวกเขาจะกล้าร่วงเกินสังฆราชต่อหน้าผู้คนมากมายได้อย่างไรกัน
แต่พวกเขาจะจากไปอย่างนี้จริงหรือ
จูเยี่ยพลันกล่าวขึ้น “คืนนี้เตือนข้าถึงพายุที่เมืองสวินหยางเมื่อไม่กี่ปีก่อน”
นี่ย่อมหมายถึงเรื่องเก่าที่ทั่วโลกพยายามจะฆ่าซูหลี
สถานการณ์ในตอนนี้ย่อมต่างไป สถานะของเฉินฉางเซิงกับซูหลีก็ต่างไป แต่ก็ยังมีส่วนคล้ายคลึงกัน
ไม่ว่าซูหลีหรือเฉินฉางเซิง ตราบใดที่พวกเขาปรากฏขึ้นในโลก หลายคนต้องมาฆ่าเขา
ต่อให้พวกเขาไม่อาจฆ่ากลางวันแสกๆ พวกเขาก็ต้องลอบฆ่าในที่ลับ พวกเขาไม่อาจถูกฆ่าต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่ก็สามารถถูกฆ่าในที่ลับ
พวกเขาล้วนเข้าใจความหมายของจูเยี่ย
การจากไปเป็นสิ่งที่ต้องทำ เป็นจุดยืนที่พวกเขาต้องแสดงออกมา แต่ในความเป็นจริง เฉินฉางเซิงก็พบว่ามันยากจะไปจากเทือกเขาหิมะได้ในคืนนี้
ที่พวกเขาจำเป็นต้องทำก็คือกระจายข่าวที่อยู่ของเฉินฉางเซิงออกไปให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันก็เตรียมที่จะซุ่มโจมตีในเทือกเขาที่เย็นเยียบมืดมิดนี้
ในตอนนี้เสียงกู่ฉินดังมาจากทางเดินภูเขามืดมิดตรงหน้าพวกเขา
เสียงนี้ฟังเหมือนแผ่วเบาราบเรียบ เหมือนละอองน้ำกลายเป็นเกล็ดหิมะ หิมะแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งก่อตัวเป็นทาง ทางที่เย็นเยียบอันตราย
……
……
ตระกูลถังย่อมไม่รู้ว่าเจ้าของยาจูซาคือเฉินฉางเซิง อย่างน้อยก็ก่อนหน้าคืนนี้ พวกเขามีความเห็นเช่นเดียวกับราชสำนัก เชื่อว่าเฉินฉางเซิงย่อมต้องซ่อนตัวอยู่สักแห่งในแดนใต้ แต่หลังจากที่ได้วิเคราะห์ยาจูซาอย่างสมบูรณ์และสงสัยว่าผลึกสีแดงเป็นปะการังโลหิต ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังจึงคิดถึงความเป็นไปได้นี้เป็นครั้งแรก
นี่เป็นแค่การคาดเดา เป็นความเป็นไปได้ที่ไม่อาจกำจัดได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ไม่มีหลักฐาน จากนั้นเขาจึงไม่คิดมากนัก อย่างน้อยก็จากที่แสดงออกภายนอก
แต่ในความเป็นจริง ข้อสันนิษฐานนี้ได้มอบความคิดให้กับเขา
เมื่อความนี้ผุดขึ้นมา ก็ไม่อาจที่จะกำจัดหรือสะกดไว้ มันลุกไหม้ราวกับไฟป่า ยิ่งมันโหมไหม้มากเท่าไหร่ เผาจนจิตใจเขายากจะพักได้
ตระกูลถังจะตกอยู่ในมือของสาขาหลักหรือสาขารองกันแน่
นี่ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของสองฝ่ายและท่าทีของประมุขผู้เฒ่า แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากภายนอกและความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสาขาทั้งสอง
สองปีที่ผ่านมา สาขารองได้รับความเชื่อใจจากประมุขผู้เฒ่าและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทำไมน่ะหรือ ก็เป็นเพราะประมุขรองได้สนับสนุนปรมาจารย์เต๋า
แล้วใครเป็นผู้สนับสนุนสาขาหลัก ไม่กี่ปีก่อนประมุขใหญ่ได้ส่งถังถังบุตรชายคนเดียวเข้าสำนักเทียนเต้า มอบเขาให้จวงจือห้วนสอนสั่ง จากจุดนี้ก็เห็นได้ว่าเขามีความสัมพันธ์อันดีกับนิกายหลวง มันยิ่งชัดเจนขึ้นในตอนนี้ เพราะทุกคนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างถังถังกับเฉินฉางเซิงดี ไม่ว่าจะถูกกดดันจากราชสำนักเพียงใด ไม่มีใครโง่พอจะยกเลิกความสัมพันธ์กับสังฆราช
หากสาขารองต้องการจะเอาชนะสาขาหลัก ควบคุมตระกูลถังเอาไว้ทั้งหมด พวกเขาต้องจัดการกับเรื่องนี้ก่อน ในฐานะคนที่ประมุขรองไว้ใจที่สุด ประมุขสิบเจ็ดได้คิดถึงเรื่องนี้นับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นเมื่อเขาคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เขาย่อมมีความคิดหนึ่งขึ้นมา
หากคนผู้นั้นเป็นเฉินฉางเซิงจริง เช่นนั้นแล้ว…มีความเป็นไปได้ที่จะฆ่าเขาหรือไม่
ไม่มีใครกล้าโจมตีสังฆราชกลางวันแสกๆ เทียนไห่จังอีไม่กล้า หนิงสือเว่ยไม่กล้า จูเยี่ยไม่กล้า แม้แต่ประมุขรองก็ไม่กล้า
ประมุขสิบเจ็ดย่อมไม่กล้าเช่นกัน แต่คืนหนึ่งเมื่อเขามองดูดวงตาเขาในกระจกทองเหลืองค่อยๆ หดตัวจากความกลัวและความทะเยอทะยาน เขาก็ตัดสินใจได้ในที่สุด
หากคนผู้นั้นไม่ใช่เฉินฉางเซิง ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะชิงตัวคนมารับใช้ หากคนผู้นั้นเป็นเฉินฉางเซิง ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะดู…ดูเฉินฉางเซิงตาย
เขาไม่พูดเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะเขียนถึงพี่รองเพื่อขอคำแนะนำ วิธีนี้หลังจากนี้เขาก็สามารถแสร้งเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น
เขาไม่ได้ทำอะไรมากจริงๆ ทั้งหมดที่เขาทำก็แค่ล้มเหลวในการปกปิดข่าวเรื่องที่อยู่เจ้าของยาจูซาให้ดี ปล่อยให้มีข่าวหลุดรอดไปได้
ส่งผลให้มีคนมากมายมาในคืนนี้
แม้ว่าพวกของจูเยี่ยจะจากไปแล้ว ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังก็รู้ว่าเฉินฉางเซิงนั้นยากจะไปจากเทือกเขานี้ได้
คนผู้นี้จะซ่อนอยู่ในความมืดและรอที่จะโจมตี
ที่สำคัญที่สุดจะมีคนมามากขึ้นในคืนนี้
ประโยคนี้ไม่ถูกต้องนัก เพราะที่มาไม่ใช่คน
ไม่มีคนกล้าโจมตีเฉินฉางเซิงกลางวันแสกๆ อย่างไรก็ตาม พวกนี้ไม่ใช่คนแต่เป็นมาร
ก่อนที่หมอกเหนือทะเลสาบจะจางหายไป ไม่มีใครรู้ว่าเฉินฉางเซิง สังฆราชองค์ปัจจุบัน จะเลือกใช้ชีวิตอยู่ในเทือกเขาที่ห่างไกลเช่นนี้
แต่เจ้าของยาจูซาอยู่ที่นี่
ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังเชื่อมั่นว่าตราบใดที่พวกมารรู้ข่าวนี้ พวกมันย่อมต้องส่งยอดฝีมือมาดูแน่
เผ่ามารย่อมไม่หวังจะกินยาจูซาหรือแย่งสูตรยาให้ตัวเอง แต่มาเพื่อฆ่า
ประมุขสิบเจ็ดตระกูลถังมองไปในความมืดแดนเหนือ ราวกับมองเห็นบางสิ่ง อันที่จริงเขาไม่เห็นอะไรเลย
ท้องฟ้าในที่แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยเมฆหิมะตลอดปี บดบังแสงดาวและทำให้ทุกอย่างมืดมัว แม้แต่ยอดเขาสูงยังยากจะมองเห็น
หานซานเป็นยอดเขาเหนือสุด เป็นเขตแดนธรรมชาติระหว่างมนุษย์กับมาร
ที่แห่งนี้หนาวเย็นอย่างมาก ลมเย็นเยียบเสียดกระดูก แม้แต่ในหมู่มารที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง ก็มีแค่ยอดฝีมือไม่กี่คนที่สามารถเดินทางข้ามมาได้
ในตอนนี้ อีกฝั่งของเทือกเขา เขาขนาดยักษ์จำนวนหนึ่งก็เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ แต่อันที่จริงตัดผ่านความมืดมาด้วยความเร็วสูงในยามที่เดินทางลงใต้