ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 69 มรสุมเข้าสู่ภูเขา
เทือกเขาเงียบงัน
ศิษย์สถานศึกษาหนานซีมองหน้ากัน ไม่รู้จะพูดอะไร โดยเฉพาะเด็กสาวอย่างเยี่ยเสี่ยวเหลียน
พวกศิษย์ที่ไม่เคยรู้จักกับเฉินฉางเซิงมาก่อนกลับดูสงบกว่า
ในสายตาพวกเขา สังฆราชเป็นผู้ที่ได้รับการนับถือที่สุดในโลก เปี่ยมได้ด้วยความยิ่งใหญ่และกล้าหาญ เมื่อเผชิญหน้ากับอาจารย์ย่าทั้งสามการใช้คำพูดรุนแรงสักหน่อยจะเป็นไรไป
แต่เยี่ยเสี่ยวเหลียนกับพวกรู้ว่าเฉินฉางเซิงเป็นคนสุขุมอ่อนโยน แล้วทำไมถึงได้ก้าวร้าวนักในวันนี้
หรือว่าอำนาจจะทำให้คนเปลี่ยนไปจริงๆ หรือว่าเป็นเวลาที่เปลี่ยนคน
……
……
มันไม่เกี่ยวกับอำนาจหรือเวลา
ถังซานสือลิ่วกับฮู่ซานสือเอ้อร์ล้วนรู้ดีว่าเฉินฉางเซิงไม่ได้เป็นเช่นนี้เมื่อคืน พวกเขาตกใจ สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นบนยอดเขา
ลางร้ายที่เขาสัมผัสได้ตรงหน้าผนังหินที่ปลายยอดของยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์และคำพูดของเซียงอ๋องเป็นสาเหตุที่เฉินฉางเซิงเปลี่ยนท่าที
ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำของอาจารย์ย่าทั้งสามนั้นได้เกินจุดที่เขาจะยอมรับได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พวกนางทำต่อศิษย์ในสำนักหรือความเป็นไปได้ที่จะปลุกให้สวีโหย่วหรงออกจากการกักตนผ่านความพยายามปิดอาราม เรื่องหลังนี่อาจเป็นความตั้งใจก็ได้!
“เรื่องการปิดอารามให้จบที่ตรงนี้ ทุกอย่างให้รอจนกว่าเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์จะออกมา”
เขากล่าวกับไหวเหริน “ไม่ว่าท่านทำไปด้วยเจตนาดีหรือร้าย คำตอบของข้าก็ยังคงเป็น ‘ไม่’ ”
ไม่ว่าจะมีอาวุโสแค่ไหน มีเกียรติเพียงใด หรือคนที่ดูแลสำนักจะเป็นศิษย์ของนาง ทำไปด้วยอารมณ์หรือทำด้วยเหตุผล ก็ล้วนถูกบีบเข้าสู่ทางนี้
ไม่สำคัญว่าราชสำนักจะสนับสนุนเต็มที่ หรือปรมาจารย์เต๋าได้วางแผนด้วยตัวเอง หรือมีคนมากมายอยากเห็นการปิดอาราม ต่อให้รวมกันทั้งหมด
หากเขากล่าวว่า ‘ไม่’ ถ้าอย่างนั้นมันก็จะไม่เกิดขึ้น มันคือ ‘ไม่’ แม้ว่าทุกคนจะบอกว่า ‘ใช่’
เพราะเขาเป็นสังฆราช
……
……
“รอให้เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ออกมา”
“แล้วนางจะออกมาเมื่อไหร่”
“สิบปี ยี่สิบปีหรือว่าห้าสิบปี”
“หากนางไม่ออกมาอีกเลยเล่า”
“หากนางตายล่ะ”
เสียงแหลมดังมาจากเทือกเขา
ตอนแรกทุกคนคิดว่าเจ้าของเสียงกำลังถาม แต่จากนั้นพวกเขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เสียงนี้เปี่ยมไปด้วยความเกลียด เต็มไปด้วยความแค้น ไม่ใช่คำถามที่จริงใจแต่เป็นคำสาปแช่งที่บาดลึกไปถึงกระดูก
คนผู้นั้นสาปแช่งสวีโหย่วหรงไม่ให้ออกมาได้ ถึงกับให้ตายในทันที!
ได้ยินเช่นนี้ แม้แต่ไหวเหรินกับศิษย์น้องก็ยังประหบาดใจ อย่าว่าแต่พวกศิษย์ที่อยู่ด้านล่างเลย
เคล้ง เคล้ง เคล้ง เคล้ง เสียงดังก้องในอากาศตอนที่กระบี่เล่มแล้วเล่มเล่าถูกชักออกจากฝัก เจตจำนงกระบี่อัดแน่นอยู่เหนือที่ราบสูง เล็งไปที่ทางเดินภูเขาอย่างโกรธเกรี้ยวและระมัดระวัง
สายตานับไม่ถ้วนมองตามเจตจำนงกระบี่ไปที่ทางเดินภูเขา
เงาร่างสองสายค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนทางแยกระหว่างที่ราบสูงกับทางเดินภูเขา
หนึ่งเป็นอาลักษณ์ อีกหนึ่งเป็นนักพรตหญิง
การปรากฏตัวของคนทั้งคู่ทำให้หลายคนลุกขึ้นอย่างฉับพลัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เซียงอ๋องขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่ขุนพลเทพข้างกาย จากนั้นก็ลุกขึ้นช้าๆ เช่นกัน
มีน้อยคนในต้าลู่ที่สามารถทำให้เซียงอ๋องลุกขึ้นต้อนรับได้ อาลักษณ์กับนักพรตหญิงเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น
เปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้แห่งแปดมรสุม
ตัวตนของพวกเขาแพร่เข้าสู่ผู้บำเพ็ญเพียรพันกว่าคนบนที่ราบสูงอย่างรวดเร็ว
ฝูงชนยืนขึ้นและคำนับราวกับคลื่น จากนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ
ทำไมยอดฝีมือทั้งสองพลันปรากฏตัวที่นี่
สำนักมากมายรู้ว่าอู๋ฉยงปี้มีความแค้นกับสวีโหย่วหรงและสำนักฝึกหลวง ทว่ามันมากถึงกับที่นางจะสาปแช่งสวีโหย่วหรงด้วยคำพูดที่เกลียดชังเช่นนี้หรือ และต่อให้นางโหดเหี้ยมหยาบช้าตามข่าวลือ แต่คนแบบเปี๋ยยั่งหงจะปล่อยให้ภรรยาทำตัวเกินเลยแบบนี้หรือ
มีอะไรเกิดขึ้นที่ทำให้มีความแค้นใหม่ระหว่างพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกหรือ
ใต้สายตานับไม่ถ้วน อู๋ฉยงปี้เดินเข้าสู่ใจกลางที่ราบสูง
นางใช้สายตาเย็นชาและชั่วร้ายมองไปรอบๆ และดังที่คาดไว้ มันไปหยุดอยู่ที่เฉินฉางเซิง
“องค์หญิงเผ่ามารอยู่ไหน ซ่อนอยู่ในสวนโจวอย่างนั้นหรือ”
มีคนมากมายในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรรู้ว่าสวนโจวอยู่ในมือของเฉินฉางเซิง แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าเขามีแค่กุญแจสู่สวนโจวเท่านั้น
องค์หญิงเผ่ามารหนานเค่ออยู่ข้างกายเฉินฉางเซิงก็เป็นความลับที่เปิดเผยไปแล้ว
แม้แต่คนที่โลภมากและผยองเพียงใดก็ไม่กล้าชิงสวนโจวจากเฉินฉางเซิง
คนที่ใจร้อนวู่วามที่สุดก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยความลับต่อหน้าฝูงชนและตั้งคำถามกับคุณธรรมของเฉินฉางเซิง
เพราะเฉินฉางเซิงคือสังฆราช
ถึงแม้มันจะไม่ใช่เจตนาเดิมของเขา เกียรติยศของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นหลังจากเรื่องของยาจูซาเป็นที่รู้จักไปทั่ว
บนชายแดนเหนือ ตอนนี้มีผู้ศรัทธามากมายที่ถือว่าเขาเป็นเทพแห่งความรักและการเสียสละจุติลงมา ให้ความเคารพรักเขาอย่างไม่มีสิ้นสุด
แม้แต่ในแดนใต้ ความสัมพันธ์ของเขากับซูหลีและเหลียงหวังผ้อทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขานั้นน่าเชื่อถือศรัทธามากกว่าอดีตสังฆราช
วันนี้อู๋ฉยงปี้พลันเปิดเผยความลับนี้ออกมา นางต้องการทำอะไรกันแน่
ที่ราบสูงนิ่งงันผิดปกติ
อู๋ฉยงปี้จ้องไปยังดวงตาเฉินฉางเซิงและกล่าว “องค์หญิงเผ่ามารฆ่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์ไปหลายคน พระองค์มีเจตนาใดจึงรับนางไว้”
เฉินฉางเซิงรู้มาตลอดเวลาว่าเขาต้องพบกับคำถามนี้และเตรียมใจเอาไว้แล้ว เขากล่าว “ในการต่อสู้บนเทือกเขา หนานเค่อช่วยข้าหลบหนีจนได้รับบาดเจ็บที่ห้วงแห่งจิต ตอนนี้ไม่ได้สติ ในตอนนั้นข้าสัญญาว่าข้าจะรักษานาง เมื่อนางได้รับการรักษาแล้ว ข้าย่อมไล่นางไป และเป็นศัตรูกันเมื่อได้พบกันใหม่”
“เมื่อนางได้รับการรักษาแล้ว หากอาการป่วยของนางรักษาไม่หายเล่า หากนางปัญญาอ่อนไปจนตายเล่า”
คำพูดของอู๋ฉยงปี้ยังคงเคียดแค้น ฟังเหมือนคำสาปแช่ง
ไม่ว่านิสัยของเฉินฉางเซิงจะอ่อนโยนเพียงใด เขาก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ คิดในใจ เกิดอะไรขึ้นถึงทำให้นางเป็นบ้าเช่นนี้
“เจ้าไม่ยอมมอบหนานเค่ออกมา แต่เจ้าก็น่าจะส่งตัวมังกรดำชั่วช้านั่นมาใช่ไหม”
อู๋ฉยงปี้จ้องตาเขา ริมฝีปากมีรอยยิ้มจาง แต่สีหน้าดูโศกเศร้ามากกว่ายิ้ม นางดูเหมือนกำลังร้องไห้ ทำให้ดูน่าเกลียด
รอยยิ้มนางค่อยๆ เลือนหายไป ประกาศด้วยสีหน้าเฉยชา “ข้าอยากถลกหนังนาง ฉีกเนื้อนาง สับนางให้เป็นชิ้นๆ บางทีข้าจะกินมันดิบๆ หรือบางทีอาจเอาไปต้มน้ำแกง แต่ข้าจะกินมันให้มหด ไม่ให้เหลือเลยสักชิ้นสักหยด แม้แต่ถ้วยชามก็จะเคี้ยวกลืนลงไป”
น้ำเสียงนางเย็นชาราวกับลมเย็นเยือกจากเหวนรกด้านหลังเมืองเสวี่ยเหล่า
คำพูดของนางเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ดังก้องไปทั่วที่ราบสูง พัดไปราวกับสายลมชั่วร้ายที่ทำให้ทุกคนตัวสั่นด้วยความกลัว
ในตอนนี้แม้แต่คนที่หัวช้าที่สุดก็มองออกว่าความเกลียดชังที่อู๋ฉยงปี้มีต่อเฉินฉางเซิงนั้นสูงเทียมฟ้า
เฉินฉางเซิงนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน จากนั้นก็หันไปหาเปี๋ยยั่งหงและถาม “ท่านเปี๋ยเกิดอะไรขึ้น”
การยึดอำนาจที่สุสานเทียนซูส่งผลให้เกิดการตายของยอดฝีมือในต้าลู่หลายคน แปดมรสุมตกต่ำลง ต่อให้รวมเซียงอ๋อง เจ้าสำนักกระบี่หลีซานและหวังผ้อเข้าไป ก็ยังไม่อาจกลับไปถึงจุดเดิมที่เคยเป็น ในคนกลุ่มนี้ เปี๋ยยั่งหงมีชื่อเสียงดีงามเสมอมาและได้รับความชื่นชมอย่างล้ำลึก เขากับภรรยาอู๋ฉยงปี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่ชื่นชมเปี๋ยยั่งหงอย่างมาก เฉินฉางเซิงก็ยินดีที่จะเชื่อใจเขา
เปี๋ยยั่งหงยังคงนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถาม
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ”
อู๋ฉยงปี้ร้องอย่างเคร่งเครียด “พระองค์ให้เจ้ามังกรชั่วนั่นฆ่าลูกชายข้า แล้วยังมีหน้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น!”
คำพูดนี้ทำให้เกิดเสียงร้องด้วยความตกใจขึ้นอย่างฉับพลันบนที่ราบสูง