ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 137 หากมีเรื่องก็ให้ศิษย์เป็นคนจัดการ
ตรงหน้าเมืองพระราชวังเงียบงันอย่างมาก ดังนั้นบทสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่กับเซวียนหยวนผ้อจึงชัดเจนในหูของทุกคนตรงนี้
สำนักฝึกหลวง? เซวียนหยวนผ้อ?
ยังคงเงียบงัน แม้ความเงียบครั้งนี้จะอยู่ได้ไม่นานก่อนที่จะเกิดเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น เสียงกระซิบยิ่งนานยิ่งดังจนกลายเป็นเสียงอื้ออึง ปนไปด้วยเสียงร้องอย่างประหลาดใจ ในที่สุดก็กลายเป็นเสียงโครมครามของกระแสน้ำ
ฝูงชนจำข่าวลือเมื่อหลายปีก่อนได้
ว่ากันว่าผู้เยาว์เผ่าหมีที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเดินทางแปดหมื่นลี้ไปจิงตูของเผ่ามนุษย์ สามารถเข้าสำนักเด็ดดาราหนึ่งในหกสำนักไม้เลื้อยได้สำเร็จ แต่เขาก็ถูกผู้เยาว์ของตระกูลเทียนไห่ทำให้พิการ แต่เคราะห์ร้ายกลับกลายเป็นดี เมื่อเขาได้เข้าสู่สำนักฝึกหลวง ถึงกับลือกันว่าเขาได้กลายเป็นศิษย์ขององค์หญิงลั่วลั่ว!
สองปีมานี้ เรื่องนี้แทบจะเป็นตำนานที่ถูกเอามาพูดคุยเล่นกันอยู่บ่อยๆ ผู้เยาว์เผ่าหมีกลายเป็นที่อิจฉาของผู้เยาว์เผ่าปีศาจมากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป เรื่องราวและผู้เยาว์เผ่าหมีก็ถูกลืมเลือนไป เมื่อมีคนนึกถึงข่าวลือนี้ขึ้นมาได้ พวกเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจ
แต่วันนี้ในพิธีสวรรค์พิจิต ฝูงชนจากเมืองตอนล่างรุดมาหน้าเมืองพระราชวังราวกับกระแสน้ำโดยมีเขาเดินนำหน้า ราวกับหินก้อนหนึ่ง เขาเป็นที่สนใจของทุกคน บอกกับทั้งโลกว่าเขาเป็นผู้เยาว์เผ่าหมีในเรื่องนั้น เขาก็ยังเป็นตัวแทนสำนักฝึกหลวงอีกด้วย
ทั่วบริเวณเกิดเสียงพูดคุยอื้ออึง คนมากมายมองไปที่เซวียนหยวนผ้อ อยากรู้ว่าพระเอกของข่าวลือนี้หน้าตาเป็นอย่างไร พวกเขาต้องการจะรู้ยิ่งกว่าว่าเหตุใดเขาจึงพลันหายตัวไปหลายปีและหากข่าวลือเป็นจริง เขาไม่ได้หนีจากสำนักฝึกหลวงหรอกหรือ ทำไมวันนี้ถึงสู้ให้สำนักฝึกหลวงได้ มีจะมีปัญหาอะไรไหมถ้าสังฆราชได้รู้เรื่องนี้เข้า
เกิดความปั่นป่วนเล็กน้อยรอบเมืองพระราชวังเมื่อนักบวชหลายสิบคนเข้าสู่ลานกว้าง นักบวชพวกนี้มีทั้งมนุษย์และเผ่าปีศาจ ส่วนใหญ่สวมชุดคลุมนักบวชสีดำ บางคนใสชุดนักพรตสีน้ำเงิน และมีหนึ่งคนที่สวมชุดสีแดงอันศักดิ์สิทธิ์ก็คือมหามุขนายก
เห็นนักบวชที่เคร่งขรึมและเฉยชา ผู้คนมากมายก็ก้มศีรษะลงคำนับโดยไม่รู้ตัวและหลีกทางให้
นับตั้งแต่หลายวันก่อน ประตูอารามเต๋าซีหวงถูกปิดสนิทตลอดมา ทุกคนในเมืองไป๋ตี้เข้าใจว่าทำไม พวกเขาถึงกับได้ยินว่ามหามุขนายกฉีกบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นต้อนรับองค์ชายรองของดินแดนต้าซี ทำไมนักบวชกับมหามุขนายกถึงพลันปรากฏตัวตรงหน้าเมืองพระราชวัง
มหามุขนายกนำนักบวชหลายสิบคนไปทางเซวียนหยวนผ้อ
ภาพนี้และตอนจบของข่าวลือทำให้ชาวเมืองทั้งกังวลทั้งตื่นเต้น
ที่เกิดขึ้นตามมาทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างสิ้นเชิง
มหามุขนายกไม่ได้ทำอะไร เขาแค่เดินไปข้างเซวียนหยวนผ้อแล้วยืนอยู่ตรงนั้น นักบวชหลายสิบคนกระจายตัวออก ตัดขาดเซวียนหยวนผ้อออกจากฝูงชน โดยเฉพาะจากองครักษ์ปีศาจแม่น้ำแดงและเหล่าขุนนาง เห็นได้ชัดว่ากำลังให้การปกป้องเขา
หลังจากนั้นก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นอีกเมื่อปฏิคมหลายคนของหอการค้าตระกูลถังที่ดูธรรมดาแต่กลับแผ่กลิ่นอายเหี้ยมหาญอย่างมากเดินเข้ามาจากด้านนอก หลังจากคำนับให้เซวียนหยวนผ้อและมหามุขนายกก็ยืนอยู่ข้างพวกเขา
ผ่านไปครู่หนึ่งทูตจากต้าโจวก็มาถึง แม้ว่าเขาจะมีอารมณ์อันสับสน ทั้งลังเลและขัดแย้ง เขาก็ยังเดินมาทางพวกเซวียนหยวนผ้อและยืนอยู่อีกด้านของเซวียนหยวนผ้อ
เซวียนหยวนผ้อเป็นชาวเผ่าหมี แต่วันนี้เขามาในฐานะศิษย์ของสำนักฝึกหลวง
ไม่ว่าจะเป็นมหามุขนายก ท่านทูตหรือปฏิคมของหอการค้าตระกูลถังพวกเขายังไม่รู้ว่าพระราชวังหลี ราชสำนักหรือเมืองเวิ่นสุ่ยกับแดนใต้วางแผนตอบโต้อย่างไร แต่ในช่วงเวลาอันตึงเครียดและเปราะบางนี้ พวกเขาต้องแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน
……
……
ตอนจบของข่าวลือนั้นบอกว่าหนุ่มเผ่าหมีโง่เขลาไร้ยางอายเห็นเจ้าสำนักฝึกหลวงเฉินฉางเซิงที่ตอนนี้เป็นสังฆราชกำลังจะถูกจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่สังหาร สำนักฝึกหลวงกำลังจะถูกทำลายก็เลยหนีไป
การปรากฏตัวของทูตต้าโจว ปฏิคมของตระกูลถังและโดยเฉพาะอย่างยิ่งมหามุขนายกแห่งซีหวงก็ประกาศต่อโลกว่าตอนจบของข่าวลือนั้นเป็นเท็จ
เสี่ยวเต๋อมองไปที่เซวียนหยวนผ้อที่อยู่ไกลออกไป คิ้วทั้งสองเลิกขึ้น
เขารู้จักชื่อเซวียนหยวนผ้อ แต่นั่นก็เป็นทั้งหมดที่เขารู้
‘ตำนาน’ ที่ถูกพูดคุยกันในหมู่ชาวเผ่าปีศาจไม่มีค่าพอให้คนสำคัญอย่างเขาต้องสนใจ
ในสำนักฝึกหลวงปีนั้น เซวียนหยวนผ้อเป็นคนที่ไม่โดดเด่นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นคนที่ธรรมดาที่สุด ถังซานสือลิ่ว ซูม่ออวี๋กับเจ๋อซิ่วล้วนเป็นคนดัง ไม่ต้องนับองค์หญิงลั่วลั่วกับเฉินฉางเซิงเลย
เสี่ยวเต๋อไม่คาดคิดว่าเซวียนหยวนผ้อจะพลันปรากฏกายขึ้นในวันนี้และยังรวมคนมาอย่างทรงพลังเช่นนี้ เขาอดที่จะกังวลขึ้นมาบ้างไม่ได้ ดูเหมือนว่าเซวียนหยวนผ้อได้ซ่อนตัวอยู่ในเมืองไป๋ตี้มาหลายปี เป็นไปได้หรือไม่ว่าเฉินฉางเซิงกับนิกายหลวงได้เตรียมการเรื่องวันนี้เอาไว้นานแล้ว
ผู้มีอำนาจหลายคนในเผ่าปีศาจก็มีความคิดแบบเดียวกับเสี่ยวเต๋อ ตำหนักในเมืองพระราชวังด้านหลังแท่นสังเกตการณ์เงียบผิดปกติ ผู้นำเผ่าหมีไม่สนใจสายตาที่มองมาของเพื่อนร่วมสภาตอนที่เขาลุกขึ้นและเดินออกจากตำหนักไปช้าๆ ผู้อาวุโสใหญ่บนเก้าอี้สูงสุดก็ยังดูเหมือนหลับอยู่ไม่เปลี่ยน
คนเดียวที่มีสิทธิ์นั่งสูงกว่าเขาก็คือมู่ฮูหยิน นางรู้ว่าเซวียนหยวนผ้ออยู่ในเมืองไป๋ตี้ตลอดมา นางถึงกับส่งองครักษ์ไปดูเขาอยู่เป็นเวลานานในตอนแรก แต่เซวียนหยวนผ้อก็ยังไม่ทำอะไรจนพวกองครักษ์ผ่อนคลายความระวังลง ตอนนี้เขากลับพลันปรากฏตัวขึ้น อย่างไรก็ตามนางคิดต่างไปจากเสี่ยวเต๋อ ผู้อาวุโสและขุนนาง นางรับประกันได้เลยว่านิกายหลวงหรือราชสำนักต้าโจวไม่มีเวลาตอบสนองได้ทัน อย่าว่าแต่เตรียมการล่วงหน้าเลย พูดตามเหตุผลนี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องกังวล แต่นางได้ยินคำพูดนั่นอย่างชัดเจนเมื่อครู่นี้
“สำนักฝึกหลวง เซวียนหยวนผ้อ”
สุดท้ายแล้วเจ้าหมอนี่ก็เป็นศิษย์ของสำนักฝึกหลวง นี่จะส่งผลกระทบต่อแผนของนางบ้างหรือเปล่า
จิตสังหารอ่อนจางฉายขึ้นบนดวงตาของมู่ฮูหยิน
ตอนพิธีสวรรค์พิจิตเริ่มขึ้น ลั่วลั่วยืนอยู่บนที่สูงและมองไปยังต้นไม้สวรรค์เก้าต้นที่อยู่ไกลออกไปในภูเขา นิ่งเงียบและไม่คิดอะไร
ตอนที่เมืองไป๋ตี้กำลังดื่มด่ำกับการประลอง ลั่วลั่วเริ่มนอนกลางวัน นางใช้กลิ่นเครื่องหอมสดชื่นช่วยให้นอนหลับสบาย
สนธยาเคลื่อนเข้ามาและผู้ผ่านการคัดเลือกที่มีสิทธิ์เข้ารับการชำระจากเพลิงเถื่อนของต้นไม้สวรรค์ก็กำลังจะถูกประกาศชื่อ นางกำลังดื่มชาดูสงบอย่างมาก
นางไม่ได้กดอารมณ์เอาไว้ หรือเสแสร้งแกล้งทำ
นี่เป็นเพราะบรรยากาศสูงศักดิ์ตั้งแต่เกิดของนาง และก็เป็นเพราะอาจารย์ของนางสอนนางว่าจำเป็นต้องสงบก่อนที่จะทำการใหญ่
นางสงบอย่างมากราวกับนางไม่สนว่าเกิดอะไรขึ้นกับพิธีสวรรค์พิจิต ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร บิดามารดานางจะคิดอะไร สภาผู้อาวุโส พวกขุนนางกับชาวบ้านจะคิดอะไร เผ่ามารหรือมนุษย์จะคิดอะไร ตราบใดที่นางไม่ยินยอมนางก็ไม่ยอมรับ
นางเคยได้ยินว่าม่ออวี่เคยพูดเกี่ยวกับความเห็นของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่เรื่อง…ภรรยาของอาจารย์
หากภรรยาของอาจารย์สามารถทำได้ นางก็ย่อมทำได้เช่นกัน
สาเหตุที่นางไม่แสดงการคัดค้านและรออยู่เงียบๆ ก็เพราะนางรู้ว่าค้านไปก็ไร้ความหมาย อย่างไรก็ตามสาเหตุที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือนางรอให้อาจารย์มาอยู่ตลอด หากอาจารย์ไม่มา ไม่สิ หากอาจารย์มาไม่ได้หรืออาจารย์มาสายเกินไป…
สุดท้ายแล้วนางก็จะจากไป บอกลาวังหลวง บอกลาเมืองนี้และแม่น้ำแดง ไม่กลับมาพบกันอีก
นางถือถ้วยชาเอาไว้และมองไปที่ลูกปัดหินบนข้อมือนางก็คิดเงียบๆ ในใจ
ในตอนนี้นางกำนัลหลี่ก็รุดเข้ามา สีหน้าซับซ้อนยามที่กล่าว “ผู้ชนะเจ็ดคน”
“ต้นไม้สวรรค์เก้าต้นทำไมมีผู้ชนะแค่เจ็ดคน”
ลั่วลั่วคิดว่าต้องมีคนวางแผนบางอย่างอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ นางจิบชาอย่างหงุดหงิดใจ
แม่นมหลี่ลังเลแล้วกล่าว “หนึ่งในนั้นคือเซวียนหยวนผ้อ”
พรวด ลั่วลั่วพ่นชาออกมา