ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 104 พบชิวซานกลางลำธารกระบี่ใหญ่
กระบี่แผ่เจตจำนงกระบี่เย็นเยียบ รวดเร็วและแข็งแกร่งถึงขีดสุด
ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือพลังที่แผ่ออกมาจากกระบี่พวกนี้ มันหนักแน่นมั่นคงราวกับภูเขาหรือประตูภูเขาที่สร้างขึ้นจากหิน
หลีซานไม่มีประตูภูเขา กระบี่พวกนี้ทำหน้าที่แทน
ถังซานสือลิ่วไม่ห่วงเรื่องกระบี่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ในทางกลับกันเขารู้สึกว่ามันน่าสนใจมากทีเดียว
เขากล่าวกับเฉินฉางเซิงอย่างตื่นเต้น “นี่เหมือนกับเพลงกระบี่ของเจ้า หรือว่าเจ้าเกิดมาเพื่อมาเรียนกระบี่ที่หลีซาน”
เจ๋อซิ่วสัมผัสถึงอันตรายได้ดีกว่าคนอื่นในกลุ่ม ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ว่ากระบี่พวกนี้สามารถโจมตีอย่างรุนแรงได้ทุกเมื่อ เขาก้าวออกไปและดึงถังซานสือลิ่วไปด้านหลังในขณะที่มือขวากุมด้ามกระบี่เอาไว้
แต่เขาลืมไปว่ากระบี่ของเขาเป็นกระบี่ธงชัยของผู้บัญชาการมาร สำนักกระบี่หลีซานเป็นฝ่ายธรรมะของมนุษยชาติ จึงไวต่อปราณของกระบี่ธงชัยอย่างยิ่ง
ขวับ ขวับ ขวับ ขวับ! กระบี่หลายร้อยเล่มบินออกมาจากเทือกเขาอย่างรวดเร็ว
เฉินฉางเซิงไม่มีเวลาจะโต้ตอบ แต่ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังและอันตรายจากกระบี่หลายร้อยเล่มก็ปรากฏขึ้นมาเองและเริ่มแผ่แสงเจิดจ้าออกมา
ปราณศักดิ์สิทธิ์ล้อมทางเดินหินเอาไว้
ดินแยกกระบี่ไม่ได้อยู่ในแสงนั่น
ทั่วทั้งหลีซานส่งเสียงหวีดหวิวโหยหวน!
กระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากเทือกเขา ทะลวงหมู่เมฆ พวกมันก่อตัวเป็นธารกระบี่ที่ไหลผ่านเทือกเขาปกป้องยอดเขาหลีซานเอาไว้!
นี่คือค่ายกลหมื่นกระบี่ปกป้องขุนเขาอันโด่งดังของหลีซาน!
แม้ว่ากระบี่ที่รวมตัวเป็นสายธารพวกนี้จะไม่โด่งดังเหมือนกับกระบี่ในสระกระบี่ แต่ก็คมกล้าอย่างยิ่งมีพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งของตัวมันเอง
อย่าว่าแต่พวกเฉินฉางเซิง แม้แต่โจวตู๋ฟูหรือจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ก็ยากที่จะปะทะกับค่ายกลหมื่นกระบี่ปกป้องขุนเขานี้ตรงๆ ได้
โชคยังดีที่สายธารกระบี่นี้แค่โคจรรอบเทือกเขาเท่านั้นไม่ได้โจมตีพวกเขาในทันใด
เฉินฉางเซิงกับเจ๋อซิ่วไม่อาจสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันใด พอเข้าใจอยู่บ้างว่ากระบี่พวกนี้ต้องการสิ่งใด เฉินฉางเซิงกำไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่เจ๋อซิ่วคลายมือออกจากกระบี่ ทั้งคู่ถอยไปหลายก้าว
สายธารกระบี่สูงเสียดฟ้าแต่เจตจำนงกระบี่น่าหวาดหวั่นของมันมาถึงพื้นดินแล้ว สามารถตัดทุกสิ่งบนทางเดินหินได้ทุกขณะโดยไร้ความหวังที่จะต้านทาน
ถังซานสือลิ่วรู้สึกโกรธอยู่บ้าง คิดในใจ หลีซานควรรู้ชัดเจนว่าใครมาแต่ก็ยังทำเรื่องแบบนี้ พวกมันตั้งใจแสดงพลังอย่างนั้นหรือ
เมื่อพวกเฉินฉางเซิงถอยไปด้านหลังหินแยกกระบี่ กระบี่หลายร้อยเล่มก็สงบลงบ้าง สายธารกระบี่กว้างใหญ่ก็เชื่องช้าลงเช่นกัน
“ช่างเหลวไหลจริงๆ”
ถังซานสือลิ่วกล่าวกับเฉินฉางเซิง “เจ้าเป็นศิษย์โดยตรงของผู้อาวุโสซูหลี เป็นคนของสำนักกระบี่หลีซานในทุกแง่มุม บางทีอาจอยู่รุ่นเดียวกับเจ้าสำนักด้วยซ้ำ แต่พวกศิษย์รุ่นหลังกลับกล้าใช้ค่ายกลหมื่นกระบี่ปกป้องขุนเขามาข่มขู่เจ้า เจ้าไม่โกรธบ้างหรือไง”
เฉินฉางเซิงรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีและกล่าวอย่างไร้กำลัง “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรทำอะไร”
ถังซานสือลิ่วประกาศ “เจ้าควรใช้ฐานะสังฆราชเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักกระบี่หลีซานแล้วก็กลายเป็นเจ้าสำนัก ทำให้ชิวซานจวินกับพวกโมโหจนตาย”
เขาพูดทั้งหมดนี้ออกมาเสียงดังอย่างยิ่ง ต้องการให้ทั่วทั้งหลีซานได้ยิน
“เจ้าสาระเลว ปากเจ้ายังเน่าเหม็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยหรือ”
เสียงที่ฟังดูคุ้นหูอยู่บ้างดังมาจากทางเดินเบื้องหน้าพวกเขา
ถังซานสือลิ่วกับเจ้าของเสียงนี้ทะเลาะกันมาหลายรอบ ดังนั้นเขาจึงจำได้ทันทีและเย้ยกลับไป “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าสิ่งที่ข้าพูดไปไม่มีโอกาสกลายเป็นจริง”
กวนเฟยไป๋เดินลงมาตามทางเดินหิน เขาต้องการที่จะตอบโต้กลับไปสักหน่อยแต่ก็ตระหนักว่าหากเฉินฉางเซิงได้เข้าสำนักกระบี่หลีซานจริงๆ ถ้าอย่างนั้นฐานะและระดับอาวุโสของเขาตามที่ถังซานสือลิ่วพูดเหลวไหลนั้นก็อาจเป็นจริงขึ้นมาได้ ส่งผลให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
ในตอนนั้นเอง เสียงอ่อนโยนแต่ผ่าเผยก็ดังขึ้นจากส่วนลึกของหมู่เมฆ
“การที่ร่างศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ให้เกียรติมาเยือนนั้นนับเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับทุกคนในหลีซาน”
ผู้พูดย่อมเป็นเจ้าสำนักของสำนักกระบี่หลีซาน
กวนเฟยไป๋ควบคุมอารมณ์และคำนับเฉินฉางเซิงอย่างจริงจังจากนั้นก็นำพวกเขาขึ้นสู่ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหมู่เมฆ
ในเวลาสั้นๆ พวกเขาก็มาถึงศาลาหินครึ่งทางขึ้นภูเขา
โก่วหานสือ เหลียงปั้นหู และผู้อาวุโสหอกระบี่กำลังรอพวกเขาอยู่ที่นี่
เมื่อสังฆราชมาเยือน สำนักอื่นคงไปต้อนรับเขาตั้งแต่นอกเขตสำนักและเจ้าสำนักก็ต้องไปต้อนรับด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม เฉินฉางเซิงไม่ได้นั่งเกี้ยวมา สำนักกระบี่หลีซานก็ไม่ใช่สำนักทั่วไป ที่พวกเขาทำนี้ก็นับว่ามีมารยาทอย่างมากแล้ว
โก่วหานสือกับเหลียงปั้นหูคำนับเฉินฉางเซิง
ชื่อของเหลียงเสี้ยวเซียวได้หายไปจากใจของคนทั่วไปแล้ว แต่เป็นไปไม่ได้ที่เฉินฉางเซิงจะลืม เขามั่นใจว่าเหลียงปั้นหูก็ไม่อาจลืมเช่นกันทำให้บรรยากาศระหว่างพวกเขาประหลาดอยู่บ้าง
บรรยากาศนี้สลายลงอย่างรวดเร็วจากสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา ผู้อาวุโสจากหอกระบี่คุกเข่ากราบเฉินฉางเซิง
เฉินฉางเซิงตกใจอย่างมาก บอกได้ว่าผู้อาวุโสทุกคนของหอกระบี่สำนักกระบี่หลีซานมีระดับการบำเพ็ญเพียรที่สูงล้ำ ผู้อาวุโสทุกคนมีพลังการต่อสู้โดดเด่นอีกทั้งยังมีนิสัยเย่อหยิ่งถือดี แม้แต่ฐานะสังฆราชของเขาก็ไม่เพียงพอที่จะให้ผู้อาวุโสคุกเข่ากราบ
เขานึกถึงเรื่องที่กวนเฟยไป๋เคยพูดระหว่างเดินทางได้อย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสหอกระบี่ของสำนักกระบี่หลีซานได้ล่าถอยออกจากการศึกบนทุ่งหิมะแต่ถูกยอดฝีมือเผ่ามารล้อมเอาไว้และเกือบจะเสียชีวิตลง สุดท้ายเขารอดมาได้เพราะยาจูซา ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว ผู้อาวุโสที่กล้าหาญหาใดเปรียบคนนี้น่าจะเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าเขา
เมื่อเขาคิดดูแล้ว เฉินฉางเซิงก็รีบพยุงผู้อาวุโสขึ้นและคำนับกลับอย่างจริงจัง ในมุมมองของเขา คนอย่างผู้อาวุโสที่เข้าร่วมศึกเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติเป็นคนที่คู่ควรแก่การเคารพอย่างแท้จริง ในทางกลับกันที่เขาทำก็แค่ใช้เลือดของเขาทำยาจูซาไม่กี่เม็ด ไม่อาจนับเป็นอะไรได้
ไม่มีการพูดคุยอะไรอีกระหว่างที่พวกเขาเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา
ในตอนนี้ศิษย์สำนักกระบี่หลีซานหลายร้อยคนได้มารวมตัวกันที่ยอดเขาแล้ว คาดว่าประกายกระบี่บนที่ราบสูงทั่วหลีซานคงลดลงไปมาก
เมื่อศิษย์พวกนี้มองไปที่พวกเฉินฉางเซิง ดวงตาของเขาทั้งสงสัยและระแวดระวัง
ศัตรูและคู่แข่งในอดีตได้เปลี่ยนเป็นพันธมิตรและเพื่อนร่วมรบในตอนนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักกระบี่หลีซานกับสำนักฝึกหลวงนั้นซับซ้อนอย่างมาก ดังนั้นสายตาพวกนั้นจึงมีความซับซ้อนอย่างมากเช่นกัน
ที่น่าขันก็คือศิษย์เพียงเล็กน้อยที่มองไปทางเฉินฉางเซิงในขณะที่อีกไม่กี่คนที่มองไปทางถังซานสือลิ่ว อย่างไรก็ตาม ศิษย์ส่วนใหญ่ต่างมองไปทางเจ๋อซิ่ว ดูกระสับกระส่ายตอนที่กระซิบกระซาบกัน
เป็นธรรมดาว่าไม่ใช่เพราะเจ๋อซิ่วมีชื่อเสียงในสนามรบ แต่เป็นเพราะความสัมพันธ์ของเขากับชีเจียน
โก่วหานสือขมวดคิ้วเล็กน้อยกับภาพนี้ ทำให้ศิษย์หยุดพูดคุยกันในทันทีและกลับสู่ท่าทีมีสัมมาคารวะ
หลังจากเดินผ่านฝูงชน พวกเขาก็เห็นถ้ำที่มีเถาวัลย์ปกคลุมแต่ไกล คาดว่าเป็นที่อยู่ของเจ้าสำนัก
พื้นหินตรงหน้าถ้ำสูงกว่าบริเวณโดยรอบเล็กน้อย สามารถมองเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่ายืนอยู่กลางฝูงชนนับพัน คนผู้นั้นก็ยังเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นอยู่ดี
ชิวซานจวินหันกลับมาและมองไปที่พวกเฉินฉางเซิง
เฉินฉางเซิงมองไปที่เขา ไม่รู้จะพูดอะไรดี
เมื่อวานตอนที่พวกเขาตัดสินใจมาหลีซาน เขาก็คิดถึงภาพนี้ไว้แล้ว
เขาเคยจินตนาการว่าชิวซานจวินจะหาข้ออ้างเลี่ยงไม่พบหน้ากัน แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าชิวซานจวินจะเป็นชิวซานจวินได้อย่างไรถ้าเขาหลบเลี่ยงการพบหน้า