นักล่าแห่งความโลภ (นิยายแต่ง) - ตอนที่ 2 เด็กจากป่าอันแสนมืดมิด
“นี่คุณ ยังไงก็ช่วยหน่อยเถอะ เนื้อที่มีอยู่ใกล้จะหมดแล้วนะ ถึงจะขี้เกียจขนาดไหน วันนี้ก็ช่วยออกไปล่าสัตว์ให้ด้วยนะ” เสียงหญิงแก่พูดขึ้นภายในบ้านที่อยู่โดดเดี่ยวห่างจากเขตป้องกันของตัวเมือง
“จ้า ๆ รู้แล้วน่า ก็ป่ามันมืดซะจนแสงส่องไม่ถึง เห็นแบบนั้นใครจะอยากเข้าไปบ่อย ๆ กันล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าคุณแค่ขี้เกียจหรอกเหรอตาแก่ ยังไงก็ระวังมอนสเตอร์ด้วยก็แล้วกันนะ”
“พูดแบบนี้ ดูถูกกันเกินไปแล้ว เมื่อก่อนฉันน่ะก็เป็นถึง-” ชายชราพูดยังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้น
“ต้องให้ฉันคอยบอกกี่รอบ เลิกพูดถึงเรื่องเมื่อก่อนได้แล้ว”
“เฮ้อ เอาเถอะ คุณก็เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย ผ่านมาตั้งนานแล้ว งั้นฉันออกไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวมันจะมืดค่ำเอาซะก่อน อย่าลืมทำซุปที่ฉันชอบเอาไว้ให้ด้วยล่ะ”
“ค่าาา” สิ้นคำตอบรับจากหญิงชรา ชายแก่ก็เดินมุ่งหน้าหายเข้าไปภายในป่า
ภายในป่าถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่แม้กระทั่งแสงแดดก็ส่องเข้ามาได้เพียงริบหรี่ ที่นั่นเต็มไปด้วยสัตว์ต่าง ๆ มากมาย เพราะในเขตป่าที่ไม่มีการคุ้มครองอันตรายซะจนคนปกติไม่กล้าเข้าไปด้วยตัวคนเดียว
“เฮ้อ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะมั้ง กวางหนึ่งตัว นกอีกหลายสิบ คงอยู่ได้อีกหลายวัน” ชายแก่พูดกับตัวเองในขณะที่แบกกวางทั้งตัวเอาไว้บนบ่า
ระหว่างนั้นชายแก่ก็ได้เหลือบไปเห็นศพของหมีตัวใหญ่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีขนาดใหญ่เกือบเท่ารถบรรทุกคันหนึ่ง โดยปกติแล้วพวกมันจะไม่ถูกมองว่าเป็นสัตว์ป่าทั่วไป ภายในโลกนี้เขาจะเรียกพวกมันว่า “มอนสเตอร์”
“มอนสเตอร์ระดับ 3 ดาวนอนตายอยู่เนี่ยนะ ต้องเป็นปีศาจแบบไหนกันเนี่ยถึงจัดการมันได้แบบนี้” ชายแก่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“อืม เราก็แก่จนเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย ไอ้เรื่องระดับดาว แต่ยังดีที่จำได้”
-ระดับ 1 ดาว เปลี่ยนจากคนปกติให้เทียบเท่าทหารติดอาวุธ 1-2 คน
-ระดับ 2 ดาว มีพลังเทียบเท่าทหารติดอาวุธถึงสิบนาย
-ระดับ 3 ดาว เทียบเท่ากองกำลังทหารติดอาวุธนับร้อยนาย
-ระดับ 4 ดาว เทียบเท่ากองกำลังติดอาวุธนับพันนายที่เพียบพร้อมไปด้วยขีปนาวุธ
-ระดับ 5 ดาว ประเมินค่าพลังไม่ได้
ระดับดาวและเลเวลจะเป็นตัวประเมินค่าพลังต่าง ๆ ของมอนสเตอร์และนักล่า ซึ่งใช้กับคนปกติไม่ได้ เพราะไม่มีพลังที่ถูกสืบทอดมาไหลเวียนอยู่ภายในตัว
เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงศพของมอนสเตอร์หมีตัวใหญ่ เขาก็ต้องประหลาดใจเพราะว่าที่นั่น มีเด็กทารกคนหนึ่งนอนอยู่ในอ้อมกอดของมัน
‘นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย ลูกมนุษย์กับมอนสเตอร์เนี่ยนะ.. แถมในป่าที่ห่างไกลจากเมืองหลวงขนาดนี้ แถมยังมีชีวิตอยู่ด้วย ถ้าพากลับไปยายจะว่าอะไรไหมเนี่ย’ ชายแก่คิดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ถึงจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่เขาก็ไม่สามารถทิ้งชีวิตหนึ่งชีวิตเอาไว้ในป่าได้ เขาจึงได้พาเด็กทารกกลับไปยังบ้านของเขาด้วย
ระหว่างทางกลับบ้าน เขาได้ยินสรรพสัตว์ต่าง ๆ กรีดร้องโหยหวยด้วยเสียงอันแปลกประหลาด ราวกับว่าพวกมันจ้องมองชายแก่ทุกฝีก้าว
ในบ้านไม้หลังน้อยกลางป่า หญิงชราเดินไปเดินมาด้วยความสับสนและหวาดกลัว เพราะตกดึกแล้วชายชรายังคงกลับมาไม่ถึงบ้าน เธอเอาแต่คิดเรื่องแย่ ๆ ภายในหัว แต่ในระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น
ก๊อกๆๆ
“ยาย เปิดประตูให้หน่อย ฉันมาถึงแล้ว”
ยายวิ่งไปเปิดประตูด้วยสีหน้าอันแสนดีใจ หลังจากที่ได้ยินเสียงตากลับมาจากป่าที่แสนอันตราย แต่เมื่อเปิดประตูแล้ว สีหน้าของยายก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง สีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย เพราะภายในอ้อมแขนของตาแก่นั้นมีเด็กทารกนอนอยู่
“อย่าพึ่งถามอะไรเลย เข้าไปก่อนดีกว่า ยังไงก็ช่วยดูเด็กนี่ให้หน่อย ฉันเหนื่อยมาก ขอไปอาบน้ำก่อน ค่อยคุยกันนะ” ตามอบเด็กทารกให้กับยายไปอุ้มไว้ และรีบหยิบเสื้อผ้าเดินมุ่งไปยังห้องน้ำ เหลือไว้เพียงคำถามที่อยู่ตรงหน้าของยาย
หญิงชราไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอจึงประคองเด็กน้อยในอ้อมแขนเข้าไปในห้องนอนและบรรจงวางร่างเล็กจ้อยนั้นอย่างเบามือที่สุด
ระหว่างมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยอาหารที่ยายได้เตรียมเอาไว้ให้
“นี่มันเรื่องอะไรกันตา ช่วยอธิบายสักทีเถอะ ฉันสงสัยจะตายอยู่แล้ว” หญิงชราถามขึ้น
“เฮ้อ… ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ในป่านั้นน่ะ ฉันก็ล่าสัตว์ตามปกติ แต่ก็เหลือบไปเห็นมอนสเตอร์ระดับ 3 ดาวนอนกองเป็นศพอยู่ มันก็อดสงสัยไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ก็เลยเดินเข้าไปดู หลังจากนั้นก็เจอเจ้าหนูเนี่ยนอนอยู่ ไม่มีเสียงร้องเลย ไม่ร้องสักแอะ”
“แล้วเราจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดีล่ะตา” พูดพลางเหลือบไปมองบานประตูห้องนอนที่ปิดสนิทอยู่
“ก็คงไม่มีทางเลือกรึเปล่าล่ะ ถ้ากลับเข้าเมืองตอนนี้คงเป็นเรื่องแน่ ๆ ยังไงก็คงต้องเลี้ยงไว้จนโตนั่นแหละ หรือยายว่าไงล่ะ อยากให้เอากลับไปทิ้งไว้ที่เดิมไหม”
“จะบ้าหรอ ใครมันจะไปใจร้ายได้ขนาดนั้นกันล่ะ”
“ก็แม่เจ้าเด็กนี่ไง จะให้ตาย ๆ ไปเลยมั้งเนี่ย เล่นเอาไปทิ้งไว้กลางป่าแบบนั้น” ชายชราโพล่งขึ้นมาอย่างหัวเสีย
“มอนสเตอร์ระดับ 3 ดาวเป็นศพเนี่ย แม่ของเจ้าหนูนี่ก็คงไม่ใช่เล่น ๆ แน่ ๆ”
“จะพูดยังไงก็เถอะ ฉันก็มองไม่เห็นข้อดีในตัวยัยคนที่กล้าทิ้งเด็กไว้กลางป่าขนาดนี้ได้อยู่ดี แต่น่าแปลกใจนะ ที่มอนสเตอร์ 3 ดาวอยู่ใกล้หุบเขาที่มีเขตป้องกันได้ขนาดนั้น”
“มันก็น่าห่วงอยู่หรอก แต่เราไม่เข้าไปยุ่งเรื่องพวกนั้นจะดีกว่านะ ถือว่าฉันขอ”
“อืม เอาเถอะ มีเด็กอยู่บ้านกับเราก็คงดีไปอย่างนะ ถ้าแก่ไปกว่านี้ฉันก็คงหาอาหารไม่ได้แล้ว คงหวังให้เจ้าหนูนี่ช่วยได้อยู่หรอกมั้ง ยังไงก็ต้องรบกวนยายดูแลให้หน่อยนะ”
“ได้สิ แล้วเราจะเรียกเจ้าหนูนี่ว่ายังไงดีล่ะตา”
“ยามิ เพราะเจ้าหนูนี่น่ะมาจากป่าที่แม้แต่แสงก็แทบจะเข้าไม่ถึงไงล่ะ”
“ตาก็มีเซ้นส์ในการตั้งชื่อเหมือนกันนะเนี่ย”
และแล้วเรื่องราวของ ‘ยามิ’ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ภายในครอบครัวอันแสนห่างไกลจากผู้คน