ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 73 สำหรับทุกคนบนโลก ข้าย่างปลาริมลำธาร
ราชสำนักได้แสดงท่าทีออกมาแล้ว
ขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวยืนขึ้นพร้อมกับยอดฝีมืออีกหลายร้อยคนเป็นท่าทีเช่นกัน ดูน่าหวาดกลัวเหลือล้น
ฝูงชนเริ่มสับสนวุ่นวาย มีสำนักมากมายหันไปมองเพื่อนรอบกายและดูว่าพวกเขาจะเลือกข้างไหน
เฉินฉางเซิงมองภาพนั้นเงียบๆ คิดอะไรอยู่ก็ไม่อาจทราบได้
ฮู่ซานสือเอ้อร์ก็รู้สึกว่าทางที่ดีก็คือให้สังฆราชเรียกมังกรดำมาเพื่ออธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง สังฆราชปฏิเสธที่จะทำ เขาเดินไปหาเฉินฉางเซิงและกล่าวเบาๆ “ในขณะที่ได้รับการคุ้มครองด้วยค่ายกลกระบี่สถานศึกษาหนานซี พระองค์ควรเรียกหนานเค่อมาแล้วหนีไป”
เฉินฉางเซิงยังคงนิ่งเงียบ
เขาไม่คาดคิดว่าลางร้ายที่เขารู้สึกเมื่อวานตรงหน้าผนังหินบนยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขา
นี่เป็นแผนที่น่ากลัวอย่างแท้จริง ในตอนนี้เขายังไม่อาจหาจุดอ่อนที่ชัดเจนได้เลย
เขาบอกได้เลยว่าแผนนี้ไม่ใช่เพียงการตายของเปี๋ยเทียนซิน ทว่ายังมีเรื่องที่ซุกซ่อนเอาไว้ด้วย
ก่อนอื่นคนผู้นั้นใช้เรื่องการปิดอารามของสถานศึกษาหนานซีรบกวนจิตใจเขาได้สำเร็จ ทำให้เขาต้องเดินทางตามลำพัง ส่งผลให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์บนที่ราบสูงในวันนี้ หากมันเป็นเหมือนกับในเมืองเวิ่นสุ่ยที่เขานำทหารม้านิกายหลวงหลายพันนายติดตามมาและมีราชันย์แห่งหลิงไห่กับอันหลินอยู่ข้างกาย มีของวิเศษนิกายหลวงอยู่ในมือ เขายังตัองกลัวด้วยหรือ
แล้วจากนั้นคนผู้นั้นก็ใช้ลมหายใจมังกรเยือกแข็งของมังกรยักษ์น้ำค้างแข็งฆ่าเปี๋ยเทียนซิน ทำให้เปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้เชื่อว่าคนร้ายตัวจริงคือมังกรดำ คนผู้นั้นรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาไม่อาจเรียกจี๊ดจี๊ดมาให้การได้ ทำให้เปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้เชื่อว่าเขาเป็นตัวการในการสังหาร ทำให้เกิดสถานการณ์ในตอนนี้ขึ้น
มีแต่ยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างเปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้ที่โศกเศร้ากับความตายของบุตรชายจึงกล้าลงมือโจมตีสังฆราช และสถานการณ์นี้เท่านั้นที่เซียงอ๋องกับราชสำนักจะมีข้ออ้างเพียงพอที่จะลงมือ ทำให้เขาถูกล้อมเอาไว้
จริงอยู่ ไม่ใช่ว่าเฉินฉางเซิงไม่ยอมเรียกจี๊ดจี๊ดมา หากแต่เขาไม่อาจเรียกนางมาได้
ตอนที่เปี๋ยยั่งหงยื่นมือขวาออกมาและเห็นผลึกน้ำแข็งที่เปี่ยมไปด้วยพลังของลมหายใจมังกรเยือกแข็ง เขาก็ได้พยายามที่จะติดต่อกับนางผ่านสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงระหว่างดวงจิตของพวกเขา
แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา
ตามแผนของพวกเขาและเวลาที่ผ่านไป จี๊ดจี๊ดน่าจะอยู่ในเมืองไป๋ตี้และน่าจะไม่มีอันตรายอันใด
แต่ในตอนนี้เขาสัมผัสได้แค่ว่านางยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาไม่อาจสื่อสารกับนางได้ อย่าว่าแต่เรียกนางมายอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์เลย
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแผนการที่ถูกเตรียมการเอาไว้อย่างรอบคอบ ดูเหมือนจะคำนวณทุกอย่างที่เขาน่าจะทำเอาไว้แล้ว
คนผู้นี้เป็นใครกัน
เฉินฉางเซิงมองไปที่เซียงอ๋องกับขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวรวมถึงพวกนักพรตชุดน้ำเงินและยอดฝีมือราชสำนัก คิดในใจ ตัวการไม่ใช่อาจารย์ แต่อาจารย์ต้องรู้เรื่องนี้และมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างล้ำลึก แต่…อาจารย์ต้องการให้ช้าตายถึงเพียงนี้จริงหรือ เขายังต้องการให้ข้าตายให้ได้อยู่อีกหรือ
ตอนนี้ดูเหมือนว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะจากไป
แต่เขาไม่อาจจากไป เพราะเขาไม่อาจทิ้งศิษย์สถานศึกษาหนานซีที่ยืนตรงหน้าเขาให้ต่อสู้ตามลำพัง เขาได้รับปากสวีโหย่วหรงว่าเขาจะช่วยนางปกป้องยอดเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์
ที่ราบสูงเงียบงันราวความตาย
ขุนพลเทพพยัคฆ์ขาวมองเขาอย่างไม่ยินดียินร้ายจากระยะไกล
นักพรตชุดน้ำเงินจากอารามฉางชุนก็มองเขาอย่างไม่ยินดียินร้ายเช่นกัน
ยอดฝีมือราชสำนักหลายร้อยคนและสำนักมากมายก็มองมาที่เขาอย่างไม่ยินดียินร้าย
เซียงอ๋องมองเขาอย่างไม่ยินดียินร้าย
อู๋ฉยงปี้มองเขาอย่างไม่ยินดียินร้าย
ทุกคนมองเขาอย่างไม่ยินดียินร้าย
ดูเหมือนกับว่าเวลาแข็งค้างไป เมฆ ภูเขา ต้นไม้และหน้าผาเสียสีสันและพลังชีวิตทั้งหมดไป
บรรยากาศบนที่ราบสูงกดดันและตึงเครียดถึงที่สุด
“ศิษย์พี่ เราควรทำอย่างไรดี”
ไป๋ไช่มองไปรอบๆ และถามอย่างเป็นกังวล
เขาไม่รู้จักเฉินฉางเซิงอย่าว่าแต่มังกรชั่วในตำนาน เขาจึงไม่ต้องการที่จะก้าวออกมา แต่กระนั้นในฐานะศิษย์สำนักกระบี่หลีซาน เขาย่อมต้องการปกป้องศิษย์น้องสถานศึกษาหนานซี ในตอนนี้เกือบทุกคนบนที่ราบสูงกำลังยืนอยู่ตรงข้ามกับเฉินฉางเซิงและสถานศึกษาหนานซี ดังนั้นที่หลีซานที่มีแค่ไม่กี่คนจะทำอย่างไรดี
โก่วหานสือมองดูศิษย์สถานศึกษาหนานซีที่กระวนกระวายและกล่าว “หากมีบางอย่างไม่คาดคิดเกิดขึ้น เราย่อมต้องชักกระบี่เข้าช่วย”
หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่เฉินฉางเซิง แต่โก่วหานสือไม่เคยคิดว่าเฉินฉางเซิงจะฆ่าเปี๋ยเทียนซินจริงๆ เพราะเขารู้ว่าเฉินฉางเซิงไม่ใช่คนแบบนั้น
ไป๋ไช่คิดว่าเขาเข้าใจความหมายของศิษย์พี่ มือขวาวางบนด้ามกระบี่และกล่าวอย่างเคร่งขรึม “วางใจได้ศิษย์พี่ ต่อให้ข้าต้องสละชีวิต ข้าก็จะปกป้องศิษย์น้องให้ได้”
โก่วหานสือกล่าว “ข้าพูดถึงองค์สังฆราช”
ไป๋ไช่ตกใจมองเขทแล้วถาม “ถ้าอย่างนั้น…ศิษย์พี่ใหญ่จะคิดอย่างไร”
“หากศิษ์พี่อยู่ที่นี่เขาก็จะทำแบบเดียวกัน”
โก่วหานสือเสริม “แน่นอน ศิษย์พี่มีปัญญาเหนือกว่าตัวข้ากับเจ้า หากเขาอยู่ที่นี่เขาอาจคิดหาวิธีที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้”
……
……
สถานการณ์บนที่ราบสูงตึงเครียดอย่างมากและเป็นไปได้ที่จะจบลงด้วยการต่อสู้อันวุ่นวายและยากลำบาก อย่างไรก็ตามนี่ไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นของยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์
ที่ตีนเขาของยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์มีลำธารที่น้ำใสสะอาดจนมองเห็นก้นลำธาร มีคนสองคนกำลังนั่งบนก้อนหินริมลำธาร ย่างปลากินอยู่ กลิ่นหอมของปลาย่างที่ร้อนลวกลอยไกลออกไป ดึงดูดเสียงร้องของนกมากมายทำให้พุ่มไม้ใกล้เคียงสั่นไหว
ผู้นำตระกูลชิวซานคว้าแท่งไม้เสียบปลาย่างและมองดูมันอย่างละเอียด เมื่อยืนยันแล้วว่าไม่ได้ถูกวางยาก็กัดกินคำหนึ่ง
“ทำไมเจ้าต้องลำบากมาด้วย เจ้าต้องรู้ว่าหากเจ้าพลาดโอกาสดีในวันนี้ เจ้าจะไปกระตุ้นความโกรธของสวรรค์”
เขามองไปที่คนซึ่งนั่งอยู่ข้างกองไฟและกล่าว “เจ้าเนรเทศตัวเองไปนานถึงห้าปีแล้ว หากเจ้าไม่ทำอะไรในตอนนี้ ปล่อยให้มันเป็นไปเช่นนี้ โลกก็จะรู้แค่สวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิง พวกเขาย่อมไม่นึกถึงชื่อชิวซานจวิน”
ชายที่ย่างปลาก็คือชิวซานจวินและยังเป็นหลัวปู้แห่งคอกม้าผาชันอีกด้วย
หลังจากออกจากเมืองเวิ่นสุ่ย เขาก็กลับมาหลีซาน โดนศิษย์น้องหญิงอ้อนวอนอย่างหนักเขาถึงได้โกนหนวดเคราออกในที่สุด เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
นับว่ายากที่จะบรรยายใบหน้าของชิวซานจวิน พูดโดยสรุป แม้แต่ผู้นำตระกูลชิวซานก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีกทุกครั้งที่เขาเห็นลูกชายที่เขาภาคภูมิใจ มักจะสงสัยอยู่เสมอ บิดาเช่นข้ามีลูกหล่อเหลาเช่นนี้ได้อย่างไร
ชิวซานจวินหยิบปลาย่างตัวที่สองและกัดกินอย่างพอใจ เขาพูดด้วยเสียงอู้อี้อยู่บ้าง “ใช่ว่าข้าใช้ชีวิตเพื่อให้คนอื่นจดจำเสียหน่อย”
ผู้นำตระกูลชิวซานถามกลับ “เช่นนั้นก็ไปกักตน เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
ชิวซานจวินหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร
ผู้นำตระกูลชิวซานโมโหมากขึ้นและกล่าว “หากข้าไม่มาเพื่อห้ามเจ้าไว้ เจ้าคงอยู่บนเขาไปเรียบร้อยแล้ว”
ชิวซานจวินกล่าว “คาดว่าบนเขาคงตื่นเต้นทีเดียว ข้าต้องการจะขึ้นไปดูสักหน่อย”
ผู้นำตระกูลชิวซานบ่น “เจ้าคิดจริงหรือว่าเจ้าจะหลอกบิดาของเจ้าได้ เจ้าแค่อยากช่วยเฉินฉางเซิงออกจากกับดักนี้ จริงสินะ คนเห็นแก่ตัวเจ้าเล่ห์ในหัวมีแต่เรื่องชั่วร้ายอย่างข้าจะเป็นบิดาของคนอย่างเจ้าที่เปี่ยมคุณธรรมมากน้ำใจและจิตใจสูงส่งได้อย่างไรกัน”
ชิวซานจวินอดที่จะหัวเราะไม่ได้ และตอบ “ท่านพ่อ คำพูดพวกนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ”
ผู้นำตระกูลชิวซานตอบอย่างโมโห “เจ้าไม่ต้องมาสนว่ามันน่าสนใจหรือไม่ แค่บอกข้าว่าที่ข้าพูดไปมันถูกหรือผิด”
“ถูกต้อง ข้าเตรียมที่จะขึ้นไปบนเขาเพื่อจบแผนร้ายนี้เสียที”
ชิวซานจวินอธิบาย “เพราะข้าคิดว่าคนที่วางแผนร้ายนี้ดูถูกสติปัญญาข้า”