ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา - ตอนที่ 114 ครานั้นจันทร์กระจ่างอยู่หนใด
ช่วงต้นฤดูร้อน สงครามระหว่างเผ่ามนุษย์กับเผ่ามารครั้งยิ่งใหญ่สุดครั้งหนึ่งเกิดขึ้นที่นี่
ผู้แข็งแกร่งขั้นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองฝ่ายดาหน้าเข้าต่อสู้กันไม่หยุด เผ่ามารบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก เผ่ามนุษย์ก็จ่ายค่าตอบแทนไปมากมายเช่นกัน
หลังจากนั้น ก็ไม่เคยมีผู้แข็งแกร่งขั้นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันในสนามรบมากขนาดนั้นอีก
เชิงเขานั่วรื่อหลั่งมีค่ายกลขนาดใหญ่อยู่จุดหนึ่ง และกองทัพใหญ่เผ่ามารก็บุกจู่โจมจากที่นั่น จากนั้นค่อยถอนกำลังออกไปให้ได้มากที่สุด
ผู้ที่มีวิชาเทพยอดเยี่ยมอย่างเหมาชิวอวี่กับนักพรตซือหยวนเคยยืนยันด้วยตัวเองว่า ค่ายกลตรงจุดนั้นไม่สามารถใช้การได้อีก
ต่อมากกองทัพเผ่ามนุษย์หลายกองทัพก็ล้วนไปกลับทางเหนือผ่านเส้นทางหุบเขานี้ โดยไม่เคยเกิดปัญหาใดๆ มาก่อน
จึงไม่มีใครนึกว่า ตอนทัพใหญ่เผ่ามารถอยทัพ มิได้ถอนกำลังออกไปทั้งหมด
ช่วงที่หวังผ้อกับผู้คุมกฎเผ่ามารต่อสู้กัน และในสนามรบวุ่นวายไปทั่วนั้น มีพลหมาป่าสองพันตน ฉวยโอกาสชุลมุน เข้าไปซ่อนตัวตามเชิงเขาของยอดเขาฝั่งตะวันตก
เชิงเขาของยอดเขาฝั่งตะวันตกสัมผัสกับละอองน้ำและเมฆหมอกที่ลอยมาจากทะเลตะวันตกเป็นเวลานาน การถูกกัดเซาะตลอดหลายล้านปี ทำให้เกิดถ้ำน้อยใหญ่ขึ้นมากมาย
พลหมาป่าเหล่านี้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่ลึกที่สุด เพื่อหลบหลีกสายตาอันแหลมคมของอินทรีแดง และหลบเลี่ยงจิตสัมผัสของหน่วยลาดตระเวนเผ่ามนุษย์
แน่นอนว่า นี่ก็เป็นเพราะขุนพลเทพเฮ่อหมิงต้องการฝ่าแนวป้องกันที่สองของเผ่ามาร จึงขอให้ทัพใหญ่รวมตัวกันเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การกวาดล้างสนามรบทำได้ไม่ถ้วนถี่
กองทัพเผ่ามนุษย์เดินทางผ่านหุบเขาอย่างต่อเนื่อง ไปยังที่ราบสูงทางตอนเหนือเพื่อทำสงครามต่อ ซึ่งพลหมาป่าสองพันตนนี้ก็หลบอยู่ในถ้ำตลอด ไม่ได้โผล่ออกมา ยามหิวก็กินเนื้อแห้ง ยามกระหายก็เคี้ยวหิมะที่สะสมอยู่บนยอดเขา ใช้ชีวิตอย่างลำเค็ญ
ถ้าพวกเขามิได้เตรียมตัวสำหรับการนี้มาก่อน ก็อาจหิวตายไปตั้งแต่แรกแล้ว
ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ หลังจากหลบซ่อนอยู่หลายวัน จำนวนพลหมาป่าก็เริ่มลดลง มีผู้บาดเจ็บและล้มป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพลหมาป่าที่ได้รับการยืนยันว่าบาดเจ็บสาหัสยากเกินเยียวยา จะถูกฆ่าตายทันที ส่วนผู้ป่วยก็ถูกปลดอาวุธและถอดชุดเกราะออก ทิ้งไว้ในถ้ำ รอให้อาการดีขึ้นเอง หรือไม่ก็เสียชีวิตไป
สุดท้ายจึงมีพลหมาป่าหนึ่งพันสองร้อยตนที่รอดชีวิต
พวกเขาซูบผอม อ่อนเพลีย แต่ขณะเดียวกันก็เข้มแข็งอดทนและไม่มีความหวาดกลัว ดวงตาเปล่งแสงสีเขียวจางๆ ราวกับหมาป่าจริงๆ
การใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ นั้นยากลำบากมาก แต่สิ่งที่ยากที่สุด กลับเป็นสิ่งล่อใจ
ทุ่งหญ้าตรงเชิงเขามักมีชนเผ่ามนุษย์ลำเลียงเสบียงอาหารผ่าน ผู้คุ้มกันขบวนขนส่งเสบียงเหล่านั้นก็มิได้แข็งแกร่งมากมาย บวกกับไม่มีใครคิดว่า ยังมีชนเผ่ามารซ่อนตัวอยู่ในภูเขา
ขอเพียงพลหมาป่าบุกลงเขาไป ย่อมสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ และได้เสบียงเหล่านั้นมาอย่างง่ายดาย
แต่พวกเขาก็รู้ว่า ที่ตนอุตส่าห์ลำบากลำบนซ่อนตัวอยู่นานหลายวันขนาดนี้ มิใช่เพราะต้องการปล้นขบวนขนส่งเสบียงธรรมดาๆ ขบวนหนึ่ง แต่เพราะต้องการจู่โจมกองทัพเผ่ามนุษย์ให้หนักหน่วงที่สุด ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของสงคราม
เหตุผลชัดเจนมาก แต่การที่จะทำให้หมาป่าดุร้ายเหล่านี้ต้านทานต่อสิ่งล่อใจเช่นนี้ได้ ต้องบอกว่าผู้นำท่านนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
คำสั่งของเขาก็ไม่ธรรมดายิ่ง
‘เผาเสบียงของพวกมันให้เกลี้ยง จากนั้นเราก็ลุยเข้าไปตายเอาดาบหน้า’
ดวงตาของผลทหารเผ่ามารไม่มีความหวาดกลัว มีแต่ความกระตือรือร้นและมุ่งมั่น แต่มิได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา หมาป่ายักษ์กระหายโลหิตจึงได้แต่หอบหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
นี่เป็นคำสั่งทางทหาร ที่บังคับใช้มาหลายวันแล้ว จนนายทหารบางนายเริ่มสงสัยว่าตนเองยังจะพูดได้อยู่หรือเปล่า
พลหมาป่าหนึ่งพันสองร้อยตนลงจากภูเขาไปยังด้านล่าง
สายตาผู้นำเลื่อนลงตาม สุดท้ายก็ตกลงบนทุ่งหญ้าที่อยู่ไกลออกไป ตรงขบวนขนส่งเสบียงที่คดเคี้ยวยาวสิบกว่าลี้
รายงานที่เกี่ยวข้องและได้รับการยืนยันแล้ว ได้แก่ จำนวนทหารม้าเผ่ามนุษย์ จำนวนผู้แข็งแกร่ง ยังมีที่สำคัญสุด…จำนวนเสบียงอาหาร
เขารู้ว่าเมืองเสวี่ยเหล่าเริ่มทำการตอบโต้แล้ว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชนเผ่ามนุษย์ และต้องการรั้งกำลังทหารม้าหลักของฝ่ายตรงข้ามไว้ที่ใต้กำแพงเมือง
ทุกอย่างในการนี้ ล้วนต้องการสร้างสถานการณ์ เพื่อให้เขาเผาเสบียงในขบวนขนส่งเสบียงนี้
ถ้าเขาทำสำเร็จ กองทัพเผ่ามารที่อยู่นอกเมืองเสวี่ยเหล่าจะได้ถอนกำลังกลับเมืองให้เร็วที่สุด
ส่วนนักรบต่างชนเผ่าสองแสนกว่าคนที่อยู่นอกเมือง จะถูกทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี
ตามความเห็นของเขา ชนเผ่ามารชั้นต่ำที่มีสติปัญญาต่ำต้อยก็ไม่ต่างอะไรจากอสูรปีศาจ ตายกี่ศพก็ไม่สำคัญ อย่างไรชนเผ่ามารชั้นต่ำเหล่านั้นก็ไม่มีความภักดีอยู่แล้ว สู้รบก็ไม่มีความกล้าหาญพอ ถ้าไม่ได้กินยา
ถ้าไม่ใช่เพราะจำนวนยาที่เขานำกลับมาจากพรรคฉางเซิงไม่เพียงพอ สงครามในครั้งนี้ก็ไม่ถึงกับต้องยากเย็นแสนเข็ญถึงขั้นนี้หรอก
ถึงตอนนั้น เว้นเสียแต่กองทัพเผ่ามนุษย์จะยอมกินเนื้อชนเผ่ามารชั้นต่ำเป็นอาหาร หาไม่แล้วต้องถอยทัพกลับก่อนฤดูหนาวจะมาถึงแน่
จากความเข้าใจของเขาที่มีต่อมนุษย์ ชนเผ่าที่มักเสแสร้งและดัดจริตเป็นสรณะเช่นนี้ ต้องทำเรื่องเช่นนี้ไม่ได้แน่ เช่นนั้น เมืองเสวี่ยเหล่าก็จะสู้ไปได้อีกครึ่งปี
เวลาครึ่งปีเพียงพอที่จะเกิดเรื่องขึ้นมากมาย
การแผ่อำนาจของมนุษย์จะพบกับอุปสรรคอย่างใหญ่หลวง
เขาเข้าใจมนุษย์มากจริงๆ
เขาเชื่อว่าเมื่อถึงเวลา ปัญหาภายในของมนุษย์ก็จะค่อยๆ ปรากฏออกมาให้เห็น
ดังนั้น
นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
เขาคิดเงียบๆ ขณะมองดูขบวนรถบนทุ่งหญ้า
ชนะแล้ว เรายังดำรงอยู่ได้
แพ้แล้ว เราดำรงอยู่ไม่ได้อีก
……
……
ผู้นำหน้าละอ่อนท่านนี้มีชื่อว่า เกาฮวน ปีนี้มีอายุหนึ่งพันกว่าปีแล้ว
เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อน เขาเคยเป็นหัวหน้าอาวุโสของวุฒิสภาชนเผ่ามาร
ตั้งแต่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ เขาคือหัวหน้าวุฒิสภาอายุน้อยที่สุดของชนเผ่ามาร
แต่ในวันที่เขาได้เป็นหัวหน้า กลับถูกราชามารผู้แข็งแกร่งท่านนั้นจับไปขังไว้ในขุมนรก
เขาถูกขังในขุมนรกนานเจ็ดร้อยปี
จนกระทั่งปีนี้ ถึงถูกราชามารคนใหม่ปล่อยตัวออกมา
สีหน้าเขาซีดขาวและซูบผอม แต่ยังมีชีวิตอยู่ และยังเหมือนเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนอย่างไรอย่างนั้น ราวกับอายุยังน้อย
ฝุ่นควันกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าปรากฏขึ้นบนทุ่งหญ้า
พลหมาป่าบุกจู่โจมขบวนขนส่งเสบียง
ห่างออกไปไกล เสียงการฆ่าฟันไม่มีทางดังมาถึงยอดเขา ที่นี่ยังคงสงบเงียบมาก
เขามองดูภาพบนทุ่งหญ้า แล้วเริ่มครวญเพลง
เพลงนี้เป็นเพลงภาษาเก่าแก่ที่สุดภาษาหนึ่งของเผ่ามาร เสียงร้องสูงต่ำและใสเย็นซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ความหมายก็ง่ายมาก
“เมื่อครั้นดวงจันทร์ยังอยู่ เคยส่องแสงจนเมฆสีรุ้งคืนกลับ”
เสียงร้องค่อยๆ ต่ำลง จนสุดท้ายช่วงหยุด เห็นชัดว่ามิได้ร้องถึงท่อนสุดท้ายจริงๆ
ขณะมองดูท้องทุ่งรกร้างที่อยู่ไกลออกไป ใบหน้าละอ่อนของเขาก็ปรากฏท่าทีเคร่งขรึม ในดวงตาที่สะอาดปราศจากมลทินเกิดจิตสังหารรุนแรงขึ้นสายหนึ่ง
ไร้เดียงสาและโหดเหี้ยม นั่นล่ะคือเขา
การจู่โจมของพลหมาป่าเผ่ามารมิได้ราบรื่นอย่างที่คิด ประสบอุปสรรคอย่างรวดเร็ว กระทั่งพูดได้ว่าลำบาก
ช่วงเริ่มต้น ขบวนขนส่งเสบียงของมนุษย์ไม่คาดคิดมาก่อนว่า ในยอดเขานั่วรื่อหลั่งยังมีพลหมาป่ามากมายขนาดนี้อยู่ จึงค่อนข้างโกลาหลขณะถูกลอบจู่โจม ทว่าความโกลาหลนี้กลับสงบลงอย่างเร็วยิ่ง
ขบวนที่ทอดยาวหลายสิบลี้ถูกแบ่งออกเป็นสิบกว่าส่วนอย่างรวดเร็ว หัวขบวนและท้ายขบวนที่มีเกวียนขนาดใหญ่เหล่านั้นเชื่อมต่อกันด้วยความเร็วสูงสุด สร้างค่ายกลขบวนรถรูปวงกลม ทหารม้านับพันนายถูกแบ่งเป็นสามกลุ่ม ร่วมมือกับค่ายกลขบวนรถต้านทานการจู่โจมของพลหมาป่า ทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างมีระเบียบ เยือกเย็นและนิ่งมาก
การที่กองทัพเผ่ามนุษย์มีคุณภาพเช่นนี้ มิได้ทำให้เกาฮวนรู้สึกตกใจ แม้นี่จะต่างกับกองทัพที่เขาพบเห็นในเมืองลั่วหยางตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้ากองทัพเผ่ามนุษย์กระทั่งเช่นนี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะทำให้ทัพใหญ่เผ่าเทพพ่ายแพ้ในสนามรบและถอยทัพอย่างต่อเนื่องได้อย่างไรกัน ขนาดตอนนี้ แม้แต่เมืองเสวี่ยเหล่าก็ยังถูกล้อมไว้แล้ว
เรื่องที่ทำให้เขาต้องระวังจริงๆ ก็คือ ความเยือกเย็นที่กองทัพเผ่ามนุษย์แสดงให้เห็นตลอดทุกขั้นตอน…แม้วีรชนที่รบชนะอยู่บ่อยๆ ก็ยังยากจะปลูกฝังให้มีจิตใจเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกพลหมาป่าเผ่ามารหนึ่งพันกว่าตนโจมตีฉับพลัน…ความเยือกเย็นเช่นนี้คล้ายมีการเตรียมตัวล่วงหน้า
พลหมาป่าเผ่ามารจู่โจมใส่ขบวนขนส่งเสบียงอย่างคลุ้มคลั่ง ด้วยพลังชนิดไปแล้วไม่หวนคืนกลับ ทำให้แนวป้องกันที่ก่อตัวขึ้นจากทหารม้าเผ่ามนุษย์นับพันคนพลันดูเบาบางอยู่บ้าง ซึ่งไม่นานก็สั่นคลอน จากนั้นด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือได้ถูกทลายลง สถานการณ์ในสนามรบเข้าสู่ช่วงรุกและป้องกันอย่างนองเลือดที่สุด
ขวานยักษ์สีดำเล่มหนักอึ้งวาดผ่านท้องฟ้าเงียบๆ ทำให้เกวียนขนเสบียงหักเป็นสองท่อน ขณะเดียวกันก็ตัดศีรษะคนขับเกวียนไปคนหนึ่ง ศรศักดิ์สิทธิ์สิบกว่าดอกพุ่งออกจากช่องว่างของรถม้าด้วยความเร็วสูง ทั้งหมดตกลงบนทรวงอกของพลทหารเผ่ามารที่รูปร่างสูงใหญ่ตนหนึ่ง เกิดเป็นเปลวไฟเทพศักดิ์สิทธิ์ แผดเผาจนร่างเขาแหลกเหลวเป็นน้ำตาลกวนก็มิปาน กระบวนการทั้งหมดกลับไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ
ทุกช่วงเวลาล้วนมีการตายเกิดขึ้น สีโลหิตต่างกัน แต่แฝงเจตจำนงคล้ายกัน สาดกระเซ็นระหว่างดินฟ้าไม่หยุดหย่อน ในระยะเวลาอันสั้น ก็มีพลหมาป่าเผ่ามารสามร้อยตนล้มลงบนทุ่งหญ้าชนิดลุกขึ้นมาไม่ได้อีก ทหารม้าเผ่ามนุษย์กับเจ้าหน้าที่ในขบวนขนส่งเสบียงซึ่งมีจำนวนมากว่าก็หยุดหายใจไปเช่นกัน
เหตุการณ์ในสนามรบที่โหดร้ายเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้ท่าทีของเกาฮวนเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
เขายืนอยู่บนหน้าผาภูเขาฝั่งตะวันตก มองดูภาพบนทุ่งหญ้า และรอคอยอย่างเงียบๆ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทหารเผ่ามนุษย์เหล่านั้น หรือพลหมาป่าเผ่ามารที่หลบซ่อนตัวตามคำสั่งเขาอยู่หลายวันเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นมดปลวก
เขาดูคล้ายเด็กหนุ่ม แต่ความจริง แก่ชรามากแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในขุมนรก โลกอันอุบาทว์นั่นมาเจ็ดร้อยกว่าปี ร่างมารเริ่มเน่าเปื่อยจากอวัยวะภายในสุด จึงยืนหยัดได้ไม่นานนัก
พูดอีกอย่างก็คือ จำนวนครั้งในการลงมือโดยใช้พลังทั้งหมดมีอยู่ไม่มาก ดังนั้นเขาจำเป็นต้องรู้ให้แน่ชัดว่า ใครคือเป้าหมายที่คู่ควรสุด
ตอนนี้เขากำลังสำรวจดู คิดจะหาผู้บัญชาการกองทัพเผ่ามนุษย์ และพวกที่ซ่อนตัวอยู่ในรถม้า ผู้แข็งแกร่งซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมลงมือ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าตะวันตก เงาของยอดเขาค่อยๆ ทอดยาวลงบนทุ่งหญ้า จวนจะกลืนสิ่งมีชีวิตที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่รอมร่อ
แนวป้องกันของขบวนขนส่งเสบียงเผ่ามนุษย์พังทลายลงอย่างต่อเนื่อง เกวียนขนเสบียงหลายเล่มถูกเผา มองจากระยะไกล ดูคล้ายประกายไฟมากมาย เพียงแต่ไม่นานก็ถูกดับลง ด้านที่อันตรายสุดคือ ค่ายกลขบวนรถรูปวงกลมวงแรกทางทิศเหนือ ที่กำลังจะถูกพลหมาป่าเผ่ามารทลายลงตรงหน้า เจ้าหน้าที่และคนขับเกวียนรีบวิ่งหนี เมื่อเห็นทหารม้ามารับช่วงต่อ ดูๆ ไปคล้ายเตรียมจะละทิ้งอยู่
แต่พลหมาป่าเผ่ามารก็มาถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน พวกเขามาพร้อมจิตใจที่รู้ว่าต้องตาย แต่การจู่โจมอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลานานขนาดนี้ ที่สุดแล้วก็ทลายได้แค่ค่ายกลขบวนรถวงเดียว แต่ฝ่ายตรงข้ามยังมีค่ายกลขบวนรถอีกสิบกว่าวง ที่สำคัญคือ มีสหายและพี่น้องล้มลงบนทุ่งหญ้ามากจนเกินไป จำนวนพลหมาป่าเหลือเพียงไม่ถึงครึ่ง
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังยืนหยัดไม่ไหวในสนามรบนั้น ก็มักหมายความว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่สถานการณ์และเจตจำนงต้องการ วันนี้ก็ไม่ละเว้น
วันนี้หมื่นลี้ไร้เมฆ ท้องฟ้าสีคราม ตอนนี้ถูกแสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องจนแดงระเรื่อไปบ้าง แล้วด้านในพลันเกิดเส้นสีขาวสายหนึ่ง
เส้นสีขาวสายนี้ตรงสุดจะเปรียบ ปลายข้างหนึ่งอยู่ในหน้าผาภูเขาฝั่งตะวันตก ปลายอีกข้างหนึ่งอยู่บนทุ่งหญ้า
เสียงลมแรงหวีดหวิว พัดต้นหญ้าโบกสะบัด กรวดทรายระหว่างต้นหญ้าปลิวกระจาย บรรยากาศเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นขึ้นมา
ฝนพลันตกลงจากฟากฟ้านับพันหยด ตกลงบนค่ายกลขบวนรถและใบหน้าผู้คน เย็นเล็กน้อย แต่รสชาติกลับจืดจนทำให้ผู้คนงุนงง
บนหลังคารถปรากฏร่างของหนุ่มน้อยผู้หนึ่งตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
เสื้อผ้าของเขาค่อนข้างสกปรก แต่เนื้อผ้ากลับดีเลิศ ชุดเสื้อคลุมเกราะอ่อนทอจากหนามแหลมส่วนหางของอสูรกระทิง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีเครื่องประดับอะไรอีก มีเพียงอัญมณีวาววับเม็ดหนึ่ง ฝังอยู่กลางหมวกเกราะ แต่กลับไม่สามารถบดบังความสดใสของใบหน้าที่อ่อนเยาว์นั้นได้
“ผู้แข็งแกร่งอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์!”
เสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนกและสิ้นหวังดังขึ้น…