ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 10 คมกระบี่ต้องเผยตัว
การโจมตีของกวนเฟยไป๋ดูเรียบง่ายมาก แต่มันย่อมเป็นหนึ่งในวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเพลงกระบี่หลีซาน
ระหว่างการต่อสู้ในลั่วหยาง ตอนที่เจ้าสำนักกระบี่หลีซานในตอนนั้น อาจารย์ของซูหลีเห็นทวนหิมาลัยเทวาของจักรพรรดิไท่จง เขาก็คิดเพลงกระบี่นี้ขึ้นมา
เพลงกระบี่นี้เป็นกระบี่แห่งสนามรบ แต่เมื่อมันแทงออก มันก็เหมือนทวนที่ทะลวงฟ้า สามารถสู้กับคนนับพัน มันเรียกว่าคมกระบี่
มันหมายความว่าไม่เพียงคมกระบี่จะเผยออกมาจนหมด แต่คมกระบี่ต้องเผยตัวออกมา คมกระบี่จำเป็นต้องให้ทั้งโลกได้เห็น
เสียงลมโหยหวน คลื่นนับไม่ถ้วนในแม่น้ำโถมกระหน่ำ ต้นหญ้าขาดปลิวไปในอากาศ เป็นพลังที่สะเทือนแดนดิน
สองปีก่อน กวนเฟยไป๋สามารถทะลวงสู่ขั้นรวบรวมดวงดาวได้สำเร็จบนสนามรบในทุ่งหิมะ เขาในตอนนี้อยู่ขั้นกลางขึ้นรวบรวมดวงดาว แม่ว่าทุกคนจะรู้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะทางกระบี่ เขาก็ยังเยาว์อยู่มาก ระดับในปัจจุบันนั้นยังไม่อาจที่จะแสดงพลังของวิชาลับประจำสำนักนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่เขาใช้กระบวนท่านี้ออกมาอย่างไม่ลังเล ไม่กลัวว่าอาจได้รับแรงสะท้อนกลับจากเจตจำนงกระบี่
เพราะเขากำลังโกรธมาก และยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างเช่นกัน
หากเฉินฉางเซิงไม่มีกระบี่หมื่นเล่มคุ้มกัน ก็คงตายต่อหน้าต่อตาเขาไปแล้ว
……
……
ราตรีเหมันต์เย็นเยียบถูกตัดขาดเพราะพลังที่เผยออกมาจากคมกระบี่ วาดเป็นเส้นแสงสีขาวผ่านท้องฟ้า
เสียงดังตุ๊บหนักหน่วงรุนแรงสะท้อนผ่านต้นหญ้า ทำให้โคลนกระเด็นขึ้นในอากาศและร่างเล็กๆ สีเทาพุ่งออกมา
คนผู้นี้หลังค่อมตัวเตี้ยและสวมชุดดำ เป็นตัวประหลาดที่เฉินฉางเซิงได้พบในเมืองฮั่นชิวนั่นเอง
แผลกระบี่ลึกปรากฏขึ้นบนอกของตัวประหลาดอย่างชัดเจน นิ้วมือข้างซ้ายสองนิ้วถูกตัดขาด บาดแผลนี้น่าจะเกิดจากกระบี่ของเฉินฉางเซิง
แต่ที่ไหลออกมาจากบาดแผลบนหน้าอกหรือตอนิ้วที่ขาดนั้นไม่ใช่เลือดหากแต่เป็นของเหลวสีเทา
ตัวประหลาดจับจ้องไปที่กวนเฟยไป๋และส่งเสียงร้องแหลมออกมา
เสียงร้องของมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความต้องการฆ่า
ชั่วขณะที่คมกระบี่แทงใส่ตัวประหลาด กวนเฟยไป๋ก็รู้สึกถึงลางไม่ดีขึ้นในใจเช่นเดียวกับสัมผัสกระบี่ที่ส่งกลับมาอย่างชัดเจน
ผิวของตัวประหลาดนั้นเหนียวอย่างมาก เหมือนกับชุดเกราะหนังบางชนิดแต่ก็เหมือนกับโคลนเช่นกัน มันลื่นและยากที่จะใช้กำลัง
เขาไม่ลังเลที่จะใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดโดยไม่สนการสะท้อนกลับของเจตจำนงกระบี่ แต่เขาทำได้แค่ทิ้งบาดแผลเอาไว้บนร่างกายตัวประหลาดเท่านั้น ไม่อาจทำให้บาดเจ็บสาหัส!
เห็นตัวประหลาดพุ่งเข้ามา กวนเฟยไป๋ตึงเครียดแต่ก็ยังไม่หวาดกลัว เจตจำนงต่อสู้พุ่งขึ้นอีกครั้ง
กระบี่ยาวในมือสลายกลายเป็นผงจากการโจมตีอันรุนแรง เขามือเปล่าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเสียความสามารถในการต่อสู้
ในฐานะหนึ่งในเจ็ดคำโคลงแห่งแดนเทพ เขาจะแพ้ให้กับตัวประหลาดน่าเกลียดที่ดูเหมือนกับหนูยักษ์ได้อย่างไรกัน
ปราณไร้รูปแต่แหลมคมอย่างยิ่งรวมตัวอยู่ที่ท่อนแขน ลมถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ เมื่อสัมผัสกับมัน
เขาสมกับชื่อเสียงอัจฉริยะกระบี่แห่งสำนักกระบี่หลีซานจริงๆ เขาถึงกับสร้างกระบี่ธรรมขึ้นมาได้!
……
……
ตัวประหลาดนี้คุ้นกับการใช้ชีวิตในเงามืด เมื่อเห็นว่าการลอบสังหารเฉินฉางเซิงล้มเหลว ค่ายกลในอารามเต๋าถูกเปิดใช้และยอดฝีมือนิกายหลวงจะเข้ามาในไม่ช้า มันย่อมหันหลังกลับและจากไปในทันที มันไม่ยอมโอ้เอ้อยู่อีกแม้เพียงครู่เดียว เพราะมันไม่ต้องการที่จะเสี่ยง
แต่คืนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ มันพบว่าไม่อาจที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้
เมื่อมันได้รับบาดเจ็บจากคมกระบี่ มันก็เริ่มโมโหและเมื่อมันพบว่ามันได้รับบาดเจ็บจากเพลงกระบี่หลีซาน และคู่ต่อสู้เป็นศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักกระบี่หลีซาน ความโกรธของมันก็ลุกโหมมากขึ้น ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและผนึกที่ประทับไว้ในส่วนลึกของดวงวิญญาณก็เริ่มลุกไหม้ แผดเผาจิตใจจนเหลือแค่ความคิดเดียวเท่านั้น
ซูหลีต้องตาย! ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับซูหลีต้องตาย! ทุกคนในสำนักกระบี่หลีซานต้องถูกสังหาร!
ตัวประหลาดบินผ่านท้องฟ้า สายลมโหยหวนรอบกายมัน กลิ่นอายเหม็นเน่าแผ่แรงกดดันน่าหวาดกลัว!
ไม่ว่าในเมืองฮั่นชิวหรือในการโจมตีเมื่อครู่ ตัวประหลาดลงมือในเงามืดและพร้อมที่จะหลบหนี มันไม่เคยเผยความแข็งแกร่งเต็มกำลังเลยสักครั้ง มีแต่ตอนนี้ที่มันตัดสินใจจะฆ่ากวนเฟยไป๋ จึงได้แสดงระดับการบำเพ็ญตนที่แท้จริงออกมา ความแข็งแกร่งพุ่งขึ้นถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ!
เลือดไหลซึมจากมุมปากของกวนเฟยไป๋ เป็นผลสะท้อนกลับของเจตจำนงกระบี่และที่ถูกบีบให้ใช้กระบี่ธรรมออกมาหลังจากได้รับบาดเจ็บ
เห็นร่างอันชั่วร้ายน่ากลัวนี้ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาไม่ใช่คู่มือ แต่แล้วจะทำไม
เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเฉินฉางเซิง
ตราบใดที่เขายืนอยู่ตรงนี้ ตัวประหลาดก็ไม่อาจทำร้ายเฉินฉางเซิงได้
ส่วนตัวเขาเอง เขาเชื่อว่าหากตัวประหลาดต้องการจะล้มเขา ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสม
ใช่แล้ว ในฐานะศิษย์สำนักกระบี่หลีซานที่กล้าหาญและใจร้อนที่สุด เขาเลือกที่จะใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นกระบวนท่าแรก และตอนนี้เขาก็เลือกที่จะใช้กระบวนท่าที่โหดเหี้ยมที่สุด
กระบวนท่าสุดท้ายของเพลงกระบี่หลีซาน!
เขาเตรียมที่จะใช้ชีวิตแลกชีวิต บาดแผลต่อบาดแผล
เขาเชื่อมั่นอย่างมากว่าไม่ว่าบาดแผลของเขาจะสาหัสเพียงใด ตัวประหลาดนั่นก็ไม่อาจที่จะจากไปโดยไร้บาดแผล และอาจเป็นไปได้ที่จะลืมการหนีไป
เฉินฉางเซิงเพิ่งจะสลัดน้ำแข็งออกจากร่างกายและหัวใจ เมื่อเห็นภาพนี้เขาก็ตะโกน “ไม่!”
เขาในตอนนี้ไม่อาจเข้าใจกำลังและความตั้งใจของตัวประหลาดได้อย่างสมบูรณ์ แต่เขารู้ดีว่าร่างของตัวประหลาดนี้เต็มไปด้วยพิษร้าย
หากกวนเฟยไป๋ต้องการแลกบาดแผลต่อบาดแผล จุดจบของเขาย่อมไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด และเขาอาจต้องตาย
เฉินฉางเซิงตื่นขึ้นช้าไปชั่วขณะหนึ่ง เขาได้แต่ตะโกนเตือนเท่านั้น ไม่อาจทำอะไรอื่นอีก
มือขวาของกวนเฟยไป๋ฟันลงราวกับกระบี่ กระบี่ธรรมฟันลงอย่างไร้เสียงผ่านสายลม ไม่แม้แต่จะมองดูมัน ตัวประหลาดยื่นนิ้วที่เหมือนกับหนวดปลาหมึกออก
ปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็จะได้รับบาดเจ็บจากอีกฝ่าย หรือบางทีผลลัพธ์อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้น ใครจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้
ร่างเล็กพุ่งออกมาจากหน้าต่างอาราม
ในตอนนี้ร่างเล็กห่างจากการต่อสู้หลายสิบจั้ง ว่าตามเหตุผลเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไปถึงได้ทัน
แต่ความเร็วของร่างเล็กนี้เหนือว่าเหตุผล ดูเหมือนกับสายฟ้าจริงๆ
สายฟ้านี้หลบเลี่ยงโคลนและใบหญ้าอย่างประหลาดและโจมตีใส่ตัวประหลาดอย่างแม่นยำ
หากจะบรรยายให้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น ร่างเล็กนี้บินผ่านอากาศและชนเข้าใส่ตัวประหลาด
เสียงร้องคร่ำควรญดังขึ้นในราตรี หญ้ากับโคลนปลิวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ตัวประหลาดตกลงบนพื้หญ้าห่างไปหลายสิบจั้ง กระดูกแตกหักหลายท่อนระหว่างทาง
ร่างเล็กลงพื้นตรงหน้าเฉินฉางเซิงกับกวนเฟยไป๋ ร่างส่ายไหวอยู่ชั่วขณะ
นางคือหนานเค่อ
ตัวประหลาดรู้ว่าหนานเค่อมีความเร็วน่าตระหนกและไม่กล้าที่จะโอ้เอ้แม้แต่น้อย มันหันหลังกลับและขุดลงไปในพื้นหญ้า
หนานเค่อรู้ว่าหากตัวประหลาดนี้หนีไปใต้ดิน ก็ยากที่จะจับตัวได้ ดังนั้นนางจึงเตรียมที่จะไล่ล่า
ในตอนที่นางเตรียมจะเคลื่อนไหว ร่างของนางส่ายไหวอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่านางได้รับบาดเจ็บไม่เบาจากการปะทะเมื่อครู่
ในครั้งนี้มีอีกร่างที่กระโดดออกมาจากต้นไม้สูง
เจ๋อซิ่วมาถึงแล้ว
เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้านี้ เขาก็ไม่เสียเวลาคิดยิ่งไม่ทำการคำนวณ แค่พุ่งไปตามวิธีต่อสู้ในรูปแบบของตัวเอง
เขาพุ่งลงจากต้นไม้ราวกับดาวตกใส่รูที่เพิ่งถูกขุดบนพื้นหญ้า
เสียงดังตูม พื้นดินสั่นสะเทือน แม่น้ำสะท้าน ต้นหญ้า ใบไม้และโคลนกระเด็นขึ้นในอากาศอีกครั้ง บดบังแสงดาวและเพิ่มความหม่นมัวให้กับบริเวณนี้
ฝุ่นผงค่อยๆ จางลง เผยให้เห็นภาพบนพื้น หลุมใหญ่ลึกหนึ่งจั้งปรากฏบนพื้น สามารถมองเห็นคลื่นน้ำที่ก้นหลุม