ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 32 การลอบสังหารในหอบรรพชน
นักพรตหญิงนั่งอยู่ในเกี้ยว แส้หางม้าขดอยู่บนแขนซ้ายของนาง
เห็นได้ชัดว่าแส้หางม้านี้ได้รับการซ่อมแซมในช่วงสองปีมานี้ เพราะมันดูใหม่มาก
นักพรตหญิงดูไม่แก่เท่าไร กระนั้นนางก็แผ่กลิ่นอายชราไร้ชีวิตออกมา ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ยังมีนิสัยประหลาดน่ารังเกียจ
หวังผ้อเกลียดนาง หากไม่ใช่เพราะสามีนาง เขาคงตัดแขนนางไปข้างหนึ่งเมื่อสองปีก่อน
แน่นอนว่านอกจากคนอย่างหวังผ้อ ไม่มีใครกล้าแสดงความเกลียดชังนักพรตหญิงผู้นี้แม้แต่น้อย
เพราะนักพรตหญิงผู้นี้มีอารมณ์ฉุนเฉียว เพราะนักพรตหญิงผู้นี้นามว่าอู๋ฉยงปี้ หนึ่งในแปดมรสุมรุ่นล่าสุด ยอดฝีมือขั้นเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์
เกี้ยวอีกหลังว่างเปล่า
คนที่เคยนั่งอยู่ตรงนั้นตอนนี้ยืนอยู่ข้างหวังผ้อ
นี่เป็นชายวัยกลางคนที่อ้วนมากคนหนึ่ง เขาสวมชุดยาวสีเหลือง พุงโรย้อยลงจากเข็มขัด ทำให้เขาดูน่าขันทีเดียว
แต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเขาเช่นกัน
เพราะเขาคือเซียงอ๋อง ท่านอ๋องที่ทรงอำนาจที่สุดในราชสำนักต้าโจว ได้รับการสนับสนุนจากทหารและขุนนางนับไม่ถ้วน
แต่ไม่นานก่อนหน้านี้ เขาได้ทะลวงผ่านกลายเป็นราชนิกุลคนเดียวในหมู่ทายาทของจักรพรรดิเซียนและกลายเป็นยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง
เรื่องที่ว่ามีคนรู้น้อยนักในตอนนี้
มีแต่ตอนที่เขาออกจากจิงตูมาเมืองเวิ่นสุ่ย นั่งเกี้ยวขึ้นเขาจีหมิงยืนข้างกายหวังผ้อ มองดูทิวทัศน์งดงามตรงหน้าจึงมีคนรู้เพิ่มอีกหน่อย
หวังผ้อกล่าว “ข้าประหลาดใจนัก”
เซียงอ๋องถอนหายใจ “ข้าก็ประหลาดใจเช่นกัน”
……
……
พายุหิมะปกคลุมเมืองเวิ่นสุ่ย รวมถึงหอบรรพชน
หลังคาดำมีหิมะกองสุมเปลี่ยนเป็นสีขาวสบายตา กำแพงขาวกลายเป็นขาวยิ่งกว่าเดิม ในทางกลับกันแสงในลานสะท้อนกับหิมะดูหม่นมัวกว่าเดิม
พายุหิมะหยุดแล้วก็ตกใหม่ รุนแรงขึ้นแล้วก็สงบลง แสงจากท้องฟ้าก็เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บ้างหม่นมัวบ้างเจิดจ้า
เงาร่างมากมายปรากฏขึ้นในพายุท่ามกลางแสงที่ผันเปลี่ยนนี้
มือสังหารสวมชุดขาว สวมหน้ากากไว้บนหน้า พวกเขาแผ่ความเย็นออกมาเช่นเดียวกับพายุหิมะ ยากนักที่จะมีใครสังเกตเห็นพวกเขา
ตอนที่พวกเขาปรากฏตัว ถังซานสือลิ่วก็รู้ตัวแต่นี่เป็นเพราะพวกเขาไม่สนใจว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่
ถังซานสือลิ่วหรี่ตา
ลมเย็นพัดต้องใบหน้า แม้ว่าจะไม่ทำให้เขาเย็นลงแต่ก็ทำให้เส้นผมอันมันเยิ้มสกปรกเพราะไม่ได้สระมานานปลิวขึ้น
เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้ เพราะภาพนี้ไม่งดงามพอหรือมีกลิ่นหอมพึงใจ
เขามองไปที่มือสังหารชุดขาวในลานของหอบรรพชนแล้วเกาหัว “พวกเจ้าขนกันมาสู้กับข้าคนเดียวอย่างนั้นหรือ ไม่ยุติธรรมไปหน่อยมั้ง”
เป็นธรรมดาที่มือสังหารไม่ตอบคำ พวกเขาแค่จ้องกลับไปอย่างเฉยชา
ถังซานสือลิ่วเงยหน้ามองผู้พิทักษ์ชรา
เขานั่งอยู่บนเบาะในขณะที่ผู้พิทักษ์ชรายืนอยู่ด้านข้าง หากเขาต้องการจะเห็นหน้าของผู้พิทักษ์ชราชัดๆ ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมอง
พูดได้ว่าเขาดูเหมือนกับเป็ดที่ยืดคอรอให้เชือด แต่ก็อาจบอกได้ว่าเขาเป็นเหมือนดังหงส์ที่หยิ่งทะนง
ใช่แล้ว ไม่ว่าปราณของมือสังหารที่ลอบเข้ามาในหอบรรพชนกลางพายุหิมะพวกนี้จะเย็นเยียบน่ากลัวเพียงใด ก็ไม่มีคนไหนที่เทียบกับผู้พิทักษ์ชราได้
แต่เห็นได้ชัดว่ามือสังหารเหล่านี้ไม่สนใจ และสายตาก็จับจ้องถังซานสือลิ่วอยู่ตลอด ดังนั้นจึงมีคำอธิบายเดียวเท่านั้น
ความมั่นใจในการฆ่าถังซานสือลิ่วของประมุขรองตระกูลถังมาจากไหน
ผู้พิทักษ์ชราที่อยู่ในหอบรรพชนเป็นคนของเขา
ผู้พิทักษ์ชรากล่าว “ข้าขอโทษด้วยคุณชาย”
ถังซานสือลิ่วยิ้มและตอบ “ขอโทษมารดาท่านเถอะ”
ผู้พิทักษ์ชรายกมือขวาขึ้นและฟาดลงใส่ศีรษะของถังซานสือลิ่ว
พายุหิมะรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลันและเทียนไขในหอบรรพชนก็ส่ายไหว เล่มที่อยู่ด้านหน้าหน่อยถึงกับดับลงในทันที ป้ายวิญญาณสิบกว่าแผ่นตกลงจากชั้นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ถังซานสือลิ่วเคลื่อนไหว
เบาะรองนั่งด้านล่างแตกเป็นเสี่ยงๆ ควันที่เห็นได้ชัดว่าเป็นพิษลอยขึ้นมา
เขาตะเกียกตะกายไปตามพื้น เคลื่อนไปยังลานที่ปกคลุมด้วยหิมะ
เห็นได้ชัดว่าตระกูลถังได้ไม่ได้จัดวางการป้องกันอันใดในหอบรรพชน แต่เขาได้เตรียมการเอาไว้แล้ว
เสียแต่เขาไม่คิดว่าครั้งนี้คนที่ต้องฆ่าจะเป็นผู้พิทักษ์ตระกูลถัง
ควันพิษในเบาะรองนั่งค่อนข้างรุนแรงมาก แต่มันจะสามารถเล่นงานผู้พิทักษ์ชราได้หรือ
ผู้พิทักษ์ชราเคยเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสรุ่นแรกของพรรคฉางเซิง เขามีปราณแท้สะสมมากมายมหาศาล ระดับการบำเพ็ญเพียรอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาว ถึงกับก้าวเข้าเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วครึ่งก้าว
อย่าว่าแต่การที่ถังซานสือลิ่วจะอยู่แค่ขั้นต้นของขั้นรวบรวมดวงดาว ต่อให้เขาระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าตอนนี้สิบเท่าออกมา ก็ไม่อาจป้องกันการโจมตีอันรุนแรงนี้ได้
ต่อให้เขาตะเกียกตะกายไปยังลานได้ แต่จะหลบพ้นลมแรงที่เกิดจากฝ่ามือนี้ได้อย่างไร
ฝ่ามือผู้พิทักษ์ชราตกลงมาราวกับภูเขาถล่ม
พายุหิมะนอกหอบรรพชนดูเหมือนจะถูกมือที่มองไม่เห็นดึงเอาไว้ ลมนิ่งและหิมะก็เริ่มตกด้วยความเร็วที่ช้าลง
ฝ่ามือผู้พิทักษ์ชราดูเหมือนจะฟาดโดนศีรษะถังซานสือลิ่ว
ทันใดนั้นพายุหิมะก็พลันมีชีวิตขึ้นมา เกล็ดหิมะเริ่มร่วงลงอีกครั้ง
ประกายกระบี่วาบขึ้นในพายุหิมะ
เป็นประกายกระบี่ที่เจิดจ้าอย่างยิ่ง ส่องสว่างบนเหมยฤดูหนาว เก้าอี้ในลานบ้าน และดวงตาของเหล่ามือสังหาร
แต่ก็ยังเป็นประกายกระบี่ที่หม่นมัวอย่างมากเช่นกัน ปราณทั้งหมดถูกจำกัดเอาไว้ ดูราวกับว่าถูกเปื้อนด้วยฝุ่นผงและใบไม้ร่วงมาร้อยกว่าวัน สอดคล้องกับหอบรรพชนอย่างสมบูรณ์
เกล็ดหิมะมากมายตกลงจากท้องฟ้าและเปื้อนด้วยสีแดงในทันที
เป็นสีแดงของเลือด
ความไม่อยากเชื่อปรากฏขึ้นในดวงตาของผู้พิทักษ์ชรา
ฝ่ามือก่อให้เกิดลมหวีดหวิว
ประกายกระบี่เคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ
เทียนในหอบรรพชนดับลงทั้งหมด
แผ่นป้ายวิญญาณที่วางไว้แน่นขนัดตกลงทีละอัน
คานและผนังเต็มไปด้วยลายนิ้วมือและรอยกระบี่
เสียงดังวูบหนึ่ง หอบรรพชนเงียบลงอีกครั้ง
ผู้พิทักษ์ชรายืนอยู่บนบันไดหินตรงหน้าหอบรรพชน
มือซ้ายถูกกระบี่ฟัน เลือดไหลเป็นทาง
อกซ้ายก็เป็นแผลลึก มีเลือดพุ่งออกมา
ฝ่ามือขวาประกบอยู่กับฝ่ามือซ้ายของคู่ต่อสู้
คู่ต่อสู้เป็นชายสวมชุดคนรับใช้
คนผู้นี้ดูธรรมดาอย่างมาก ไร้ความมีเอกลักษณ์แม้แต่อย่างเดียว
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา คนผู้นี้ห่อไหล่อยู่เสมอ เหมือนกับหวังผ้อที่รออยู่บนเขาจีหมิงนอกเมือง
แต่วันนี้ไม่ใช่ เพราะแขนซ้ายของเขานับจากข้อมือถึงหัวไหล่ได้แตกหักจนหมดด้วยฝ่ามือของผู้พิทักษ์ชรา
ใครกันที่สามารถต่อสู้กับผู้พิทักษ์ชราตระกูลถังและจบด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บสาหัสได้!
แม้ว่าจะเป็นการลอบโจมตี ก็ยังยากจะเชื่อ
……
……
ผู้พิทักษ์ชรามีความทรงจำเลือนรางเกี่ยวกับคนผู้นี้ เขาต้องเป็นคนรับใช้ใบ้ประจำหอบรรพชน
ตอนนี้เขาย่อมรู้แล้วว่าคนผู้นี้ย่อมไม่ใช่ครับใช้ใบ้ทั่วไป
ไม่ใช่ยอดฝีมือตระกูลถังที่ประมุขผู้เฒ่าจัดวางเอาไว้ เพราะเขารู้ความลับทั้งหมดของตระกูลถัง
แล้วยอดฝีมือจากไหนกันที่แสร้งเป็นใบ้และกวาดลานหอบรรพชนตระกูลถังมาครึ่งปี
คนที่สามารถซุ่มโจมตียอดฝีมือครึ่งก้าวเข้าสู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ต้องเป็นมือสังหารชั้นยอดและต้องมีระดับการบำเพ็ญเพียรในระดับเดียวกัน
จุดสูงสุดของขั้นรวบรวมดวงดาว? มีมือสังหารคนเดียวในต้าลู่ที่มีระดับการบำเพ็ญเพียรอยู่ในขั้นนี้
ผู้พิทักษ์ชรารู้จักมือสังหารคนนี้ นัยน์ตาของเขาหดลงตอนที่ตะโกน “โจมตี!”
คำสั่งนี้ย่อมบอกต่อมือสังหารชุดขาวเหล่านั้น
แต่ในช่วงเวลาคับขันนี้ เขาลืมเรื่องสำคัญอย่างมากไปเรื่องหนึ่ง
เหล่ามือสังหารพุ่งเข้าหาถังซานสือลิ่ว เจตจำนงกระบี่ว่องไว รุนแรงและน่ากลัว เย็นกว่าหิมะกลางฤดูหนาวหลายเท่า สามารถทำให้คนตัวสั่นด้วยความกลัว
ประกายกระบี่เย็นเยียบนับไม่ถ้วนปรากฏในหิมะที่โปรยปราย ตามมาด้วยเสียงของมีคมทิ่มแทงใส่เสื้อผ้าและร่างกาย
เลือดกระเซ็นลงบนหิมะในลานดูสะดุดตาอย่างมาก
มือสังหารหลายคนล้มจมกองเลือด ไม่หายใจอีกต่อไป
มือสังหารพวกนี้ล้วนมีระดับสูงมากและระวังตัวอย่างสูง แต่ก็ไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะถูกพวกเดียวกันเองลอบโจมตี
เจตจำนงกระบี่รุนแรงน่ากลัวปกคลุมลานหอบรรพชนตระกูลถัง
คนรับใช้ใบ้ถอยเข้าสู่ลาน
มือสังหารชุดขาวเจ็ดคนเดินไปอยู่ข้างกายเขา