ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 122 คณะทูตจากดินแดนต้าซี
ยอดฝีมือเผ่าปีศาจและองครักษ์ปีศาจแม่น้ำแดงทำตามคำสั่งจักรพรรดินี ค้นเมืองหาที่อยู่ของเปี๋ยยั่งหงกับภรรยา เมื่อรวมกับเหตุการณ์เมื่อวาน เมืองไป๋ตี้ก็อยู่ในบรรยากาศที่ตึงเครียด เมืองน้อยในบริเวณปิดประตูที่หันหน้าเข้าหาป่าและเทือกเขา
เมฆหมอกในเทือกเขายากที่จะสลายหายไป มีแต่ตอนที่ดวงตะวันอยู่บนจุดสูงสุดและลมพัดแรงที่สุดจึงจะมีโอกาสเห็นต้นไม้ใหญ่เก้าต้นที่สูงเสียดฟ้า และในตอนนี้ ดวงตามากมายก็มองไปทิศทางหนึ่งของเทือกเขา
อีกฝั่งหนึ่งของเทือกเขากว้างใหญ่เป็นทะเลตะวันตก ลึกเข้าไปในทะเลตะวันตกมีดินแดนต้าซีในตำนานอยู่
ข่าวลือล่าสุดบอกว่าองค์ชายรองแห่งดินแดนต้าซีมายังเมืองไป๋ตี้เพื่อแต่งงานกับองค์หญิงลั่วลั่ว
ข่าวลือได้รับการพิสูจน์แล้วในวันนี้ ประตูของเมืองน้อยที่หันหาเทือกเขาล้วนเปิดออก ถนนหลวงสั่นสะเทือน สัตว์อสูรเตลิดหนี
คณะทูตจากดินแดนต้าซีกำลังจะมาถึงเมืองไป๋ตี้เป็นตัวแทนขององค์ชายรอง เป้าหมายที่เปิดเผยของคณะทูตก็คือมาร่วมงานฉลองวันเกิดของจักรพรรดิขาว ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างดินแดนต้าซีกับจักรพรรดินี ย่อมไม่มีเหตุผลให้เผ่าปีศาจปฏิเสธคณะทูต เมื่อคณะทูตมาถึงเมืองไป๋ตี้ในที่สุด บรรยากาศตึงเครียดที่ดำรงอยู่มาหนึ่งวันหนึ่งคืนก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย มีชาวบ้านเผ่าปีศาจมากมายอออยู่ริมถนนเพื่อมองดูอย่างอยากรู้อยากเห็น
มีสายตาที่มองไปทางดินแดนต้าซีเช่นกันแต่มันเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวังหาใดเปรียบ นั่นเป็นสายตาของเผ่ามนุษย์
เมืองไป๋ตี้มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญของเผ่ามนุษย์อยู่สามแห่ง
มันคือสถานทูตของราชสำนักต้าโจว อารามเต๋าซีหวงของนิกายหลวง กับหอการค้าของตระกูลถังที่เป็นตัวแทนของอำนาจในแดนใต้
ปฏิกิริยาแรกของทูตราชสำนักกับผู้จัดการของตระกูลถังเมื่อได้รู้ข่าวนี้ก็คือ หากเมืองไป๋ตี้เตรียมที่จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับดินแดนต้าซีจริง พวกเขาก็น่าจะเตรียมการเอาไว้อย่างดี ไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากแจ้งข่าวไปที่ราชสำนักกับเมืองเวิ่นสุ่ยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
มุขนายกแห่งอารามเต๋าซีหวงที่เป็นตัวแทนนิกายหลวงย่อมรู้ว่าเรื่องนี้ยากทีจะห้ามได้ แต่ตอนนี้ทั่วทั้งต้าลู่รู้ว่าราชสกุลแห่งดินแดนต้าซีตั้งใจที่จะทำร้ายสังฆราช แล้วพวกเขาจะยืนมองคนตระกูลนี้แต่งงานกับศิษย์ของสังฆราชได้อย่างไรกัน
ตอนที่คณะทูตดินแดนต้าซีเข้าวังหลวง อารามเต๋าซีหวงของนิกายหลวงก็ส่งจดหมายคัดค้านไปถึงวังหลวงในเวลาเดียวกัน ถ้อยคำที่ใช้เด็ดขาดจนแทบจะเป็นหนังสือท้ารบ ในเวลาเดียวกันมหามุขนายกประจำอารามก็ฉีกเทียบเชิญเข้างานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับคณะทูตต่อหน้าผู้ศรัทธาเผ่าปีศาจหลายพันคนและยังย่ำเศษซากของมัน ไม่ไว้หน้าเผ่าปีศาจเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินและยืนยันข่าวนี้แล้ว ทูตต้าโจวกับหอการค้าตระกูลถังก็ปฏิเสธเทียบเชิญงานเลี้ยงคืนนี้เช่นกัน แต่ก็ทำอย่างอ่อนโยนกว่ามาก
ไม่ว่าจุดยืนของเผ่ามนุษย์จะเป็นอย่างไร งานเลี้ยงคืนนี้ก็ยังดำเนินต่อไปตามปกติ
ในคืนนั้นเมืองไป๋ตี้ประดับประดาไปด้วยโคมไฟและธงมากมาย วังหลวงที่อยู่สูงสุดก็สว่างเจิดจ้า น้ำมันเผาไหม้ไปทั่วพื้นที่เฉลิมฉลอง
แม้แต่หลังงานเลี้ยงจบลงการฉลองก็ไม่ลดลง แม้ว่าแขกผู้มีเกียรติอย่างทูตจากดินแดนต้าซีจะไปพักผ่อนแล้วก็ยังมีแขกอีกมากที่ไม่เลิกฉลอง
เมื่อเห็นเงาร่างของแขกเหรื่อที่ยังอยู่ในวัง องครักษ์ปีศาจแม่น้ำแดงหลายร้อยคนที่รับหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวังหลวงจึงเป็นกังวลอย่างมาก ถึงกับออกอาการกระวนกระวาย อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่กล้าที่จะไล่แขกหรือพยายามโน้มน้าวให้กลับ นี่เป็นเพราะแขกเหล่านี้ล้วนเป็นคนสำคัญของเผ่าปีศาจ บางคนเป็นพ่อของพวกเขาด้วยซ้ำ
คนสำคัญของเผ่าปีศาจเหล่านี้รวมถึงแม่ทัพและขุนนาง แต่ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของสภาผู้อาวุโส
สภาผู้อาวุโสเผ่าปีศาจคล้ายกับสภาผู้อาวุโสเผ่ามารอยู่บ้าง แต่มันแข็งแกร่งและมีสถานะสูงกว่า เผ่าปีศาจเป็นการรวมตัวกันของเผ่าย่อยๆ สามร้อยกว่าเผ่า ผู้นำจากเผ่าเหล่านี้ยี่สิบเจ็ดคนจากเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดและมีประวัติศาสตร์ยาวนานได้เป็นสมาชิกของสภาผู้อาวุโส อีกสิบกว่าตำแหน่งเลือกมาจากเผ่าที่เหลือ นี่คือการคัดคนเข้าสภาผู้อาวุโส มันเรียบง่ายมาก ยิ่งอยู่มานาน ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งมีตำแหน่งสูง
ในตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าปีศาจเป็นผู้นำตระกูลเซียง
มีข่าวลือว่าผู้อาวุโสใหญ่มีความแข็งแกร่งสูงเทียมฟ้า แม้ว่าเขายังไม่เข้าสู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาก็มีความสามารถที่จะสู้กับยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ได้
ผู้อาวุโสใหญ่มีร่างกายใหญ่โตจึงดูเด่นมากเมื่อยืนอยู่หน้าโถงตำหนัก ดูราวกับภูเขาทีเงียบงัน
ความเงียบของเขาไม่ได้ทำให้การสนทนาในโถงเงียบลง ในทางกลับกัน แขกคนอื่นดูเหมือนจะมึนเมา เสียงสนทนายิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น
บทสนทนานี้ย่อมเกี่ยวข้องกับคณะทูตจากดินแดนต้าซี แล้วยังมีเหตุการณ์เมื่อวานนี้อีกด้วย ดังนั้นจึงมีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วในช่วงนี้
องค์หญิงลั่วลั่วจะแต่งงานจริงหรือ จำเป็นต้องรีบเร่งแบบนี้ด้วยหรือ อาการป่วยของฝ่าบาทยังไม่ดีขึ้นอีกหรือ แล้วทำไมเป็นองค์หญิงลั่วลั่วไม่ได้ แม้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์เผ่าปีศาจมาก่อน แต่องค์สังฆราชก็แก้ปัญหาให้นางแล้วไม่ใช่หรือ
ข่าวลือหนึ่งสร้างข้อสันนิษฐานได้มากมาย ทั้งสมาชิกสภาผู้อาวุโสและแม่ทัพเผ่าปีศาจต่างก็คาดเดาต่อข่าวลือที่แพร่สะพัดนี้ไปต่างๆ นานาและมีคำถามมากมายเช่นกัน
แน่นอนไม่ว่าองค์หญิงลั่วลั่วจะยินดีแต่งงานออกไปหรือไม่และนางจะแต่งกับใครล้วนส่งผลกับพวกเขาน้อยมาก เพราะจักรพรรดิแห่งเผ่าปีศาจก็มาจากเผ่าจักรพรรดิขาวเสมอ พวกเดียวที่มีสิทธิ์สนใจก็คือพวกสาขาของเผ่าจักรพรรดิขาว ที่ตอนนี้นิ่งเงียบและเก็บตัว ไม่กล้าที่จะแสดงความเห็นด้วยกลัวว่าจะล่วงเกินจักรพรรดิขาวกับจักรพรรดินี
แต่นางจะแต่งให้กับองค์ชายรองของดินแดนต้าซีจริงหรือ
มู่ฮูหยินเดินช้าๆ เข้ามาในโถงที่ดูเหมือนจะว่างเปล่าอยู่บ้างเมื่อเทียบกับขนาดที่กว้างใหญ่
ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจ แม่ทัพและขุนนางในโถงคำนับพร้อมกัน
ผู้อาวุโสใหญ่เผ่าปีศาจร่างยักษ์มีเสียงที่ทุ้มลึกและฮึกเหิม เหมือนกับเสียงสะท้อนจากส่วนลึกของเทือกเขา
แต่เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา เป็นไปตามนิสัยของเผ่าปีศาจที่ใช้ในการเจรจา
“เหนียงเหนียง ท่านเตรียมจะให้องค์หญิงแต่งกับหลานชายของท่านจริงหรือ”
ผู้อาวุโสใหญ่มองไปที่มู่ฮูหยิน มือขวากำด้ามขวานไม่พยายามที่จะซ่อนการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
“หากเป็นเช่นนั้น เราจะขบถ”
มู่ฮูหยินดูเล็กมากเมื่ออยู่ตรงหน้าเขา ดูราวกับคนแคระ แต่นางกลับดูน่าเกรงขามยิ่งกว่า
นางกล่าวกับผู้อาวุโสใหญ่อย่างเรียบเฉย “ถ้าอย่างนั้นก็ขบถให้ดี”
คำพูดอย่างเฉยชานี้ช่างกดขี่อย่างที่สุด
นางเป็นจักรพรรดินีมาหลายร้อยปี มีความรักลึกซึ้งกับจักรพรรดิขาว เป็นเวลาหลายปีนับจากที่นางเป็นสาวน้อยที่เข้าสู่ดินแดนของเผ่าปีศาจเป็นครั้งแรก และนางมีชื่อเสียงอย่างมากในเผ่าปีศาจ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเผ่าต่างๆ หรือนักล่าหนุ่มสองฝั่งแม่น้ำแดง พวกเขาล้วนมองนางเป็นดั่งเทพเจ้า ไม่กล้าที่จะไม่เคารพนางเลยแม้แต่น้อย
ห้องโถงเงียบงันไปเพราะคำประกาศนี้ ไม่มีใครกล้าพูด มีแต่เสียงลมพัดใส่ผนังหินเท่านั้น
ต่อให้ผู้อาวุโสใหญ่ก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมาก เขาคิดเงียบๆ ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว “เขาต้องการคำอธิบาย”
มู่ฮูหยินกล่าวอย่างเรียบเฉย “ข่าวลือก็คือข่าวลือ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้นางแต่งออกจริงแล้วทำไมผู้อาวุโสต้องคัดค้านด้วย”
สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ไม่เปลี่ยนในยามที่เขากล่าวไม่สะดุ้งสะเทือน “เหนียงเหนียงควรรู้ว่าทำไม”