ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 85 ระหว่างเทพศักดิ์สิทธิ์
คนชุดน้ำเงินถูกบีบกลับมาเพราะเขาคำนวณพลาดไป
อู๋ฉยงปี้สามารถต้านรับดาบนั้นไว้ได้สามลมหายใจจริงๆ
ปัญหาก็คือตอนที่เปี๋ยยั่งหงเริ่มโจมตีเขาอย่างโหดเหี้ยมแบบไม่เคยมีมาก่อน อู๋ฉยงปี้ผู้เป็นภรรยาก็ย่อมมีปฏิกิริยา
หลังจากนั้น ไม่ว่านางจะเข้าใจการกระทำของเปี๋ยยั่งหงหรือยังสับสนตกใจอยู่ ก็ล้วนทำให้นางลงมือเชื่องช้าไปบ้าง
สุดท้ายแล้วดาบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสามลมหายใจเพื่อตัดแส้หางม้าของนางและกรีดผ่านแขนเสื้อนาง
ดังนั้นตอนที่คนชุดน้ำเงินรู้สึกว่าเขาหนีไปได้ในที่สุด เขากลับพบดาบเหล็กพุ่งมาหาจากบนท้องฟ้า
เสียงคำรามเต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้นสะท้อนไปทั่วฟ้า และตกลงมาสู่ภูเขา
ที่ตามมาก็คือเสียงหวีดหวิวของอากาศ
เส้นตรงลากยาวจากท้องฟ้าสู่หน้าผา สามารถมองเห็นร่างสองร่างอยู่ด้านหน้าเส้นตรงนั้น ตูม! ฝุ่นผงลอยขึ้นจากหน้าผา มีหลุมปรากฏขึ้น
ภูเขาสั่นสะเทือนเล็กน้อย หลังจากผ่านไปไม่กี่อึดใจ พื้นที่ส่วนหนึ่งของที่ราบสูงก็เริ่มปูดขึ้น จากนั้นก็ระเบิดออก ส่งฝุ่นผงลอยไปทุกแห่งหน
ร่างสองร่างพุ่งออกมาจากฝุ่นและกระแทกพื้นดิน
คนทั้งคู่ตกลงมาจากท้องฟ้า ปักลงสู่หน้าผาด้านล่าง แต่พวกเขาก็โผล่ขึ้นจากยอดเขา ขุดผ่านภูเขาทั้งลูก!
เมื่อฝุ่นผงเริ่มจางลง ร่างทั้งสองก็เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น คนชุดน้ำเงินกำลังคุกเข่า มือทั้งสองประกบกันดาบเหล็กสีดำสนิทเอาไว้
คนที่ถือดาบย่อมเป็นหวังผ้อ
แต่เขาไม่ได้หันกลับไป และจากด้านหลังของเขาก็สามารถมองเห็นภูเขาสูงชันและลำธาร
เปี๋ยยั่งหงกลับไปยังที่ราบสูงแล้ว ฝุ่นฟุ้งขึ้นเมื่อหมัดของเขาพุ่งเข้าใส่คนชุดน้ำเงิน
ที่ตามหมัดนั้นมายังเป็นดอกไม้แดงดอกเล็กๆ นั่น
ดอกไม้เสียกลีบดอกไป ดูเหมือนจะเสื่อมถอยไปเล็กน้อย กระนั้นก็ยังมีพลังที่น่าหวาดกลัวอยู่
คนชุดน้ำเงินพลิกมือ ถือทวนในแนวขวางกันดาบเอาไว้ ในขณะเดียวกัน เขาก็กระทืบเท้าส่งฝุ่นขึ้นปะทะกับดอกไม้
ดอกไม้เบ่งบานอีกครั้ง เกิดภาพอันงดงามยามที่มันลอยผ่านอากาศ
ดาบเหล็กฟันลงมาอีกครั้งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!
เปรี๊ยะ! ทวนสีน้ำเงินหัก!
คนชุดน้ำเงินคำราม แขนเสื้อของเขาม้วนฝุ่นขึ้นเพื่อหวังว่าจะสามารถซื้อเวลาได้ชั่วขณะหนึ่ง
แต่ฝุ่นไม่อาจหยุดดอกไม้แดง อย่าว่าแต่สลายประกายดาบเลย
ดอกไม้แดงเบ่งบานอีกครั้ง!
ดาบเหล็กฟันลงอีกครั้ง!
เคล้ง เคล้ง เคล้ง เคล้ง!
……
……
ปราณน่าหวาดกลัวยากหยั่งถึงสามสายพุ่งขึ้นจากที่ราบสูง ทะยานสู่หลังคาสวรรค์
เมฆบนท้องฟ้าลอยหนีไปด้วยความกลัว เมฆที่ลอยช้าถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ และหายไป
การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี
เสียงดอกไม้บานและเสียงหวีดหวิวของดาบเหล็กผ่าอากาศดังขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางฝุ่นควัน
สีแดงสดใสและแสงเจิดจ้าตัดผ่านกันอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นแสงและสีทั้งหมดก็หายไป
ตูม! ฝุ่นระเบิดออกอีกครั้ง
พื้นที่รัศมีสองลี้จากใจกลางที่ราบสูงพลันทรุดตัวลงไปครึ่งฉื่อ!
จากนั้นก็เกิดความนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน ไร้ซึ่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
ฝุ่นค่อยๆ สงบลง
สิ่งแรกที่เห็นก็คือพื้นดิน ดูเหมือนกับถูกบดมานับครั้งไม่ถ้วน ส่งผลให้เกิดพื้นผิวเรียบลื่นจนดูเหมือนกับปูด้วยหยก
จากนั้นร่างของเปี๋ยยั่งหงก็ปรากฏขึ้น
เสื้อผ้าเขาขาดวิ่นไปหมด เลือดที่มีประกายสีทองแวววาวไหลออกมาช้าๆ
เขาส่ายไหวสองครั้ง ใบหน้ามีสีแดงเจิดจ้าฉายวาบขึ้นจากนั้นก็ซีดขาวราวหิมะอย่างรวดเร็ว เขาน่าจะได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก
ไม่นานหลังจากนั้นหวังผ้อก็เดินออกมาจากฝุ่น มือขวาถือดาบ แขนเสื้อด้านซ้ายสั่นพลิ้วในสายลม
เหมือนเช่นที่เขาทำเป็นปกติ คิวทั้งคู่ลู่ลงเช่นเดียวกับไหล่ทั้งสองข้าง ทำให้เขาดูค่อนข้างข้นแค้น
อย่างไรก็ตาม เพราะเขาแขนขาด ไหล่ซ้ายจึงลู่ต่ำกว่าเล็กน้อย ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ เลือดกำลังไหลซึมออกมาจากหัวไหล่
ในการต่อสู้เมื่อครู่ เขาได้ใช้หัวไหล่รับฝ่ามือของคนชุดน้ำเงิน ไม่ยอมที่จะปล่อยให้ดาบช้าลงแม้แต่นิดเดียว
ในหมู่ยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าลู่ หวังผ้อกับเปี๋ยยั่งหงเป็นสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแง่ของการต่อสู้
วันนี้พวกเขาร่วมมือกัน มือของพวกเขาไม่ลดละเจตนาสังหารแน่วแน่ พวกเขาไม่ชักช้าแม้แต่น้อย เป้าหมายชัดเจนแจ่มแจ้ง
พวกเขาไม่ปล่อยให้คนชุดน้ำเงินมีโอกาสรอดไปได้
พวกเขาต้องการให้เขาตาย
……
……
หมวกไม้ไผ่สานของคนชุดน้ำเงินถูกทำลายไปก่อนหน้านี้ เผยให้เห็นหน้ากากทองแดงที่ลึกลับ
ตอนนี้มีรอยร้าววิ่งผ่านกลางของหน้ากากทองแดง เป็นเส้นตรงชัดแจนจากบนสุดสู่ล่างสุด น่าจะเกิดขึ้นจากดาบ ยังมีรอยร้าวอีกนับไม่ถ้วนตรงส่วนอื่นของหน้ากาก มันดูเหมือนกับเครื่องลายครามอันงดงาม แต่ตอนนี้มันได้เสียความแข็งก่อนหน้านี้และดูเหมือนจะเปราะบางอย่างมาก
คนชุดน้ำเงินส่ายเอน เสียงคำรามดังออกมาจากหน้ากาก
เลือดไหลซึมออกมาจากรอยแตกเส้นตรง จากนั้นก็จากรอยร้าวอื่นๆ เป็นภาพที่ประหลาดและน่าหวาดหวั่นที่สุด
ด้วยดาบของหวังผ้อกับดอกไม้ของเปี๋ยยั่งหง ร่างกายเขาก็ไร้สิ้นซึ่งความหวังจะมีชีวิตอยู่ ภายในร่างมีแต่รอยแตกร้าว แม้แต่ภายในแดนลี้ลับ จุดลมปราณและห้วงแห่งจิตแตกร้าวดูราวกับใยแมงมุม พวกมันอาจพังลงได้ทุกเมื่อ ยิ่งทำให้เขาไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอนยิ่งขึ้น
ต้นไม้โบราณหลายร้อยต้นหักโค่นและยังลุกไหม้อยู่ แต่เพราะพวกมันถูกหุ้มไว้ด้วยเมฆที่ชุ่มชื้น เปลวเพลิงจึงค่อยๆ อ่อนลงและน่าจะดับลงในไม่ช้า ฝุ่นควันหลายร้อยสายที่ลอยขึ้นจากส่วนนั้นของที่ราบสูงซึ่งจมลงไปครึ่งฉื่อดูราวกับพายุหมุนขนาดย่อมเองก็กำลังจากลงกำลังจะหายไป
ยอดฝีมือเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์นี้ได้มาถึงจุดจบของชีวิตแล้ว ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร
ที่ราบสูงเงียบงันอย่างที่สุด
เปี๋ยยั่งหงมองไปที่คนชุดน้ำเงิน
ทุกคนมองไปมาระหว่างเปี๋ยยั่งหงกับคนชุดน้ำเงิน ตกใจและสับสน
ทั้งหมดนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เปี๋ยยั่งหงกับอู๋ฉยงปี้เพิ่งจะไล่ล่าสังฆราชเพื่อล้างแค้นให้ลูกชายเมื่อครู่นี้เองไม่ใช่หรือ
ทำไมคนชุดน้ำเงินถึงโผล่ออกมาอย่างกะทันหัน ทำไมตอนที่คนผู้นี้ต้องการฆ่าเฉินฉางเซิงแต่เปี๋ยยั่งหงไม่เพียงไม่ช่วยเขาลับหยุดเขาแทน ทำไมมันถึงได้ดูเหมือนเปี๋ยยั่งหงยืนกรานอย่างมาก ไม่ห่วงว่าจะได้รับบาดเจ็บหรืออาจถึงกับต้องตกตายพร้อมกับคนผู้นี้
“เจ้ารู้ได้อย่างไร”
ในที่สุดคนชุดน้ำเงินก็พูด
เขาจ้องมองไปที่เปี๋ยยั่งหง ดวงตาที่เห็นผ่านหน้ากากยังคงลึกล้ำและสงบ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
เมื่อเขากล่าว เลือดที่มีประกายสีทองก็ไหลออกมาจากรอยร้าวบนหน้ากาก เป็นภาพที่ประหลาดและน่ากลัว
“นักบวชซินไม่ควรปรากฏตัวที่เมืองเฟิ่งหยาง”
เปี๋ยยั่งหงเช็ดเลือดออกจากปากและกล่าว “การปรากฏตัวของเขานั้นจงใจเกินไป จนรู้สึกเหมือนมีคนจงใจให้ข้าได้เห็นเขา”
“มันมีจุดอ่อนจริงๆ หรือบางทีก็อาจยากที่จะทำให้สมบูรณ์แบบได้”
คนชุดน้ำเงินกล่าวเสริม “ข้าไม่ได้จัดการเรื่องนี้เอง แต่เพราะมีคนในราชสำนักของเจ้าต้องการใช้เรื่องนี้กำจัดเขา”
คนมากมายบนที่ราบสุงไม่เข้าใจบทสนทนานี้ แต่ก็เป็นธรรมดาที่มีคนเข้าใจ
เซียงอ๋องได้ปล่อยมือออกจากเข็มขัดแล้ว ดวงตาเหม่อลอยเล็กน้อย ไม่อาจรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่