ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 26 วิชาอันเลิศล้ำห้าชนิด
ทันใดนั้นคนงานทางการหกคนก็คลายโซ่ออกจากร่างแล้วฟาดไปทางแสงเหนือแม่น้ำ
แสงที่ดูว่างเปล่าพลันเกิดเสียงสะท้อนของโลหะ จากนั้นก็เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
ความประหลาดใจและตกใจภายในเสียงคำรามนี้ดังชัดเจน
โซ่หกเส้นขึงตึงกลางอากาศ เริ่มสั่นอย่างรุนแรง
ปลายข้างหนึ่งอยู่ในแสง อีกข้างหนึ่งอยู่ในมือคนงานทางการ
คนงานทางการเริ่มถอยหลังไปเงียบๆ ในเวลาเดียวกันก็ดึงโซ่กลับไป
หินปูพื้นสีเทาริมแม่น้ำแตกร้าวใต้รองเท้าของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ดูประหนึ่งว่าอีกฝั่งของโซ่มัดบางอย่างที่หนักมากเอาไว้
ลำแสงเหนือแม่น้ำมืดลงเล็กน้อยไปชั่วขณะหนึ่ง
ร่างผอมดำค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนอากาศเหนือแม่น้ำ
โซ่หกเส้นแยกไปมัดแขน ขา ลำคอและหางที่โผล่ออกมาจากกางเกง
ฉูซูต้องประหลาดใจที่ถูกคนงานทางการลากออกมาจากแสง!
……
……
ปราณเย็นเยียบเคลื่อนไปตามโซ่ถล่มใส่ร่างฉูซู
เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าถึงแม้เขาจะมีปราณเย็นคล้ายกัน แต่ปราณจากโซ่ต่างไปจากร่างกายพิษอันชั่วร้ายตั้งแต่เกิดของเขา
ปราณที่พุ่งผ่านโซ่มานั้นเคร่งครัดจริงจังมากกว่า รูปลักษณ์น่ากลัวของมันเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่ไม่ปิดบังซ่อนเร้น
ปราณชั่วร้ายไม่แข็งแกร่งไปกว่าปราณเย็นมืดมัวของฉูซู ทว่ามันดื้อดึงยิ่งกว่า ฉูซูพบว่าตนไม่อาจดิ้นหลุดไปจากโซ่ได้ไประยะหนึ่ง
เขารู้ว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายอย่างที่สุด หากเขาไม่อาจหลุดออกจากโซ่ได้อย่างรวดเร็ว จิตสังหารชั่วร้ายที่ไหลมาตามโซ่จะจับวิญญาณของเขาเอาไว้และค่ายกลใหญ่บนสองฝั่งแม่น้ำเวิ่นสุ่ยจะนำสายฟ้าลงมากำจัดเขา
เสียงหวือๆ อันเย็นและโหดเหี้ยมอย่างที่สุดพุ่งขึ้นเหนือแม่น้ำ โซ่ทั้งหกสั่นไหวราวกับจะขาดออกจากกัน
ชุดสีดำของฉูซูขาดออกดังแขวกเมื่อปีกทั้งสองที่เกิดจากเนื้อสีเทากางออกในอากาศ กระพืออย่างรวดเร็วในหิมะ
ควันดำนับไม่ถ้วน ปราณชั่วร้ายเน่าเหม็นลอยขึ้นจากปีกคู่นั้น
เขาบินไปทางคนงานทางการหกคนด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ควันดำห่อหุ้มรอบตัวเขา ปิดบังใบหน้า บอกได้เลยว่าควันดำนี้เป็นพิษที่น่ากลัวที่สุด ความขัดแย้งเพียงครั้งเดียวก็ส่งผลให้ถึงตายได้
คนงานทางการทั้งหกดูเหมือนไม่เคลื่อนไหว มือขวาจับโซ่เอาไว้แน่น มือซ้ายใช้ตะบองชี้ขึ้นฟ้า
การเคลื่อนไหวตะบองของคนงานทางการดูไม่มีอะไรยอดเยี่ยม ทว่าตะบองนี้ดูเหมือนจะเปี่ยมไปด้วยความลึกลับซึ่งดูคล้ายกับพลองพลิกขุนเขาของสำนักฝึกหลวงอย่างน่าประหลาด
พลองพลิกขุนเขาของสำนักฝึกหลวงมีไว้บังคับใช้กฎ กฎของสำนัก
เมื่อท่าตะบองของคนงานทางการเกี่ยวโยงกับพลองพลิกขุนเขา ย่อมมีความคล้ายคลึงกัน บังคับใช้กฎ
อย่างไรก็ตาม ตะบองนี้ไม่ได้บังคับใช้กฎสำนัก หากแต่เป็นกฎของตระกูล
กฎตระกูลถัง
กฎสำนักเป็นเหมือนขุนเขาเช่นเดียวกับกฎตระกูล
หากต้องการจะตีคน ก็ต้องตีให้โดน
ตะบองฟาดลงราวกับภูเขาถล่ม ต่อให้เร็วปานสายฟ้า เลือนราวกับควัน ก็ไม่อาจหนีพ้น
ตูมตูมตูมตูม! หลังจากเสียงระเบิดดังติดต่อกัน หิมะบริเวณริมแม่น้ำหายไป คลื่นพลังปราณสีขาวสิบกว่าสายปรากฏขึ้น
คลื่นพลังปราณพวกนี้ระเบิดขึ้นรอบตัวฉูซู
ตะบองดูเหมือนจะยาวขึ้นมาในทันที ฟาดใส่ร่างเขาอย่างแม่นยำ
เลือดสีดำพุ่งออกจากปาก ใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูปของเขาก็ยับย่นด้วยความโกรธและเจ็บปวด
เขาไม่อาจหลบตะบองที่ฟาดลงมาราวกับภูเขาถล่ม ไม่อย่างนั้นเขาจะเสียความหวังที่จะเอาชนะได้ไป
ตะบองทุบร่างของเขาดังแน่นทึบ และใจกลางค่ายกลอันสว่างจ้ามีเลือดสีดำเปรอะเปื้อนไปหมด
เขาสามารถทนได้ รอดผ่านตะบองที่ทุบลงมาชั้นแล้วชั้นเล่าจนมาถึงอีกฝั่ง ตอนนี้อยู่ห่างจากคนงานทางการหกคนแค่ไม่กี่จั้งเท่านั้น เพียงยื่นมือออกไปก็สามารถฆ่าได้ทั้งหมด!
ในตอนนั้นเองคนงานทางการหกคนก็ทำสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิง พวกเขาปล่อยโซ่ในมือ ประหนึ่งว่าไม่สนใจว่าฉูซูจะหนีไป ยกตะบองตั้งขึ้นกลายเป็นรั้วป้องกันตัวพร้อมล่าถอย
คนงานทางการกำลังล่าถอยอย่างนั้นหรือ แล้วใครจะป้องกันฉูซูไม่ให้ฆ่าพ่อค้ากับหมอดูที่ควบคุมค่ายกล
หมอกพิษสีดำเหม็นคลุ้งเคลื่อนตามฉูซูแผ่ซึมพื้นที่ริมแม่น้ำอย่างรวดเร็ว หญ้าและปลาในน้ำตายในทันทีที่ได้สัมผัส
แต่ตอนที่หมอกพิษสีดำกำลังจะสัมผัสโดนพ่อค้ากับหมอดูมันก็พลันแยกออก
เฉกเช่นความมืดมิดที่พลันถูกแยกออกโดยคนที่ตกลงมาจากด้านบน
ที่ฉีกแยกหมอกดำเป็นหมัดที่ดูธรรมดาอย่างมากสองข้าง
เป็นของผู้เฒ่าขายขนมสองคนที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำ
เมื่อฉูซูมาถึง พวกเขาก็มัดผ้าเขียวรอบแผงเสร็จพอดี ป้องกันไม่ให้ขนมเปื้อนฝุ่น แล้วก็เดินออกมา
พวกเขางอเข่าย่อเอวสงบจิตใจ กำหมัดแล้วต่อยออก
มันดูธรรมดาไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีแววของการเป็นยอดฝีมือ แต่เหมือนกับครูมวยในหมู่บ้านห่างไกล
มีแต่ยอดฝีมือที่แท้จริงจะเข้าใจถึงความน่าอัศจรรย์ของหมัดทั้งสองนี้
‘ไม่น่าสนใจ’ หมายถึงการลดการเคลื่อนไหวจนเหลือแค่ที่จำเป็นเท่านั้น
‘ดูธรรมดา’ หมายความว่าพวกเขาทำเช่นนี้อยู่เป็นประจำทุกวี่วัน
นี่หมายความถึงถูกต้องและเป็นกลางอย่างแท้จริง
และพวกเขาใช้วิชาที่ดั้งเดิมที่สุดของราชสำนัก!
แสงไร้ขอบเขตระเบิดออกจากกำปั้นของพวกเขา
แสงนี้ต่างไปจากแสงของใจกลางค่ายกล ไม่มีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ในลำแสง มีเพียงความร้อนเท่านั้น
กำปั้นของพวกเขาแผ่ความร้อนไร้สิ้นสุด เหมือนกับดวงตะวันลุกโชนสองดวง!
หมอกดำเหม็นเน่าที่ติดตามฉูซูมาถูกฉีกออกในทันที
เสียงเผาไหม้ดังไปทั่วลำน้ำ
“วิชาสุริยันแผดเผา! มีเชื้อสายราชวงศ์อยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน!”
ฉูซูตะโกนอย่างประหลาดใจออกมาจากส่วนลึกของหมอกดำ
ใบหน้าและเสื้อผ้าเต็มไปด้วยรูนับไม่ถ้วน ดูเหมือนกับขนมงาที่มีเม็ดงากระจายอยู่ทั่วไปหมด
เลือดไหลออกมาจากรูนับไม่ถ้วนพวกนั้นเป็นธารเลือดสายเล็กๆ ก่อให้เกิดภาพอันน่าสยดสยองผิดธรรมดา
เสียงร้องตกตะลึงในสายลมเปลี่ยนเป็นเสียงคำรามด้วยความโกรธ ฟังดูเหมือนสัตว์อสูรโบราณได้รับบาดเจ็บ
เขาพุ่งเข้าหาผู้เฒ่าทั้งสองพร้อมส่งเสียงร้องประหลาด เลือดสีดำไหลเป็นทาง
เลือดสีดำนี้เป็นเลือดแท้ของเขา บรรจุไว้ด้วยพิษที่รุนแรงกว่าเข้มข้นกว่าหมอกดำหลายเท่า
ต่อให้คู่ต่อสู้ของเขาน่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ใช้วิชาสุริยันแผดเผาที่ดั้งเดิมที่สุด ก็ไม่อาจต้านทานเลือดดำนี้ได้
ผู้เฒ่าทั้งสองสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อยาวเตรียมจะต่อยอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองที่เด็กสาวเดินมาตรงหน้าพวกเขา
ทั้งฉูซูและผู้เฒ่าขายขนมต่างอยู่ในจังหวะที่อันตรายที่สุดในการต่อสู้ ลืมไปเลยว่ายังมีเด็กสาวอยู่
นี่คือเด็กสาวที่ต้องการจะซื้อเครื่องแป้ง
นางหาซื้อเครื่องแป้งในเมืองเวิ่นสุ่ยเป็นเวลานานแล้ว แม้ไม่อาจซื้อเครื่องแป้งได้ทุกครั้ง หรือแค่ยืนอยู่ตรงหน้าแผงขายเครื่องแป้งเฉยๆ นางก็ซื้อแป้งมามากเกินพอแล้ว
นางโยนแป้งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ผงแป้งสีแดงและขาว แป้งดอกหอมหมื่นลี้กับแป้งดอกท้อ แม้แต่แป้งดอกพุดซ้อนที่ถูกที่สุดก็ล้วนปรากฏขึ้น
พื้นที่เหนือแม่น้ำเปลี่ยนเป็นโลกของเครื่องแป้งในทันที กลิ่นหอมหลากชนิดผสมปนเปกัน
ไม่ว่าวิชาตัวเบาของฉูซูจะว่องไวเพียงใด เขาก็ไม่อาจที่จะหลบเลี่ยงผงแป้งที่ปกคลุมไปทั่วโลกเหล่านี้ แล้วจะหลบเลี่ยงกลิ่นหอมได้อย่างไร
กลิ่นหอมโจมตีคน
เครื่องแป้งและกลิ่นหอมตกลงบนร่างของเขา
ความตกใจปรากฏขึ้นบนดวงตาเขา จากนั้นก็ถูกผงแป้งย้อมเป็นสีแดงและขาวอย่างรวดเร็ว
เขาถึงกับรู้สึกราวกับว่าวิญญาณกับเลือดได้กลายเป็นกลิ่นหอม
เขาพบว่าตนได้รับพิษ!
เป็นไปได้อย่างไร