ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 77 หงส์มากลางแสงเจิดจ้า
ในมุมมองของเซียงอ๋องกับคนที่มีข้อมูลเบื้องลึกมากหน่อยก็คือ เปี๋ยยั่งหงกำลังระวังหลังให้กับอู๋ฉยงปี้
เฉินฉางเซิงมิใช่คนธรรมดา
เขาคือสังฆราช
หากคนผู้หนึ่งต้องการสังหารสังฆราช ก็ต้องพบเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝันที่สุด
หากต้องการจะฆ่าสังฆราช ก็ต้องเจอกับสิ่งกีดขวางทุกชนิด
อย่างเช่นดาบนั้น
ในตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าดาบนั้นมายังยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครรู้ว่าดาบนั้นจะพลันตกลงมาจากท้องฟ้าโดยไม่มีสัญญาณเตือนและตัดผ่าทุกอย่างในโลกที่ผู้ใช้ต้องการจะตัด เหมือนกับที่เกิดขึ้นบนแม่น้ำลั่วในจิงตู
……
……
ตอนนี้ใครจะมาช่วยเขาได้ เฉินฉางเซิงไม่เคยคิดถึงคำถามนี้
ตอนที่อยู่เมืองเวิ่นสุ่ย เขารู้ว่าดาบนั้นอยู่นอกเมือง เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาขอร้องไว้
ทว่าเพราะเขารีบเดินทางจากเมืองเฟิ่งหยางมายังยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสได้แจ้งผู้ถือดาบนั้นล่วงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขาได้รู้ชะตาของตัวเองตั้งแต่สิบขวบ เมื่อใดก็ตามที่เขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตราย อย่างเช่นความมืดมิดที่เป็นสัญญาณแห่งความตาย เขาก็คุ้นเคยกับการเผชิญหน้ามันตามลำพังแล้ว
การฝากความหวังไว้ที่คนอื่นหมายความว่าเขาไม่อาจควบคุมชะตาของตนเอง
เขาไม่ต้องการที่จะเป็นคนแบบนั้น เขาไม่ใช่คนเช่นนั้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาฝากความหวังไว้บนมือของตัวเองตลอดมา
เห็นทะเลบัวที่ซ่อนอันตรายไร้จำกัด สัมผัสปราณแห่งการดับสูญ เขาก็รู้ว่าเขาไม่อาจซ่อนความแข็งแกร่งได้อีกต่อไป
เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ แผนการหรือลูกไม้ใดก็ไม่เป็นผล มีแต่จะถูกลงโทษเท่านั้น
มือขวายังจับอยู่ที่ด้ามกระบี่ กระบี่นับไม่ถ้วนในฝักพร้อมที่จะออกมาปกคลุมท้องฟ้าได้ทุกขณะ
มือซ้ายของเขายกสูงขึ้น สัตว์อสูรในสวนโจวพร้อมที่จะออกมาได้ทุกขณะ กวาดล้างภูเขาราวกับเกลียวคลื่น
ในสวนโจว หนานเค่อพร้อมแล้ว
แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์บนข้อมือก็พร้อมแล้ว
เขาเชื่อว่าเจ๋อซิ่วที่ยังไม่ปรากฏตัวก็พร้อมแล้วเช่นกัน
เช่นเดียวกับร่มกระดาษทอง ศิลาดาวตก ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์นิกายหลวง
ไม่มีใครเคยเห็นลูกไม้ทั้งหมดของเฉินฉางเซิงมาก่อน
แม้แต่ในคืนนั้นบนภูเขาหิมะ ตอนที่เผชิญหน้ากับราชามารในตำนาน เขายังมีลูกไม้อีกมากที่ไม่ได้ใช้ออก
ตามแผนเดิม ลูกไม้พวกนี้จะเก็บไว้ใช้กับผู้อาวุโสคนหนึ่ง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกมันต้องแสดงตัวออกมาต่อสายตาชาวโลกแล้ว
ถึงกระนั้น เขาจะสามารถต้านรับการโจมตีเต็มกำลังของยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ได้หรือเปล่า
เขาไม่มั่นใจ เพราะกำแพงนี้สูงมากจริงๆ
โลกนี้ก็ไม่มั่นใจเช่นกัน ไม่อย่างนั้นทำไมจึงได้มีคนมากมายพุ่งมาหาเขา
คนพวกนั้นเป็นกังวล สิ้นหวัง หรือบางทีอาจเริ่มรู้สึกโศกเศร้าไปแล้ว
ทันใดนั้นฟ้าดินก็เปลี่ยนสี
เมฆดำหนาถูกย้อมด้วยแสงสีทองในทันที
ท้องฟ้าหม่นมัวพลันสว่างสุกใสหาใดเปรียบ
ป่าภูเขาเริ่มลุกไหม้
ความกังวล สิ้นหวังและโศกเศร้าได้เปลี่ยนไปเป็นความตกใจ
ทุกคนมองไปบนท้องฟ้า
แนวไฟปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
แนวไฟนี้ยาวมาก พุ่งขึ้นจากที่ซึ่งปกคลุมไปด้วยเมฆ
ผู้คนจากสถานศึกษาหนานซีล้วนสามารถเดาได้ว่ามันมาจากยอดเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์
แนวไฟนี้ทอดยาวมายังที่ราบสูงด้วยความเร็วที่เกินจินตนาการ ราวกับดาวตกที่ร่วงลงจากสวรรค์ ทิ้งไว้แต่รอยเพลิงตามทางที่มันผ่านไป
ไม่มีใครมีเวลาตอบสนอง พวกเขาได้แต่มองดูแนวเพลิงนี้ตกลงบนขอบของที่ราบสูง
เศษต้นอู๋ถงที่แหลกสลายพลันลุกไหม้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน ประกายไฟ แสงและความร้อนกระจายไปทุกทิศทาง
ปีกหงส์งดงามจับตาคู่หนึ่งกระพืออยู่ในเปลวไฟ!
เสียงร้องกระจ่างใสของหงส์ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน!
เปลวเพลิงระเบิดด้วยพลังที่เหนือจินตนาการพุ่งไปทางทะเลบัวแห่งการดับสูญ
เงากระบี่นับไม่ถ้วนกะพริบอยู่ในเปลวไฟ ลอยสูงขึ้นและตกลง แต่พวกมันไม่ได้ดูชั่วร้าย ในทางกลับกันพวกมันดูซื่อตรงสง่างามและศักดิ์สิทธิ์อย่างที่สุด
ปราณสองสายปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงราวกับระฆังล่องหนขนาดใหญ่ถูกตีโดยเทพที่กลับคืนสู่ทะเลดวงดาว เสียงรุนแรงนี้ได้ยินไปไกลหลายสิบลี้บนแม่น้ำถงเจียง
ระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นบนแม่น้ำ ชาวประมงบนเรือและชาวบ้านในบ้านของพวกเขาล้วนคุกเข่าลงด้วยความตกใจและเริ่มสวดภาวนา
ผู้บำเพ็ญเพียรบางคนบนที่ราบสูงที่อยู่ใกล้เกินไปและมีการบำเพ็ญเพียรต่ำเกินไปถูกกระแทกสลบไปด้วยแรงสั่นสะเทือน
หลังจากเวลาผ่านไป ปราณปั่นป่วนน่าหวาดหวั่นก็ค่อยๆ สงบลง เปลวเพลิงดับลง แสงจางหายไป
ครั้นเห็นเจตจำนงกระบี่ที่ยังคงแข็งแกร่งผ่าเผยในแสงและรอยกระบี่ที่ประณีตอย่างยิ่ง หลายคนก็นึกไปถึงภาพอันมีชื่อเสียง
มันเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน บนสะพานหน่านเหอในจิงตู การต่อสู้กลางหิมะ
เมื่อเห็นร่างบอบบางในควัน ฝูงชนก็ตกตะลึงและเริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วนอยู่ในแสง เมื่อฝุ่นสงบลง พวกมันก็เริ่มรวมตัวกันเป็นกระบี่เดียว
ดังที่คาดไว้ มันคือเพลงกระบี่จรัสแสงในตำนาน!
ดังที่คาดไว้ นี่คือเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์สวีโหย่วหรง!
……
……
สวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิงยืนเคียงข้างกันที่ริมผา เผชิญหน้ากับอู๋ฉยงปี้
เฉินฉางเซิงกุมกระบี่ไร้ราคีในขณะที่สวีโหย่วหรงถือกระบี่จำศีล
ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวอยู่บ้าง พวกเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่สีหน้าก็ยังสงบอยู่
ที่ราบสูงเงียบงันอย่างที่สุด ทุกคนตกใจเกินกว่าจะพูดออก พวกเขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นภาพลวงตา
เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ออกจากการกักตนก่อนเวลา!
นางรู้หรือไม่ว่านางต้องจ่ายค่าตอบแทนสูงเพียงไร นี่อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้ต่อการบำเพ็ญเพียรของนาง ฝูงชนหันไปทางเฉินฉางเซิงและเดาสาเหตุที่นางออกจากการกักตนก่อนเวลา ในที่สุดก็ยืนยันได้ว่าข่าวลือเป็นจริง สีหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นซับซ้อนอย่างยิ่ง มีทั้งชื่นชม ใฝ่หาและแน่นอนว่ามีความอิจฉาอย่างมาก
แน่นอนว่ามีอีกความหมายหนึ่ง สวีโหย่วหรงได้เข้าสู่เขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์และออกมาจากการกักตน แต่ใครจะทำเรื่องแบบนี้ได้ในเวลาแค่สองปี เฉินเสวียนป้าทำไม่ได้ จักรพรรดิไท่จงก็ทำไม่ได้ หวังจื่อเช่อก็ไม่อาจ แม้แต่โจวตู๋ฟูก็ไม่
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าสวีโหย่วหรงทำไม่สำเร็จ เมื่อแสงค่อยๆ จางลง ปราณที่นางแผ่ออกมาชัดเจนขึ้น แม้ว่ามันจะบริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์และประณีต มันก็ยังมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างมันและเขตแดนนั้น หากเป็นเช่นนี้ แล้วนางสามารถรับการโจมตีเต็มกำลังของยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร
นี่ทำให้ฝูงชนตกใจอย่างแท้จริง
ที่ตกใจที่สุดก็คืออู๋ฉยงปี้ เพราะนางเป็นคนที่ถูกต้านเอาไว้
นางมองไปยังสวีโหย่วหรงกับเฉินฉางเซิงที่ยืนข้างกัน ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ดวงตามืดลง
กระบี่จำศีลน่าเกรงขามจริงๆ บรรจุไว้ด้วยเจตจำนงกระบี่ที่ไร้ขีดจำกัดและแสงอันไร้สิ้นสุด ในแง่ของวิชาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นเพลงกระบี่ที่น่าเกรงขามที่สุดในโลก
ทว่ามันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้สวีโหย่วหรงสามารถรับการโจมตีเต็มกำลังของอู๋ฉยงปี้ได้
ภายใต้การสะกดข่มของระดับการบำเพ็ญเพียร เพลงกระบี่ที่ประณีตที่สุดก็ยังไร้ความหมาย
แต่เมื่อนางตั้งใจจะใช้เต๋าแห่งการดับสูญในทะเลบัวของนางสะกดสวีโหย่วหรง เจตจำนงกระบี่อีกสายก็เข้าร่วมการต่อสู้
มันย่อมเป็นกระบี่ของเฉินฉางเซิง
เจตจำนงกระบี่ของเฉินฉางเซิงเข้าร่วมวง กระบี่จรัสแสงของสวีโหย่วหรงก็กลายเป็นกลมเกลียวยิ่งขึ้น แทบจะถึงจุดที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
เหมือนกับว่าทุกการกวัดแกว่งของกระบี่จำศีลผสานไว้ด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์จางๆ!
ที่ทำให้อู๋ฉยงปี้ประหลาดใจและไม่สบายใจยิ่งกว่าก็คือพลังของกระบี่จรัสแสงที่ระเบิดออกอย่างฉับพลันในตอนนั้น มีความแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่