ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 56 เงินบริจาค
ความเงียบเอ๋ยความเงียบ หากไม่มีใครโพล่งทำลายความเงียบ ก็ต้องปล่อยให้ความเงียบดำรงต่อไปอย่างกระอักกระอ่วน
นักพรตหญิงชุดดำออกคำสั่งด้วยฐานะอาจารย์ย่าแต่ไม่มีศิษย์คนไหนทำตามคำสั่ง นี่เป็นสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนที่สุด
ถังซานสือลิ่วแก้ไขสถานการณ์กระอักกระอ่วนทุกชนิดได้เพราะเขาหนังหน้าหนามาก
เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้หน้าหนาเช่นนั้น จึงรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อันกระอักกระอ่วนมาก อับอายจนกลายเป็นโกรธ ใบหน้าแดงขึ้นคิ้วตรงของนางลู่ลง
เยี่ยเสี่ยวเหลียนรู้ว่านี่เป็นสัญญาณว่าอาจารย์ย่ากำลังโมโหจัด ซึ่งทำให้นางเป็นกังวลอย่างล้ำลึก นางก้าวออกมาและกล่าวไกล่เกลี่ยแต่นางช้าเกินไปแล้ว
นักพรตหญิงพ่นลมอย่างไม่พอใจและร่างของนางก็พร่าเลือนไป นางพุ่งลงไปตามทางภูเขา มือขวาฟาดใส่หน้าอกถังซานสือลิ่ว
เสียงโหยหวนดังมาจากทางเดินบนเขาและถังซานสือลิ่วก็รู้สึกราวกับมีภูเขามหึมาพุ่งเข้าใส่ เป็นพลังที่น่ากลัวจนเขาต้องชักกระบี่ออกมาและฟันออกไปตามสัญชาตญาณ
กระบี่เวิ่นสุ่ยออกจากฝักเสียงดังเคล้ง ส่องแสงสว่างเจิดจ้า ราวกับแสงสีทองที่ส่องต้องแม่น้ำเวิ่นสุ่ย
นักพรตหญิงชุดดำมีระดับการบำเพ็ญเพียรสูงกว่ามาก แต่สะบัดมือก็เหมือนกับภูเขาถล่ม ต่อให้เขาใช้เพลงกระบี่เวิ่นสุ่ยสามกระบวนท่า เขาจะกันมันเอาไว้ได้อย่างไร
ถังซานสือลิ่วรู้ว่าเขาไม่อาจต้านทานได้ ดังนั้นการโจมตีของเขาจึงไม่ได้เล็งไปที่นักพรตหญิงชุดดำหากแต่เป็นด้านหลัง
เพลงกระบี่ที่เขาใช้ไม่ใช่เก็บเมฆสนธยาที่ใช้ป้องกันหรือลำธารใบไม้แดงที่เกรี้ยวกราดรุนแรง เขาใช้กระบวนท่าที่รวดเร็วที่สุด แขวนดวงสุริยัน
ภูเขาระเบิดออกในลำแสงสีทองที่ส่องออกมาจากกระบี่ ดูราวกับผิวน้ำที่ดูเหมือนจะท่วมป่าไผ่
แสงพลันหายไปราวกับดวงตะวันลับเหลี่ยมเขา อาทิตย์อัสดงบนผิวน้ำทอดไปทางตะวันออกด้วยความเร็วที่ยากจะจินตนาการได้ ยากจะหาสิ่งที่เร็วกว่าได้
ร่างภายในแสงอาทิตย์อัสดงคือถังซานสือลิ่ว ใช้วิชาตัวเบาอันรวดเร็วถอยหนีไปสิบกว่าจั้ง
ตูม! ป่าไผ่ไหวเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ ต้นไผ่สองแถวริมทางเดินหักล้มลง หลุมลึกหลายฉื่อปรากฏขึ้นบนทางเดิน ส่งฝุ่นผงปลิวไปทุกทิศทาง
ถังซานสือลิ่วถือกระบี่เวิ่นสุ่ยไว้ในมือ ยืนอยู่ห่างไปหลายจั้ง ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
นักพรตหญิงชุดดำมีความแข็งแกร่งน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือนางลงมืออย่างรุนแรงโดยฉับพลัน
หากเขาคิดไม่ผิด นี่ต้องเป็นหนึ่งในวิชาขั้นสูงของสถานศึกษาหนานซี ฝ่ามือเมฆาล่องลม!
หากเขาไม่ตอบสนองได้ทันท่วงที ใช้เพลงกระบี่แขวนดวงสุริยาออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว เขาก็ต้องโดนฝ่ามือนี้เข้าโดยตรง
เช่นนั้นกระบี่ในมือเขาไม่หักเหมือนต้นไผ่พวกนี้หรอกหรือ
และเขาคงได้แต่นอนอยู่ในหลุม บาดเจ็บสาหัสหรืออาจจะตายไปแล้ว
พลังฝ่ามือของนักพรตหญิงชุดดำไม่ได้แผ่ออกจนหมด ยังคงโจมตีถังซานสือลิ่วต่อไปแม้จะอยู่ห่างไปสิบกว่าจั้ง
ดวงตาถังซานสือลิ่วเป็นประกายขึ้นมาด้วยความโหดเหี้ยมที่หาได้ยากยิ่ง กำกระบี่เตรียมที่จะก้าวต่อไป
เสียงดังตุบสิบกว่าครั้งดังขึ้นเหนือเส้นทางภูเขา
ฮู่ซานสือเอ้อร์ดึงกระบี่สั้นที่ดูธรรมดาอย่างมากและใช้ท่าที่แปลกประหลาดกันฝ่ามือเอาไว้อย่างต่อเนื่อง
ทุกการโจมตีลมสีขาวก็พุ่งออกมาจากกระบี่สั้น
พลังที่เหลืออยู่ของฝ่ามือเปลี่ยนเป็นสายลมสิบกว่าสายที่ค่อยๆ สลายตัวไป
นักพรตหญิงชุดดำยืนอยู่บนทางเดินภูเขา ขมวดคิ้วมองแต่ไม่ได้ลงมือโจมตีอีกครั้ง
นางไม่คาดคิดว่าคนทั้งสองจะสามารถป้องกันการโจมตีอย่างรุนแรงของนางที่ใช้ออกยามโมโหสุดขีด และยังตกใจกับระดับของพวกเขาอยู่บ้าง
ในมุมมองของนางเพลงกระบี่และวิชาตัวเบาของชายหนุ่มไม่เลวเลยทีเดียว แต่ที่น่ากลัวอย่างแท้จริงคือนักบวชคนนั้น
“ท่านรู้จักวิชาเมฆาล่องลมด้วยหรือ” นางกล่าวกับฮู่ซานสือเอ้อร์
ไม่รอให้ฮู่ซานสือเอ้อร์ตอบ นางหันหลังเดินเข้าไปในป่าไผ่
ถังซานสือลิ่วหลบหลีกฝ่ามือของนางและฮู่ซานสือเอ้อร์ใช้วิชาเมฆาล่องลมที่มีต้นกำเนิดเดียวกับฝ่ามือเมฆาล่องลมสลายพลังโจมตีสุดท้ายของนางไป ทว่าหากนางโจมตีอย่างเต็มกำลังนางก็ยังมีโอกาสที่จะทำร้ายคนทั้งคู่ แต่เมื่อนางได้ใช้กำลังเต็มที่และลงมือโจมตีอย่างรุนแรงไปแล้ว ก็พลันรู้สึกสังหรณ์ขั้นมา ราวกับมีอสูรในป่าไผ่จ้องมองมาที่นาง
ที่น่ากลัวก็คืออสูรนี้ทำให้แม้แต่นางก็ยังรู้สึกได้ถึงอันตราย
เยี่ยเสี่ยวเหลียนเดินไปที่ข้างกายนาง ตั้งใจจะอธิบาย นางเป็นกังวลอย่างมากว่าอาจารย์ย่าจะลงมือโจมตีต่อ
“อาจารย์ย่า พวกเขาเป็น…”
นักพรตหญิงชุดดำมีฐานะสูงส่งอย่างมาก แต่นางก็ไม่อาจที่จะลงมือโจมตีผู้เยาว์สองคนได้สำเร็จในคราเดียว ด้วยฐานะของนาง ทางที่ดีที่สุดก็คือปล่อยเรื่องนี้ไป แต่นางก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่
เมื่อรวมกับอันตรายที่นางสัมผัสได้ในป่าไผ่ นางที่อารมณ์ขุ่นมัวย่อมไม่อยากฟังคำอธิบายของเยี่ยเสี่ยวเหลียน นางพ่นลมและโบกแขนเสื้ออย่างโมโห
แขนเสื้อของนางตกลงบนไหล่ของเยี่ยเสี่ยวเหลียนเกิดเสียงดังก้อง
เยี่ยเสี่ยวเหลียนกัดฟันด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าซีดขาวในทันที การโจมตีอย่างฉับพลันนี้ทำให้นางบาดเจ็บ
ถังซานสือลิ่วไม่อาจยืนเฉยต่อไป เขาโดดข้ามหลุมไปและอยู่ข้างเยี่ยเสี่ยวเหลียน ตอนที่เขาพยุงนางไว้ก็มองไปทางนักพรตหญิงชุดดำและกล่าว “หยุดเลยนังเฒ่า”
คำพูดนี้ทำให้ศิษย์สถานศึกษาหนานซีตกใจ รวมถึงเยี่ยเสี่ยวเหลียน
นักพรตหญิงชุดดำเป็นหนึ่งในผู้มีอาวุโสมากที่สุดในสถานศึกษาหนานซีตอนนี้ ไม่มีใครกล้าแสดงความไม่เคารพต่อนางแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่เรียกว่า ‘นังเฒ่า’ เลย
พวกเขาไม่รู้เลยว่าถังซานสือลิ่วถึงกลับกล้าเรียกประมุขผู้เฒ่าตระกูลถังว่าไอ้เฒ่าไม่ยอมตาย
นักพรตหญิงชุดดำหันกลับและมองถังซานสือลิ่วอย่างเฉยชา รอให้เขาพูดต่อ
สำหรับศิษย์สถานศึกษาหนานซี อาจารย์ย่าดูราวกับกำลังมองคนตายอยู่
ถังซานสือลิ่วกล่าวอย่างโกรธเคือง “ข้าไม่พอใจมากตอนที่เห็นเจ้าดุด่านางเมื่อครู่ เจ้าลงมือกับเด็กสาวที่งดงามอ่อนโยนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
เยี่ยเสี่ยวเหลียนมองไปที่เขาและกล่าวเตือนเบาๆ “เจ้าด่าข้าหนักกว่านี้อีก”
ความนิ่งงันผิดปกติเกิดขึ้น จากนั้นถังซานสือลิ่วก็กล่าวต่อ “ต่อให้ข้าเคยด่านาง ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะด่านางได้ นอกจากนี้ข้าก็แค่ด่านาง แต่เจ้าถึงกับลงมือกับนางเลยหรือ”
นักพรตหญิงชุดดำตอบกลับอย่างไม่ยินดียินร้าย “นางเป็นแค่ศิษย์สถานศึกษาหนานซีของข้า หากข้าจะตีหรือด่านาง เจ้าจะทำอะไรได้”
ถังซานสือลิ่วตอบ “ที่ข้าสามารถทำได้ก็คือให้ตระกูลถังบริจาคเงินให้สถานศึกษาหนานซีน้อยลงครึ่งหนึ่งในปีหน้า”
ได้ยินคำว่า ‘ตระกูลถัง’ กับ ‘บริจาค’ นักพรตหญิงชุดดำก็หรี่ตาและถาม “เจ้าเป็นใคร”
เยี่ยเสี่ยวเหลียนส่งสัญญาณว่าไม่ต้องให้เขาพยุงอีกต่อไปและตอบ “อาจารย์ย่า เขาก็คือถังถัง”
นักพรตหญิงชุดดำตัวแข็งแล้วก็กล่าวอย่างฉุนเฉียว “เช่นนั้นเจ้าก็คือนายน้อยตระกูลถังสินะ มิน่าเล่าเจ้าถึงคิดว่าแต่ตัวเจ้า…”
“หากเจ้าพูดอีกคำข้าจะลดเงินบริจาคลงอีกครึ่งหนึ่ง”
ถังซานสือลิ่วมองนางอย่างจริงจังและกล่าวต่อ “นับจากนี้ไปทุกคำที่พูดออกมาจะลดเงินบริจาคปีหน้าลงครึ่งหนึ่ง ไม่ต้องกังวล ไม่ว่ามันจะลดลงแค่ไหนก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง ด้วยระดับปัญญาของเจ้าก็คงยากที่จะเข้าใจว่าทำไม ดังนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเข้าใจ ที่เจ้าต้องรู้ก็คือไม่ว่าข้าพูดอะไรออกไปก็จะต้องทำให้ได้”
สีหน้านักพรตหญิงชุดดำเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ องคาพยพบนใบหน้าแผ่ความโหดเหี้ยมออกมามากขึ้น นางยกมือขวาขึ้นช้าๆ
ทางภูเขานิ่งงันอย่างที่สุด ไม่มีแม้แต่ลมพัด แต่ป่าไผ่ก็ยังคงส่ายไหวเล็กน้อย
ในเวลาที่ตึงเครียดที่สุด เสียงสงบอ่อนโยนก็ดังขึ้นจากหน้าผาไกลและส่งมาถึงทุกคนบนทางเดินอย่างชัดเจน
ป่าไผ่เงียบสงบ ลมภูเขาเริ่มพัดเอาความอบอุ่นอ่อนโยนมา
“ศิษย์น้อง เชิญสหายจากพระราชวังหลีกับคุณชายตระกูลถังเข้ามา”
สีหน้าถังซานสือลิ่วเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่ได้กังวลตอนที่เผชิญหน้ากับนักพรตหญิงชุดดำที่แข็งแกร่ง ทว่าเจ้าของเสียงนี้กลับทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา