นักดาบนุ่มนิ่มกับพลังโจมตีศูนย์ ~ถูกออราเคิลเพื่อนวัยเด็กทิ้ง เข้าโรงเรียนเวทมนต์ และจบที่ดูแลเจ้าอสูร - ตอนที่ 60 ยูจีน ถูกสอนโดยแม่ของเขา
- Home
- นักดาบนุ่มนิ่มกับพลังโจมตีศูนย์ ~ถูกออราเคิลเพื่อนวัยเด็กทิ้ง เข้าโรงเรียนเวทมนต์ และจบที่ดูแลเจ้าอสูร
- ตอนที่ 60 ยูจีน ถูกสอนโดยแม่ของเขา
60 ยูจีน ถูกสอนโดยแม่ของเขา
17 – 22 นาที
“การผนึกสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ ฮาเก็นติ ใหม่ จะล้มเหลว” (จูเป่ย)
มันยากที่จะเชื่อว่านี้คือป๊าที่ไม่จริงจังคนเดียวกัน มันคือเสียงที่จริงจัง
“ต-แต่…พวกเขาสามารถที่จะผนึกมัน 100 ปีก่อน ใช่มั้ย?” (ยูจีน)
ผมถามคำนี้อย่างลนลาน
“ใช่ นั่นถูกต้อง แผนคือผนึกมันด้วยวิธีเดียวกัน แต่…เห็นว่ามีแค่ความล้มเหลวที่แสดงผลออกมา ไม่ว่าพวกเขาจะเช็คมันสักกี่ครั้งด้วยเวทมนตร์โชคชะตา” (จูเป่ย)
“ไม่มีทางน่า…” (ยูจีน)
ห้องปฏิบัติการววิจัยเวทมนตร์ของกองทัพจักรวรรดิ นั้นใหญ่ที่สุดในทวีป
มันใหญ่กว่าโรงเรียนเวทมนตร์ไลเคียนไปง่ายๆ ในเรื่องของขนาด
เทคนิคเวทมนตร์ของพวกเขา พัฒนากันรายวัน
ผมสงสัยว่านักเวทย์ในปัจจุบัน จะทำสิ่งที่นักเวทย์ทำได้ เมื่อ 100 ปีก่อนไม่ได้
“ยังไงซะ มีเหตุผลจำนวนหนึ่งว่าทำไม” (ไลลา)
แม่ยกนิ้วของเธอ
“ไลลา เตงบอกเราได้มั้ย? พูดตรงๆ เค้าได้ยินมาจาากนักเวทย์สภาจักรวรรดิ ว่าไม่มีอะไรที่พวกเขาทำได้แล้ว” (จูเป่ย)
“แม่รู้วิธีผนึกมันเหรอ แม่?” (ยูจีน)
สายตาของผมและป๊า ถูกส่งไปที่แม่ตัวเล็กของผม
“สัตว์อสูรแห่งดวงดาว ฮาเก็นติ ในปัจจุบัน ได้โตขึ้นมากเกินไปมาก ปรกติแล้ว เตงต้อปล่อยให้มันอาละวาด เป็นบางครั้งบางคราว เพื่อที่จะสกัดพิษของมันออก และกระนั้น พวกเตงผนึกมันด้วยบาเรียที่ทนทานมากๆ ใช่มั้ย? เพราะนั่น พิษไม่ได้ถูกนำออกมา และมันเริ่มใหญ่ขึ้นได้สองเท่า เมื่อเทียบกับ 100 ปีก่อน” (ไลลา)
“2 เท่า?” (ยูจีน)
“นั่น…” (จูเป่ย)
ไม่ต้องสงสัย ว่าวิธีของ 100 ปีก่อนจะไม่ได้ผล
“รู้เหตุผลว่าทำไม สัตว์อสูรแห่งดวงดาว เกิดขึ้นตั้งแต่แรกมั้ย?” (ไลลา)
แม่โยนคำถามมาใส่เราแทน และผมมองหน้าป๊า
ผมไม่ชินกับการได้ยินคำว่า สัตว์อสูรแห่งดวงดาว ถ้าให้เริ่ม
ดูเหมือนนั่นเป็นที่สัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ เรียกกันอย่างไรในดินแดนสวรรค์์
“ไม่ครับ” (ยูจีน)
“ไม่เลยสักนิด” (ป๊า)
ผมและป๊าส่ายหัวของเราไปด้านข้าง
ผมรู้ว่าสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่นั้นอันตรายเพียงใด แต่การเกิดของพวกมัน คือเรื่องลึกลับ
มีแค่การพูดเกี่ยวกับที่มันปรากฏขึ้นมามากกว่า 200 ปีก่อนอย่างไรเท่านั้น และที่มันเปลี่ยนที่ราบคริสเป็นรังของมัน
แม่เริ่มพูด
“โลก มีบางสิ่งที่เรียกว่ากระแสชีวิต… พื้นฐานแล้วมันเป็นเส้นเลือดของดาวเคราะห์ สิ่งนี้ ส่งมานาไปทุกซอกทุกมุมของดาวเคราะห์ และในตำแหน่งที่จำกัดมากๆ ‘กลุ่มมานา’ จะเกิดขึ้นมา กลุ่มของมานา ‘ด้านบวก’ จะถูกเรียกว่าพื้นที่ศักดื์สิทธิ์ หรือ น้ำพุแห่งชีวิต…มีน้ำพุอยู่บ่อนึง ซ่อนอยู่ในวังจักรวรรดิ” (ไลลา)
“เอ๋?” (ยูจีน)
ผมมองดูป๊าในความตกใจ
“…ใช่ แน่นอนว่ามีน้ำพุอยู่บ่อนึง มันเป็นหนึ่งในความลับของชาติที่ใหญ่ที่สุด ที่มีแค่ราชวงศ์ และคนที่ถูกคัดเลือกไม่กี่คนจะรู้” (จูเป่ย)
ป๊าทำสีหน้าที่ซับซ้อน ขณะที่เขาพยักหน้า
“มียาที่ถูกเรียกว่า อีลิกเซอร์ โดยผู้คนของดินแดนมนุษย์ ที่ไหลออกมาจากน้ำพุแห่งชีวิต อาณาจักรแกรนด์แฟลร์ ใช้สิ่งนี้ เพื่อรักษากองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป แต่มีหลุมกับดัก ในน้ำผึ้งที่หวานอยู่เสมอ” (ไลลา)
คำพูดของแม่ ทำให้ป๊าขมวดคิ้ว และพยักหน้า
“ยิ่งน้ำมากเท่าไหร่ที่ลูกตักออกมาจากน้ำพุแห่งชีวิต พิษยิ่งมากเท่านั้นจะมารวมกันบนสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ ที่เป็นกลุ่มของมานา ‘ด้านลบ’…” (จูเป่ย)
“นั่นถูกต้อง กระแสชีวิตดาวเคราะห์ เป็นเพียงพลังงานธรรมชาติ บวก (ด้านบวก) และลบ (ด้านลบ) ที่จะเป็น 0 ตลอด และกระนั้น จักรพรรดิคนก่อนหน้า เข้าใจผิดว่านี่คือทรัพยากรณ์ที่ไม่มีจำกัด และใช้ประโยชน์จากน้ำพุแห่งชีวิตมากเกินไปมาก ขอบคุณอะไรแบบนั้น ฮีลเลอร์ในอาณาจักรไม่ได้เติบโตขึ้น และสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่เติบโตขึ้นมากขึ้นและมากขึ้น” (ไลลา)
“ใช่ เพราะพวกเขารีบเพิ่มกองกำลัง เพื่อที่จะรวมทวีปเป็นหนึ่ง เพราะนั่นแหละ ฮีลเลอร์และผู้ใช้บาเรียค่อยๆหายไปทีละท้อย… แค่เหมือนกับลูกเลย ยูจีน” (จูเป่ย)
“ถ้างั้น…มันเป็นอย่างนั้น” (ยูจีน)
อาณาจักรที่ผมรู้จัก แค่เห็นค่าของผู้คนที่ใช้เวทมนตร์โจมตีได้เท่านั้น แต่ค่าของเวทมนตร์สนับสนุนนั้นน้อยมาก
ผมไม่เคยได้ตั้งคำถามค่าเหล่านั้นจริงๆ
ถ้าอย่างนั้นนั่นเป็นที่มันมาจากไหน
คำพูดของแม่ดำเนินต่อไป
“ยังไงซะ ส่วนที่แย่ที่สุด คือรายละเอียดขอผนึก เฮ้ ยูจีน บอกวิธีผนึกที่พวกเขาใช้สำหรับสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ 100 ปีก่อนได้มั้ย?” (ไลลา)
“อืม…ถ้าผมจำไม่ผิด นักเวทย์ 100 คนเสี่ยงชีวิตเพื่อผนึกมัน…” (ยูจีน)
เพื่อที่จะหยุดการโจมตีที่ดุร้าย ของสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ที่ทำลายอาณาจักรไปส่วนหนึ่ง นักเวทย์ที่เก่งที่สุด 100 คนของอาณาจักร เสียชีวิตไป เพื่อการพยายาามจะผนึกมัน และทำมันสำเร็จ
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ของนักเวทย์ 100 คนเหล่านั้น ถูกนำมาร้องเป็นเพลง และชื่อของพวกเขา ก็ถูกแสดงขึ้นบนหนังสือประวัติศาสตร์”
“…{เทคนิคเสียสละ} นั่น คืออะไรที่พวกเขาใช้” (ไลลา)
นางฟ้ากอดอก และพูดคำนี้ ด้วยสีหน้าทีซับซ้อน
“เสียสละ…เอ๋?” (ยูจีน)
ผมสงสัยหูของผม
เทคนิคเสียสละ…วิธีที่จะได้มาซึ่งมานาจำนวนมหาศาล ในการแลกเปลี่ยนสำหรับหรับอายุขัยของคุณ
แต่ผู้ร่ายเวทย์จะเสียชีวิต
มันเป็น {เทคนิคต้องห้าม}
อาณาจักรแกรนด์แฟลร์ พันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ และสหพันธรัฐบลูวอเตอร์: พวกมันถูกต้องห้าม ในทุกประเทศ
การลงโทษที่หนักหน่วง จะถูกมอบให้คนที่ไม่รักษากฎนี้
“นี่คือความจริงที่ซ่อนอยู่ แม้แต่ภายในประวัติศาสตร์ของอาณาจักร แม้แต่พ่อเองก็เพิ่งได้เรียนรู้แค่ไม่นาน” (ป๊า)
ป๊าพึมพำ
มันเป็นความลับที่ถูกเก็บไว้ แม้แต่กับดาบจักรวรรดิ ที่สมควรจะเป็นแขนของจักรพรรดิ
ไม่ต้องสงสัย ว่าทำไมผมก็ไม่รู้เรื่องมันด้วย
“คนที่ห้ามการใช้ เทคนิคเสียสละ คือโบสถ์เทพธิดา…พูดอีกอย่าง มันเป็นคำสอน ของเทพธิดาแห่งโชคชะตา… มันเป็นข้อยกเว้นเมื่อ 100 ปีก่อน ที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำอย่างนั้น คนของเมืองหลวงอาจพินาศไปถ้าสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ไม่ถูกหยุดตรงนั้น” (ไลลาา)
“แต่ทำไมมันไม่ได้ผลในครั้งนี้ล่ะ แม่?” (ยูจีน)
ผมถามระหว่างกำลังลนลนเกี่ยวกับการได้เรียนรู้ช่วงเวลาประวิติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ 100 ปีก่อนที่ถูกแกะสลักไว้โดยเทคนิคเสียสละ
“จูคุง ครั้งนี้ พวกเขาเตรียม {300 คน} สำหรับการผนึกใหม่ ถูกต้องมั้ย?” (ไลลา)
“อะ?!” (ยูจีน)
“…”
ผมขึ้นเสียงในความช็อก แต่ป๊า ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าของเขา และพยักหน้าเบาๆ
“ไม่มีทางอื่น…หรือเค้าได้ยินมาอย่างนั้น” (จูเป่ย)
ป๊าพึมพำในความเจ็บปด
“ใช่ นั่นเหมือนกันในสายตาของเทพธิดาแห่งโชคชะตา มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะหยุดสัตว์อสูรแห่งดวงดาว ที่โตขึ้นมากขนาดนี้ ด้วยกำลังปัจจุบันของอาณาจักร” (ไลลา)
เสียงของแม่ แม้แต่ดูเย็นชาที่นี่
ที่นี่ เป็นเมื่อผมพูดคำถามของผมออกไป
“แต่ถ้างั้นมันเปลกนะครับที่มันไม่สำเร็จ แม่ พวกเขาควรจะสามารถที่จะผนึกมัน ถ้าพวกเขาใช้ชีวิตของนักเวทย์ 300 คน…” (ยูจีน)
“ผู้เสียสละทั้ง 300 ทั้งหมดเป็น {นักโทษที่ได้รับโทษประหาร} นักโทษที่ถูกเตรียมเพื่อเป็นผู้เสียสละ นอกจากนักเวทย์” (ไลลา)
“…”
ผมถูกทิ้งไว้ไร้คำพูด
และจากนั้น ผมเข้าใจสถานการณ์อย่างช้าๆ
“นั่น…ถูกพิจารณาว่าใช้ได้ ในฐานะเทคนิคเสียสละมั้ย?” (ยูจีน)
“ในความรู้สึกมันใช้ได้ เพราะทั้งหมด ทฤษฎีพื้นฐาน ของเทนิคเสียสละ คือการเปลี่ยนชีวิต (อนิมา) เป็นมานา อย่างไรก็ตาม… แม้ว่ามันคือเทคนิคเสียสละ คุณภาพของมานา ที่ลูกได้มาจากนักเวทย์ ที่พยายามจะปกป้องเมืองหลวงด้วยชีวิตของพวกเขา เมื่อ 100 ปีก่อน และเหล่านักโทษ ที่ถูกบังคับให้เป็นผู้เสียสละ นั้นแค่ต่างกัน มันไม่ต้องพูดเลย…ว่าแบบไหนมันหยาบ” (ไลลาา)
“ถ้างัน นั่นคือที่ปัญหามันวางตัวอยู่จริงๆ…” (จูเป่ย)
ป๊าควรดั่งพูดว่าเขาคาดไว้แบบนี้แล้ว
“แล้วก็ เกี่ยวกับขั้นตอนของการผนึก เพื่อที่จะผนึกสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง:
① คุณจำเป็นต้องแก้เวทมนตร์บาเรียเก่า
② ปล่อยให้สัตว์อสูร อาละวาด เพื่อที่ให้มันใช้พิษของมัน
③ ผนึกมันอีกครั้ง ด้วยเวทมนตร์บาเรียใหม่
นั่นเป็นช่วงขั้นตอนต่างๆ ‘เหยื่อล่อ’ จะจำเป็น เพื่อที่จะเก็บความเสียหายถึงจำนวนน้อยที่สุดใน ②” (ไลลา)
“เราเข้าใจปัญหานั้น นักโทษพร้อมด้วยมานาที่อ่อนแอ จะไม่สามารถที่จะเติมเต็มหน้าที่นั้นได้” (จูเป่ย)
“100 ปีก่อน หัวหน้าของนักเวทย์อาณาจักรในเวลานั้น รับหน้าที่เป็นเหยื่อล่อ แน่นอน เขา…กลายเป็นผู้เสียชีวิดคนแรก ภายในหมู่นักเวทย์ 100 คน
“เค้าเสนอชื่อตัวเองเป็นเหยื่อล่อ แต่…จักรพรรดิแและนายกรัฐมนตรีต่อต้านมัน” (จูเป่ย)
“ป๊า?!” (ยูจีน)
ผมมองกลับไปในความตกใจ
“ยูจีน มันไม่เหมือนว่าพ่อ พยายามที่จะตายที่นี่นะนั่น รู้มั้ย? สไตล์เสียงสะท้อนสองสวรรค์ มีการฟันมานา ที่เป็นเทคนิคสะท้อน พ่อคิดว่าพ่อจะสามารถเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ยิ่ใหญ่ โดยการใช้นั่นได้ แต่…” (จูเป่ย)
“มันจะเป็นไปไม่ได้ จูคุงไม่มีมานาภายในมาก สัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ตอบสนองกับคนที่มีมานาสูงกว่า และที่สุดของทั้งหมด สัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ สามารถที่จะบอกได้ด้วยสัญชาตญาณ -ว่ามันจะ ‘อันตราย’ ที่จะลงมือกับนักดาบหมายเลขหนึ่งในอาณาจักร การเลือกเตงเป็นเหยื่อล่อ จะเป็นความผิดพลาดที่อันตราย” (ไลลา)
“เข้าใจแล้ว…นายกรัฐมนตรีจัง บอกเค้าอย่างนั้นด้วย” (จูเป่ย)
ป๊าห่อไหล่ของเขา
นั่นเป็นที่แม่หรี่ตา
“พูดถึงแล้ว จูคุง เกี่ยวกับสาวน้อยของอาณาจักร ที่ปรากฏตัวขึ้นมาซักพักแล้วตอนนี้…” (ไลลา)
“เอ๋ ไม่…นั่น…” (จูเป่ย)
“โอ้ ยังไงซะ ได้ นี่ไม่ใช้การคุยกัน ที่เราควรมีต่อหน้าลูก” (ไลลา)
“ใช่แล้ว ปล่อยการคุยเรื่องนั้นไว้สำหรับทีหลังนะ” (จูเป่ย)
“หืมม? เกี่ยวกับอะไรหรือครับ?” (ยูจีน)
“”ไม่มีอะไร””
ผมมองหน้าของทั้งสองแม่และป๊า แต่พวกเขาไม่ได้แตะต้องการสนทนาไกลไปกว่านั้น
อะไรเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีหรือ?
“เค้าพูดได้อย่างเดียวว่า เตงไม่ควรพยายามผนึกสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ใหม่ ด้วยแค่อาณาจักร มันจะดีกว่า ที่จะขอความช่วยเหลือของชาติศักดิ์สิทธิ์คาลเดีย และสหพันธรัฐบลูวอเตอร์ มันจะมากเกินไป ในมือของแค่ประเทศเดียวหลังจากทั้งหมด” (ไลลา)
“เรารู้ แต่…เพราะทั้งหมด เจ้านั่น (จักรพรรดิ) มันภูมิใจในตนเองมากๆ” (จูเป่ย)
ป๊าเกาหัวของเขา
“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดแบบนั้นนะ! บาเรียของสัตว์อสูรแห่งดวงดาวจะเสียหายไป ในแค่ไม่กี่วันเอง!” (ไลลา)
“เดี๋ยวเค้าจะบอกเขาด้วยตัวเอง แต่เค้าคิดว่าเขาได้ติดต่อพวกเขาแล้วนะ” (จูเป่ย)
“แม่ว่ามันจะไม่ถึงระดับทวีปตะวันออก ความร่วมมือกันของทวีปใต้ระหว่างประเทศแย่ด้วย… แม้ว่าเจ้าอสูรที่ยิิ่งใหญ่ จะฟื้นคืนชีพในไม่นานนี้” (ไลลา)
“มันฟังแล้วเจ็บหู แม้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่คนจะมาสู้กันเอง…” (จูเป่ย)
ผมฟังการสนทนา ระหว่างป๊ากับแม่ แต่จบที่การพูดออกไป
“เฮ้ ผมช่วยอะไร ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่งได้มั้ย?” (ยูจีน)
“หืม? ลูกเหรอ ยูจีน?” (จูเป่ย)
“ลูกพูดอะไรน่ะ ยูจีน?” (ไลลา)
“ที่ว่านี้เกี่ยวกับเหยื่อล่อไงครับ ไม่ใช่ผมจะสามารถเติมเต็มมันได้ ในฐานะนักเวทย์เหรอ?” (ยูจีน)
“เฮ้ยเฮ้ย ยูจีน แม้ว่าลูกจะใช้เวทมนตร์ วงการหลักของลูกคือนักดาบ” (จูเป่ย)
“…ลูกต้องไม่ทำนะ ลูกคือนักเวทย์ ดังนั้นลูกมมีมานามากกว่าจูคุง แต่มันไม่เหมือนกับว่าจำนวนของมานาที่ลูกมี สูงกว่าอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับคนอื่น ลูกนั้นไม่มีประสิทธิภาพที่จะเป็นเหยื่อล่อสัตว์อสูรแห่งดวงดาว” (ไลลา)
ป๊าต้องคิดว่าผมล้อเล่นที่นี่ เขาไม่ได้ฟังผมจริงจัง
แต่แม่เลือกคำพูดเธอนิดหน่อย เมื่อพูด
(แม่ต้องเป็นประเภท ที่ฉันเก็บความลับด้วยไม่ได้แหง…) (ยูจีน)
ผมตัดสินใจที่จะพูดอะไรที่ผมคิด
“ถ้าผมได้รับมานาจากอีฟริท ซูมิเระ ไม่ใช่ผมจะสามารถเป็นเหยื่อล่อที่ดีหรือครับ?” (ยูจีน)
ซูมิเระมีมานาไม่จำกัดและจากนั้น ผมใช้มานาลิงค์ เพื่อที่จะได้รับมานามาจากซูมิเระได้
“เข้าใจแล้ว ถ้าลูกทำแบบนั้น—” (จูเป่ย)
“《ลูกห้ามทำเด็ดขาด!!!!!》” (ไลลา)
ป๊าพูดเหมือนประทับใจ แม่ลบมันโดยการพูดออกมาดังๆ
“ไลลา?” (จูเป่ย)
“แม่?” (ยูจีน)
“มันอันตราย ดังนั้นไม่ได้! ลูกห้ามทำอย่างแน่นอน!! แม่ไม่ให้ลูกทำแบบนั้น!” (ไลลา)
“…จริงแหละ ยูจีน ไม่มีความจำเป็น ที่ลูกต้องแบกมากขนาดนั้นไว้บนไหล่ ลูกยังเป็นนักเรียนอยู่เลย” (จูเป่ย)
“โดยพื้นฐานของอาณาจักร ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับ” (ยูจีน)
“เร็วเข้า รีบไปได้แล้ว ซูมิเระจังและซาร่าจังรอลูกอยู่ที่บ้าน ถูกมั้ย?” (ไลลา)
แม่ตีหลังผม
“แต่ผมอยากจะคุยกับแม่มากกว่านี้อีกนิดนะครับ…” (ยูจีน)
“มันโอเคจ้ะ! เราจะสามารถเจอกันอีกครั้ง มันไม่เหมือนว่ามันจะเป็นตลอดเวลาแต่แม่ได้รับการอนุญาตของเทพธิดาแห่งโชคชะตา ตราบใดที่ลูกตั้งบาเรีย เพื่อที่ออร่าของแม่จะไม่เล็ดไปข้างนอกอย่างน้อยแม่ก็สามารถคุยกับลูกได้ในโรงเรียน ยูจีน” (ไลลา)
“นั่นจะยากสำหรับเค้านะ” (จูเป่ย)
ระยะมีผลของเวทมนตร์บาเรียของผมเล็กจริงๆ
พอสำหรับสองคนคือมากที่สุดเท่าที่ผมรับมือได้
เวทมนตร์บาเรียที่ปกคลุมทั้งตึก และบนนั้น สามารถที่จะซ่อนการมาถึงของนางฟ้าอีก
ผมคิดถึงใครไม่ออก นอกจากครูใหญ่โรงเรียน
“ยูจีน พ่อต้องคุยกับไลลาอีกนิด เกี่ยวกับวิธีผนึกสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ใหม่น่ะ” (จูเป่ย)
“ได้ครับ ผมจะกลับก่อนอย่างงั้น” (ยูจีน)
ผมกำลังจะจากโบสถ์ไป แต่…
“อ๊ะ เดี๋ยว ยูจีน!” (ไลลา)
แม่บินมาทางผม
“มีอะไร—”
เมื่อเวลาที่ผมหันไป แม่อยู่ตรงหน้าผม และกอดผม โดยไม่มีแม้แต่เวลาที่จะตอบสนอง
แม่ตัวเล็กๆของผมกอดหัวผมแน่น
“ลูกโตขึ้นนะ -จริงๆ แม่ดูลูกอยู่ตลอดเวลาในเวลาว่างที่ที่ทำงาน ในดินแดนสวรรค์ ยูจีน…” (ไลลา)
“แม่ครับ…” (ยูจีน)
หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย ผมรัดแขนของผม รอบหลังเล็กๆของแม่
หลังของแม่ที่ตัวเล็กๆของผมรู้สึกใหญ่อย่างไรก็ไม่รู้
“ขอโทษนะที่แม่เจอลูกไม่ได้ มาตลอดเวลานี้ มันต้องเหงาแน่ๆ…” (ไลลา)
“…”
ผมเหงาไหม?
มันเป็นธรรมชาติสำหรับผม ที่จะไม่มีแม่ เมื่อเวลาที่ผมรับรู้สิ่งต่างๆ
เมื่อผมได้ยินเกี่ยวกับพ่อแม่ของเพื่อนร่วมชั้นที่โรงเรียนทหาร ผมอาจอิจฉานิดหน่อย
ผมไม่มี ความทรงจำ กับแม่
แต่…
“ผมจะกลับมาคุยกับแม่อีกครั้งครับ แม่” (ยูจีน)
แม้ว่า พบจะพบแม่ได้ปีละครั้ง ผมคุยกับแม่ผ่านโบสถ์ได้
ผมมีความสุขเกี่ยวกับเรื่องนั้น
“ใช่จ้ะ มาตอนไหนก็ได้นะจ้ะ… เราใช้เวลาคุยกันได้ ถ้าแม่ไม่ยุ่งเรืองงานน่ะนะ” (ไลลา)
“เข้าใจแล้วครับ อย่างงั้น ผมกลับก่อนนะครับ ป๊า แม่” (ยูจีน)
ผมโบกมือให้พ่อแม่ และจากโบสถ์มา
ผมผ่านป่าไปแบบนั้นเลย และมุ่งหน้าไปที่บ้าน
(หัวฉันเข้าใจเรื่องนี้ไม่ทันเลยอ่ะ แม้อย่างนั้น…) (ยูจีน)
ผมไม่คาดมาก่อนเลย ว่าผมจะเจอแม่ อีกครั้ง
ผมกลับไปทที่บ้าน ด้วยความรู้สึกดีอกดีใจที่อธิบายยาก
◇◇
“พ่อเธอจะไม่กลับมาวันนี้ด้วยเหรอ ยูจีน?” (ซาร่า)
ซา่รายื่นปากมาข้างหน้า ไม่พอใจ
“อื้ม มันช่วยไม่ได้น่ะ ซาร่าจัง” (ซูมิเระ)
ซูมิเระดื่มชาอุ่น
ผมได้ยินเสียงทำอาหารจากครัว โดยฮานะซัง
ขณะที่สำหรับผม…ผมยังเหม่อลอย
แต่ผมแค่อยู่แบบนั้นตลอดเวลาไม่ได้
มีบางอย่าง ที่ผมต้องบอกซาร่าและซูมิเระ
“ซาร่า ซูมิเระ ฉันมีบางอย่างที่จะบอกเธอ” (ยูจีน)
“แต่งงานเหรอ?” (ซาร่า)
“ซาร่ะจัง เธอไปเร็วไปแล้ว เราต้องหมั้นกันก่อนดิ ถูกป่าว?” (ซูมิเระ)
เมื่อผมคุยกับสองคน นั่นคือการตอบสนองที่ผมได้
“แต่มันเป็นหัวเรื่องจริงจังนะ…” (ยูจีน)
“อะร้า ฉันจริงจังนะเนี่ย ยูจีน” (ซาร่า)
“ใช่ เราพูดกันจริงจัง ยูจีนคุง” (ซูมิเระ)
ตาของทั้งสองจริงจังจัด มันน่ากลัว
“ข-เข้าใจแล้ว แต่คุยเกี่ยวกับนั่นทีหลังนะ… จริงๆแล้ว เมืองหลวงอาจจะถูกเปิดเผยสู่อันตราย ฉันขอโทษเพราะซาร่าเพิ่งจะมาเอง แต่ฉันคิด่ามันจะดีกว่า ที่เธอสองคน จะไปที่อื่นจากเมืองหลวง” (ยูจีน)
นายกรัฐมนตรีพูดว่าการผนึกสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ใหม่ คือความลับของชาด
นั่นทำไมมผมต้องบอกซาร่า ผู้ที่มาจากคาลเดีย ในแบบที่ผมไม่ทำผิดเรื่องนั้น แต่มันยากที่จะใส่คำพูดไปแบบนั้น
แต่…
“อาา มันเกี่ยวกับ ฮาเก็นติ ใช่มั้ย?” (ซาร่า)
ซาร่าพูดเกี่ยวกับข้อมูลง่ายๆ
“เอ๋? ทำไมเธอรู้เรื่อนนั้นล่ะ ซาร่าจัง?” (ซูมิเระ)
ดูเหมือนมันไม่ใช่ซูมิเระ ผู้ที่บอกเธอ
“ออราเคิลแห่งโชคชะตาซามะ ติดต่อฉันผ่านเวทมนตร์สื่อสาร ท่านบอกให้ฉันระวัง ถ้าฉันมุ่หน้าไปที่เมืองหลวงจักรวรรดิ” (ซาร่า)
“ถ้างั้นมันถูกค้นพบโดยชาติศักดิ์สิทธิ์นานมาแล้ว หือ…” (ยูจีน)
เพราะทั้งหมด แม่ผู้ที่คือเทพธิดาก็รู้
ไม่มีทางทที่เทพธิดาแห่งโชคชะตาจะไม่รู้
“ถ้างั้น…” (ยูจีน)
“ฉันไม่กลับหรอก ถ้าผนึกของสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่เสียหาย คนหลายคน จะถูกเปิดเผยสู่อันตราย ฉันจะเป็นความล้มเหลวในฐานสตรีศักดิ์์สิทธิ์ ถ้าฉันวิ่งหนีก่อนหน้าพวกเขา ระหว่างที่รู้เรื่องนี้ดี” (ซาร่า)
“ฉันก็จะอยู้ ฉันได้เรียนรู้เวทมนตร์ ถึงระดับที่ฉันปกป้องตัวเองได้แล้ว” (ซูมิเระ)
ซาร่าและซูมิเระ ตอบโดยไม่ลังเล
“แต่…” (ยูจจีน)
ผมกำลังจะพูด มันอันตราย แต่หยุด
สายตาที่ตรงของทั้งสอง พูดแบบนี้: ‘เราคือคู่หู ใช่มั้ย?’
(ถ้างัน มันเป็นความกังวลที่ไม่จำเป็น หือ) (ยูจีน)
“ถ้าอย่างนั้น เราทั้งหมดมาอยู่ในเมืองหลวงเถอะ ฉันได้เป็นขุนนางระดับต่ำแล้ว ดังนั้นมีโอกาส ที่ฉันจะถูกเรียกในแผนขอการผนึกสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ใหม่ ถ้าเหตุฉุกเฉิน ที่จะนำอันตรายมาสู่ผู้คนในเมือหลวงเกิดขึ้น ซาราและซูมิเระ ฉันอยากให้เธอช่วยคนอพยพ” (ยูจีน)
“ได้ ปล่อยฉันได้เลยยูจีน” (ซาร่า)
“เข้าใจแล้ว ยูจีนคุง!” (ซูมิเระ)
ทั้งสองพยักหน้าอย่างมีแรง
(แต่มันจะถูกเรียกว่ากลยุทธ์ของกองทัพได้จริงๆมั้ยเนี่ย?) (ยูจีน)
นักเวทย์สภาอาณาจักรที่ไปด้วยกันกับผม เพื่อสืบสวนก็บอกผมว่าเขาจะเรียกผม ถ้ามีอะไรใดๆ แต่ไม่มีอะไรมาหลังจากนั้น
นั่นพูดแล้ว พวกเขาน่าจะยังไม่ตัดสินใจแผนที่ฐานทัพใหญ่ แค่เหมือนกับที่ผมได้ยินมาจากป๊าก่อนหน้า
พวกเขาไปทำแผนที่พวกเขาจะล้มเหลวเลยไม่ได้ หลังจากที่ถูกบอกด้วยตาทิพย์
ถ้าพวกเขาไม่เรียกผม ผมจะช่วยเรื่องการอพยพพลเมืองกับซาร่าและซูมิเระ
แค่เมื่อผมคิดนั่น
“ยูจีน ซานตาฟิลด์โดโนะอยู่ที่นี่ไหม?!!”
ผมถูกเรียกอย่างดัง
มันมาจากทางเข้า
(ด้วยจังหวะนี้ หือ) (ยูจีน)
ไม่ต้องสงสัย ว่ามันเป็นการเรียกจากนักเวทย์สภาจักรวรรดิซัง
ผมหยุดฮานะซังที่กำลังจะไปเช็ค และมุ่งหน้าไปที่ที่ผมถูกเรียก
ผมถูกเรียกโดยชื่อ ดังนั้นมันจะเร็วกว่า ถ้าผมไปเองตรงๆ
เมื่อเขาเห็นหน้าผม เขารีบวางมือลงบนอก และลดหัวของเขาเบาๆ
ผมทำเหมือนกัน
“ผมยูจีนครับ อะไรพาคุณมาที่นี่หรือ?” (ยูจีน)
ผมถามคำนี้ แต่มันน่าจะเป็นการเรียกไปประชุมกลยุทธ์ ในวังเอย์นเฮริยาร์
“{เจ้าหญิงจักรวรรดิไอริ} เรียกคุณครับ! รถม้ารออยู่ข้างนอก! คุณจะให้เวลาเราไหม?!”
(ด้วยจังหวะนี้เนี่ยนะ?) (ยูจีน)
หนึ่งคนที่เรียกผม คือเพื่อนวัยเด็กของผม
■ตอบความคิดเห็น:
>…มีลูกกับเอริได้ไหม?
-ง่ายๆครับ
อิเซไกของผม อนุญาตลูกระหว่างเกือบทุกเผ่าพันธุ์ครับ
>ผมอยากให้ยูจีน ใชอาวุธของนางฟ้า เพื่อล่า ฮาเกะ
-ตอนแรกผมล่ะสงสัย ว่าผู้ใดคือ ‘ฮาเกะ’
ถ้าอย่างนั้นมันเป็นเวอร์ชันย่อของฮาเก็นติ หือ เข้าใจแล้ว
■ความคิดเห็นจากผู้แต่ง:
ผมจะพรรณนาภาพของไอริอย่างถูกต้องบนตอนต่อไปครับ
ผมยังคิดเกี่ยวกับการจะทำมันให้เป็นมุมมองไอริหรือไม่
และพูดเพิ่มเติม
น้ำพุแห่งชีวิต ก็มีอยู่ในผู้ศรัทธาศูนย์ ที่ชั้นที่ลึกที่สุดของลาเบรินทอส
ที่นั่นคือรังของมังกรโบราณ ดังนั้นมันแทบไม่ได้ใช้เลยครับ
วายุ: “จะผนึกกันยังไงล่ะเนี่ยแม่ก็ห้ามอีก”
แปลโดย: wayuwayu
สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่
067-3-63958-5
วายุ แซ่จิว
กสิกรไทย
ถ้าถูกใจ ได้โปรดโดเนทสนับสนุนผู้แปล สปอนเซอร์ตอนแจ้ง Facebook : “wayuwayu แปล” ออกความคิดเห็นที่ Dek-D และ Tunwalai จะเห็น ขอบคุณมากที่อ่านครับ