ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 127 ทั้งโลกคัดเลือก
นางกำนัลหลี่เดินเข้ามา มองไปที่ลั่วลั่วในขณะที่ลังเลว่าจะพูดดีไหม
ลั่วลั่วรู้ว่านางคิดอะไรและกล่าวเสียงเบา “ท่านแม่กับข้าคิดต่างกัน…แบบนี้ไม่เป็นประโยชน์กับดินแดนต้าซีเลย”
นางกำนัลหลี่กล่าวอย่างเสียใจ “องค์หญิงจะแต่งงานไปอยู่ที่ห่างไกลจริงหรือ”
องค์หญิงของเผ่าปีศาจแต่งออกให้เมืองเสวี่ยเหล่า เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นมานานสองพันปีแล้ว
ลั่วลั่วคิดเงียบๆ ในใจ หากมันสามารถป้องกันสงครามได้จริงๆ บางทีมันอาจไม่เป็นไรก็ได้ มันยังดีกับอาจารย์อีกด้วยแต่…
ราชามารหนุ่มน่าจะไม่เข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิต แล้วทำไมถึงได้ต้องทำเรื่องวุ่นวายนอกวังด้วย ต่อให้ราชามารหนุ่มแต่งกับข้าจริง เขาก็ไม่รออยู่ในเมืองไป๋ตี้เพื่อขึ้นครองบัลลังก์ดังนั้น…เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
……
……
คณะทูตดินแดนต้าซีมาถึงแล้วและพิธีสวรรค์พิจิตก็เริ่มต้นขึ้น ต้นไม้สวรรค์อยู่ในหมอกสองฝั่งแม่น้ำแดงเริ่มส่งเสียงทุ้มต่ำ
แม้ว่าจะมีข่าวลือว่าจักรพรรดินีได้เลือกองค์ชายรองแห่งดินแดนต้าซีเป็นว่าทีสามีองค์หญิงลั่วลั่วเอาไว้แล้ว ชายหนุ่มเผ่าปีศาจมากมายก็ยังเดินทางข้ามเทือกเขาและป่าตลอดทั้งคืนมายังเมืองไป๋ตี้ พวกเขาส่วนใหญ่เข้าเมืองไป๋ตี้เมื่อหลายวันก่อนเพื่อเตรียมการ
เมื่อสภาผู้อาวุโสสามารถทำให้พิธีนี้เป็นไปตามกฎของเผ่าปีศาจได้สำเร็จ ทุกคนจึงมีโอกาส ตราบใดที่ได้รับเลือก พวกเขาก็จะถูกส่งให้เพลิงเถื่อนแห่งต้นไม้สวรรค์เพื่อให้วิญญาณบรรพบุรุษทำการเลือก แล้วเป็นไปได้หรือที่วิญญาณบรรพบุรุษของเผ่าต่างๆ จะลำเอียงเข้าข้างคนนอกจากดินแดนต้าซี
ตอนเช้าตรู่ ดวงตะวันไม่อาจส่องแสงผ่านหมอกหนาที่ปกคลุมสองฝั่งแม่น้ำแดง ด้านนอกยังคงมืดมัวแต่เมืองไป๋ตี้ตื่นขึ้นแล้ว
เสียงรัวกลองดังขึ้นจากที่ต่างๆ ชาวเผ่าปีศาจจากเผ่าต่างๆ คำนับให้กับต้นไม้ใหญ่จนยากที่จะมองออกได้ในเมฆหมอกจากนั้นก็เริ่มเต้น
เมื่องานฉลองดำเนินไป ต้นไม้ใหญ่ยักษ์เก้าต้นก็เริ่มเด่นชัดขึ้น ความร้อนที่พวกมันสร้างขึ้นนั้นรับรู้ได้แม้จะอยู่ห่างไปหลายลี้ เหมือนกับมีเพลิงที่มองไม่เห็นลุกขึ้นจากพื้นดิน และเริ่มแพร่ไปทั่วโลกจากต้นไม้สูงใหญ่นั่น
เมื่อกลองรบดังและธงจากเผ่าต่างๆ พลิ้วไสวบนถนนของเมืองไป๋ตี้ ยอดฝีมือหนุ่มจากดินแดนเผ่าปีศาจอันกว้างใหญ่ก็ออกจากห้องโถงประชุมของเผ่าตัวเอง ตามมาด้วยผู้อาวุโสและเพื่อนพ้อง ความหวังและกังวลฉายบนใบหน้าตอนที่พวกเขาเดินไปยังวังหลวงที่จุดสูงสุด
ฝูงชนมากมายมารวมตัวกัน ความเงียบผิดปกติของพวกเขาดูน่ากลัวอยู่บ้าง ในส่วนลึกของทะเลอันเงียบงันเป็นรถม้าที่สะดุดตาทีเดียว เพราะธงบนรถม้าไม่ใช่ธงธรรมดาแต่เป็นธงอ๋องที่พลิ้วไหวอยู่ในสายลม
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่รถม้า ไม่ว่ายอดฝีมือหนุ่มจากเผ่าต่างๆ จะมีความมั่นใจและเย่อหยิ่งเพียงใด ก็ยังแสดงสีหน้าเคารพออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นเพราะธงนี้เป็นตัวแทนของอำนาจสูงสุดในแดนใต้ของเผ่าปีศาจ ตระกูลซื่อและเพราะมีชายนั่งอยู่ใต้ธงนั้น
คนผู้นี้มีสีหน้าเรียบเฉย ผมดำพลิ้วไปตามสายลมและแสงสีเหลืองส่องประกายขึ้นบนดวงตาเขาอยู่เป็นระยะๆ ร่างกายแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวและแข็งแกร่งอย่างที่สุด เขาเป็นเป็นยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์สูงสุดในเผ่าปีศาจช่วงสองร้อยปีมานี้ เนื่องจากหวังผ้อทะลวงผ่านไปแล้วและเซียวจางอยู่ในสถานะผู้หลบหนี เขาจึงก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับสองบนประกาศเซียวเหยา
เสี่ยวเต๋อคือชื่อเขาและซื่อคือแซ่ของเขา เขาเป็นตัวแทนเจตจำนงของเผ่าปีศาจในแดนใต้ และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือตัวเขาเองก็น่าเกรงขามหาใดเปรียบเช่นกัน มันไม่ใช่ความลับที่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เขามีเจตนาแน่วแน่ที่จะแต่งกับองค์หญิงลั่วลั่วและกลายเป็นจักรพรรดิขาวคนต่อไป
ไม่มีใครประหลาดใจแต่อย่างใด ที่เขาซึ่งนิ่งเงียบในช่วงหลายวันที่วุ่นวายนี้ แต่กลับมาปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้
หากยอดฝีมือระดับนี้ต้องการที่จะเข้าร่วมพิธีสวรรค์พิจิต ใครจะสู้กับเขาได้
องค์ชายรองของดินแดนต้าซีตื่นขึ้นและล้างหน้าแต่งตัวแล้ว เขากำลังอ่านหนังสือตอนที่เขาดูเหมือนได้ยินบางอย่าง เขาคิดเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มลึกลับ เขาวางหนังสือลงและรัดเข็มขัดสีเหลือง เดินออกไปจากวังหลวง
หมอกไม่ได้จางหายไป แต่เหมือนจะผสานรวมกับทรายเหลือง
ราชามารหนุ่มไม่ได้ก้าวเข้าห้องแต่เลือกที่จะนอนบนผืนทราย เอามือหนุนศีรษะ ขาข้างหนึ่งชันขึ้นและดวงตาปิดสนิท ดูกำลังผ่อนคลายอย่างมาก
หากคนอื่นรู้ตัวตนของเขา เขาคงตกอยู่ในวงล้อมที่น่ากลัวที่สุด แต่เขาก็ดูเหมือนไม่สนใจ เสียงกลองที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเขา หลังจากเวลาผ่านไป เขาลืมตาขึ้นในที่สุด ลุกขึ้นและปัดทรายออกจากร่าง เดินไปยังประตูหลัง
เขาจ้องไปที่รูปสลักหินทั้งสองตอนที่หยิบหมวกไผ่สานออกมาและวางไว้บนศีรษะ แล้วจากไป
รูปสลักหินหายไปเช่นกัน ที่ตรงนั้นมันกลายเป็นที่ว่างไปแล้ว ทรายฟุ้งขึ้นในสายลมอ่อนยามเช้าและฝังเลือดสีทองเมื่อวานนี้เอาไว้ในที่สุด
เซวียนหยวนผ้อตื่นเข้ามาก พูดให้ชัดเจนก็คือ เขาไม่ได้นอนมากนักเมื่อคืนนี้
ห้องเขาในตอนนี้ถูกคู่สามีภรรยาที่ยากจะเข้าใจได้ยึดครอง ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาทั้งคืนนั่งอยู่ในลานบ้าน
แต่ที่เขานอนน้อยไม่ใช่เพราะขาดความสบาย เขาแค่เป็นกังวลกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เสียงตีกลองรบดังก้องอยู่ในหูเขา แต่ละครั้งกระตุ้นให้เขาออกเดินทาง
แต่ก่อนหน้านั้น เขายังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่
นี่เป็นนิสัยที่เขาสร้างขึ้นจากการอาศัยร่วมกับเฉินฉางเซิงในสำนักฝึกหลวง
ยิ่งภารกิจสำคัญมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งสุขุมขึ้นเท่านั้น ต่อให้ไม่อาจสงบใจได้ อย่างน้อยก็ต้องทำสิ่งที่สำคัญที่สุดให้ได้
เขาเปิดประตูและเข้าไปในห้อง เขาถามผ่านประตูกระดาษ “ข้าจะไปซื้ออาหารเช้า ต้องการจะกินอะไร”
……
……
ต้นไม้สวรรค์ใหญ่ยักษ์เก้าต้นตั้งอยู่ในหมอก แผ่คลื่นความร้อนที่แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็มีอยู่จริงออกมา
ไม่ได้มีพายุจากทะเลตะวันตก แต่แม่น้ำแดงเริ่มเกิดคลื่นใหญ่ ซัดใส่ริมฝั่งอย่างรุนแรง
ไม่มีเผ่าปีศาจที่รู้สึกกลัว เพราะพวกเขารู้ว่ามันเป็นเพราะสัตว์ขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำแดง
สัตว์ขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำแดงนี้เรียกว่าจิง พวกมันมีร่างกายใหญ่ยักษ์แต่มีนิสัยอ่อนโยนมาก พวกมันอาศัยอยู่โดยกินพืชน้ำสีแดงที่เติบโตอยู่ในแม่น้ำแดง ไม่เคยทำร้ายสิ่งมีชีวิตใดๆ เผ่าปีศาจนับถือพวกมันเป็นผู้พิทักษ์ คลื่นยักษ์บนแม่น้ำแดงแสดงว่าจิงสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเพลิงเถื่อนและกำลังฉลอง
เมืองไป๋ตี้ก็มีการฉลองเช่นกัน แม้ว่าข่าวลือจะบรรยากาศตึงเครียดจะดำเนินมาสองวันทำให้เกิดความกระวนกระวายอยู่บ้าง งานพิธีสวรรค์พิจิตก็ยังเป็นงานใหญ่ที่หาได้ยากของเผ่าปีศาจ ผู้คนทิ้งความกังวลไว้เบื้องหลังและเริ่มเต้นรำไปกับเสียงรัวกลอง
กำแพงหินหลายร้อยแผ่นถูกใช้แบ่งแยกเขตซึ่งมีผู้คนอยู่แน่นขนัด มันเหมือนกับว่ากำแพงพวกนี้พลันสูงขึ้นในเวลาแค่คืนเดียว แม้ว่างานนี้จะไม่ค่อยเรียบร้อยนักก็ตาม เมื่อผู้คนมองเห็นชายหนุ่มเดินตรงไปยังลานประลอง พวกเขาก็โบกไม้โบกมือ ตะโกน กระโดดโลดเต้น และกำแพงหินที่เพิ่งจะถูกเสริมความสูงขึ้นก็ดูเหมือนจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อย
ดูเหมือนกับทั้งโลกกำลังฉลอง