นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 10 คืนนี้ เราเข้าห้องหอกัน
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 10 คืนนี้ เราเข้าห้องหอกัน
รอจนทุกคนต่างทานอิ่มหมีพีมัน โจวกุ้ยหลานเอาเงินที่ได้มาในวันนี้ออกมาอย่างตื่นเต้น เมื่อนับดูแล้ว ก็ถามทั้งสองพ่อลูกอย่างตื่นเต้นว่า “รู้ไหมว่าวันนี้เราได้เงินมาเท่าไหร่?”
เจ้าก้อนน้อยส่ายหัวอย่างอัตโนมัติ ส่วนสวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้าง ยังคงเงียบไม่พูดอะไร
โจวกุ้ยหลานเม้นริมฝีปาก เจ้าคนพูดน้อย เวลาแบบนี้ช่างไม่ได้เรื่องเลย
แต่เมื่อคิดถึงเงินในมือของตน นางก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “วันนี้เราได้มาทั้งหมดสิบสี่ตำลึง ซื้อของเยอะแยะพวกนั้น ใช้ไปสิบเอ็ดตำลึง ยังคงเหลือสามตำลึง”
สวีฉางหลินแทบอยากปาดเหงื่อ เขาเห็นภรรยาของตนได้เงินมาสิบสี่ตำลึงต่อหน้าต่อตา และเห็นนางใช้จ่ายสิบเอ็ดตำลึงต่อหน้าต่อตา
แต่ว่าเรื่องนี้ เขาไม่มีความเห็นอะไร เมื่อก่อนเขาล่าสัตว์ไปขายในตำบลบ่อยๆ ก็เพียงแค่สามารถเลี้ยงดูเขากับลูกไม่ให้อดตาย วันนี้เชื่อฟังโจวกุ้ยหลานแบ่งกวางไปขายตามสัดส่วน กลับสามารถขายได้เงินเยอะขนาดนี้ สิ่งที่ซื้อก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ดังนั้นภรรยาของเขามีความสามารถมากกว่า
“เงินนี้ให้เจ้าเก็บไว้”โจวกุ้ยหลานเอาเงินให้สวีฉางหลินอย่างตื่นเต้นดีใจ
สวีฉางหลินก็เอาคืนกลับให้นาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ ดังขึ้นภายในกระท่อมไม้ว่า “ต่อไปเงินในบ้านของเรา ยกให้เจ้าเป็นคนดูแล”
ยกให้นางเป็นคนดูแล?
โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นอย่างลังเลว่า “นี่เป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรงของเจ้า”
“เจ้าเป็นภรรยาของข้า ต่อไปเจ้าเป็นใหญ่”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ โจวกุ้ยหลานก็ไม่บอกปัด ยังไงนางก็อยากที่จะถามฟาร์มเพาะเลี้ยง ต้องมีเงินลงทุน
“อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว อาหารของเราจะหมดในตอนนั้น และเราต้องเตรียมเสื้อผ้าและกางเกงผ้าฝ้ายไว้ล่วงหน้า ข้าเห็นเจ้าก้อนน้อยมีเสื้อผ้าชุดเดียว เสื้อผ้าเปลี่ยนก็ไม่มี ถึงฤดูหนาวแล้วจะไม่หนาวแย่หรือ?”
พูดพร้อมกับหันไปมองดูเสื้อผ้าบนตัวเจ้าก้อนน้อย นั่นคือเสื้อของสวีฉางหลิน
สวีฉางหลินเงียบ วันเวลาผ่านไปไวจริงๆ ฤดูหนาวบนเขาไม่มีสัตว์ให้ล่า
โจวกุ้ยหลานพูดไปอีกว่า “วันนี้เราซื้อของมาเยอะขนาดนี้ ข้าจะสร้างฟาร์มเพาะเลี้ยงขึ้นมา รอรับฤดูหนาวพอดี แต่เรื่องนี้ต้องรวดเร็ว บ้านหลังนี้ก็ต้องซ่อม บ้านไม้ในฤดูหนาวนั้นจะหนาวมาก เราสร้างบ้านใหม่ สร้างเตาผิง ล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น”
“ต้องการให้ข้าทำอะไร?” สวีฉางหลินถามขึ้นมา
โจวกุ้ยหลานยิ้มกริ่ม โบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “สิ่งที่เจ้าต้องทำมีเยอะมาก แพะต้องมีคอก ไก่ต้องมีรัง ล้วนยกให้เจ้าทำ”
“ได้”
สวีฉางหลินตอบรับ ลุกขึ้นเดินไปด้านหลังประตูหยิบขวานขึ้นมา แล้วเดินออกไป
โจวกุ้ยหลานเอาของทั้งหมดออกมาจากในตะกร้า ผ้าพวกนั้นล้วนต้องเอามาทำเสื้อผ้า กับผ้าห่ม ส่วนไก่กับไข่ไก่ นางก็ล้วนเอาออกมา จัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ
กลัวจะชนถูกเจ้าก้อนน้อย นางจึงให้เจ้าก้อนน้อยออกไปเล่น แล้วตนเองก็เก็บของอยู่ในบ้าน
เจ้าก้อนน้อยเดินออกมา แล้วก็เห็นพ่อของตนใช้ขวานตัดต้นไม้อยู่ไม่ไกล เขาก้าวเท้าน้อยๆวิ่งไปหาเขา มองดูพ่อของตนฟันต้นไม้ได้แล้วสองสามต้น มือเล็กน้อยกำเสื้อไว้ พร้อมถามสวีฉางหลินอย่างระมัดระวังว่า “พ่อ ท่านแม่….ชอบข้าใช่ไหม?”
สวีฉางหลินตอบ “อืม”
“ท่านแม่ชอบพ่อไหม?”เจ้าก้อนน้อยมองดูสวีฉางหลินด้วยดวงตาแป๋ว
สวีฉางหลินกำหมัดวางบนริมฝีปากตนเอง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เจ้าต้องถามท่านแม่”
“ท่านแม่ไม่หอมแก้มพ่อ น่าจะไม่ชอบพ่อ”เจ้าก้อนน้อยก้มหน้าก้มตา พูดขึ้นมาอย่างผิดหวัง
สวีฉางหลินฟังแล้วก็พูดอะไรไม่ออก
ที่จริง จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยแตะต้องภรรยาคนนี้เลย
เมื่อคืนเป็นคืนเข้าห้องหอ คืนนี้ก็น่าจะได้ชดเชย…..
โจวกุ้ยหลานที่อยู่ภายในบ้าน ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองถูกหมาป่าด้านนอกหมายปองไว้แล้ว
เมื่อเก็บกวาดบ้านเสร็จ นางออกมาเห็นด้านนอกประตูมีต้นไม้สามต้นที่ฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นางแอบคิดในใจ ต้นไม้สามต้นนี้ล้วนหนายิ่งกว่าเอวของนาง ผู้ชายคนนี้เอามาคนเดียวได้อย่างไร? และยังรวดเร็วขนาดนี้
หลังจากที่นางครุ่นคิดแล้ว นางก็ไปเก็บเสื้อผ้าเจ้าก้อนน้อยกลับมา ตักน้ำเทลงไปในหม้อ เตรียมต้มน้ำอาบ
แล้วสวีฉางหลินก็แบกต้นไม้กลับมาอีกต้น วางไว้ด้านข้าง แล้วกลับเข้าไปเอาเครื่องมือในบ้านออกมาไม่น้อย จากนั้นก็จัดเรียงต้นไม้ที่ตัดมาแล้วก่อนหน้านี้
พวกนี้ล้วนเป็นเลื่อยและเครื่องไสที่เขาใช้สร้างบ้านเมื่อปีที่แล้ว ล้วนยังสามารถใช้ได้
เจ้าก้อนน้อยถูกสวีฉางหลินไล่เข้าไปเอาตะกร้าในบ้านมาใส่ขี้เลื่อย ในขณะที่โจวกุ้ยหลานกำลังคิดอยู่ว่าจะใช้ทรัพยากรเหล่านี้ยังไง ก็ได้ยินผู้ชายที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “คืนนี้ เราเข้าห้องหอกัน”