นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 138 เสียดาย
ในครัว โจวกุ้ยหลานยิ่งหั่นยิ่งเร็วขึ้น แต่เนื้อวัวมีมากเกินไป และหั่นยาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เหล่าไท่ไท่กลับมาแล้ว นางก็ยังหั่นไม่เสร็จ!
โจวกุ้ยหลานใจร้อน ท้ายที่สุดเพื่อความปลอดภัย นางจึงหั่นเนื้อวัวเพียงครึ่งเดียว และเริ่มก่อไฟในทันที ใส่น้ำลงในหม้อ หลังจากน้ำเดือดแล้ว นางก็รีบใส่เนื้อวัวที่หั่นเป็นเส้นลงไปในหม้อ ต้มให้เดือดสักครู่ แล้วตักเนื้อวัวที่เป็นเส้นๆ ขึ้นมา ใส่น้ำ และเริ่มใส่เครื่องปรุงต่างๆ ลงในหม้อ ค่อยๆ ต้มส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
เมื่อเห็นว่าได้ที่แล้ว นางก็ใส่เนื้อวัวทั้งหมดลงไป และเคี่ยวด้วยไฟอ่อนเล็กน้อย
หลังจากทำขั้นตอนนี้เสร็จ โจวกุ้ยหลายก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
อืม ในตอนนี้แม้ว่าเหล่าไท่ไท่จะกลับมา ก็ไม่กลัวแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ โจวกุ้ยหลานก็เรียกให้เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ข้างนอกเข้ามา และให้เขาก่อไฟ
เมื่อเห็นไฟในเตา เจ้าก้อนน้อยก็รู้สึกกลัว โจวกุ้ยหลายเห็นท่าทางของเขาก็รู้ว่าเป็นผลที่ตามมาจากอาการก่อนหน้านี้ จึงพูดกับเขาว่า “เสี่ยวเทียนเอ๊ย ไฟในเตาไม่ไหม้ออกมาหรอก แต่หากท่านยายกลับมา แล้วเห็นว่าแม่กำลังทำเนื้อวัวตากแห้ง ถึงตอนนั้นนางจะต้องตีแม่ตายแน่ๆ ! ”
ในขณะพูด โจ้วกุ้ยหลานก็ก้มหน้าลง เจ้าก้อนน้อยจะได้เห็นว่าท่านแม่กลัว
เมื่อคิดว่าท่านแม่จะถูกตี เจ้าก้อนน้อยก็เสียใจมาก เขาคว้าร่างเล็กๆ ไว้แน่น นั่งลงข้างเตา หยิบที่คีบถ่านและใส่ฟืนเข้าไป
เมื่อเห็นเขาทำเช่นนี้ โจวกุ้ยหลานก็ขบขันในใจ “เสี่ยวเทียนเก่งมาก แต่ตอนนี้แค่ไฟอ่อนๆ ก็พอ เสี่ยวเทียนไม่ต้องใส่ฟืนแล้ว”
“ขอรับ” เจ้าก้อนน้อยตอบอย่างเชื่อฟัง และจ้องไปที่ไฟในเตา
ดูเหมือนไฟในเตาจะไม่น่ากลัว และมันจะไม่ไหม้ออกมา……
หลังจากที่โจวกุ้ยหลานปิดฝาหม้อ นางก็หยิบมีดมาหั่นเนื้อวัวต่อ ในตอนนี้นางไม่ได้กลัวขนาดนั้นแล้ว และค่อยๆ หั่นอย่างสบายๆ
อย่างไรก็ตาม เนื้อวัวตากแห้งของนางลงไปในหม้อแล้ว แม้ว่าเหล่าไท่ไท่จะกลับมาแล้ว นางก็ไม่กลัว เช่นนั้นสามารถหั่นได้เท่าไหร่ นางก็ทำไปเท่านั้น
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็รู้สึกดีขึ้นมาก
เมื่อเหล่าไท่ไท่กลับมาจากซักผ้าเสร็จแล้ว นางก็ตากผ้าที่ราวตากผ้าข้างนอก หลังจากนั้นเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับอ่างไม้
ทันทีที่เข้าไปในห้องโถงหลัก นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทำไมในบ้านนี้ถึงมีกลิ่นหอม?
นางรู้สึกประหม่า และรีบเข้าไปในครัวโดยไม่ทันได้วางอ่างไม้ และเห็นโจวกุ้ยหลานกำลังหั่นเนื้อวัวอยู่
“เจ้าเด็กไม่รักดี เจ้ากำลังทำอะไร!”
ในขณะพูด นางก็พุ่งเข้าไปหาโจวกุ้ยหลาน
เมื่อเห็นท่าทางนั้นของนาง โจวกุ้ยหลานก็ยังรู้สึกว่าน่ากลัว
แต่พอคิดอีกที ท่านแม่ของนางจะทำอะไรนางได้?
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็กล้าหาญอีกครั้ง
“ทำเนื้อวัวตากแห้ง” ในขณะพูด โจวกุ้ยหลานก็หั่นเนื้อวัวในมืออย่างต่อเนื่อง และเร็วขึ้นมาก
สามารถหั่นได้มากขึ้นอีกชิ้น นั่นก็ล้วนเป็นกำไรของนาง
เมื่อเหล่าไท่ไท่เห็นว่าเนื้อวัวลดลงครึ่งหนึ่ง นางก็รู้สึกเจ็บใจ โยนอ่างในมือทิ้งไปด้านข้างในทันที และยื่นมือไปแย่งมีดทำครัวในมือของโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานไม่กล้าล้อเล่นกับเรื่องเช่นนี้ เหล่าไท่ไท่เข้ามาแย่ง นางจึงรีบปล่อยมือ และถอยหลังไปหลายก้าว
“แค่เนื้อวัวนิดหน่อย ท่านแม่จะไม่ยอมให้บุตรสาวของท่านกินเลยหรือ?” โจวกุ้ยหลานถามอย่างหน้าด้านหน้าทน
ในตอนนี้เหล่าไท่ไท่ไม่คิดที่จะพูดวุ่นวายกับนาง รีบเปิดฝาหม้อ และเห็นว่าข้างในหม้อเต็มไปด้วยเนื้อวัว ในใจนางรู้สึกเจ็บมาก
“โอ้โห เจ้าเด็กไม่รักดี! ในหม้อนี้มีเนื้อวัวอยู่สี่ห้าจิน!”
“ข้าก็ไม่ได้คิดว่าหม้อบ้านเราจะใหญ่ขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ใส่ลงไปหมดแล้ว อีกเดี๋ยวก็กินได้”
โจวกุ้ยหลานรีบกล่าว และถอยหลังไปอีกสองก้าว
ในช่วงเวลานี้ต้องป้องกันไม่ให้เหล่าไท่ไท่ลงมือกับนาง เท่าที่นางจะทำได้ หากเหล่าไท่ไท่ตีนาง นอกจากวิ่งแล้ว นางก็ไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย
เหล่าไท่ไท่ถือมีดทำครัวในมือไว้แน่น และจ้องมองไปที่โจวกุ้ยหลาน
เจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้ต้องการจะเอาชนะนาง!
ไม่อยู่บ้านเดี๋ยวเดียว เจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้เอาเนื้อวัวมาทำมากมาย!
ยิ่งคิดเหล่าไท่ไท่ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
โจวกุ้ยหลานเห็นแววตาที่ไม่ดีของเหล่าไท่ไท่ จึงกล่าวกับเหล่าไท่ไท่อย่างกังวลใจว่า “ท่านแม่ ข้าเป็นบุตรของท่าน ในใจของท่าน ข้าเทียบไม่ได้กับเนื้อวัวแค่ไม่กี่จินนี่เลยหรือ?”
“เนื้อวัวยังสามารถกินได้ ให้เป็นของขวัญได้ ข้าให้กำเนิดเจ้า เลี้ยงดูเจ้า แล้วมีประโยชน์อะไร? มีแต่จะทำให้ข้าเสีย!” เหล่าไท่ไท่ตวาด
เจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้ ไม่สามารถอยู่กับนางดีๆ ได้!
“ท่านแม่ ท่านให้กำเนิดและเลี้ยงดูข้า ข้ายังคงเคารพเชื่อฟังท่าน! ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต่อไปหากเงินแต่งงานของพี่ชายข้าไม่พอ ข้าจะให้เขายืมเงินหนึ่งตำลึง?”
“เงินของเจ้าไม่ใช่เงินแล้วหรือ? เจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้ เจ้าอยากให้ข้าโกรธใช่หรือไม่?” เหล่าไท่ไท่โกรธจัด
ของเหล่านี้จะราคาเท่าไหร่เชียว!
เจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ซื้อของมามากมายเต็มบ้าน นางยังไม่ทันได้จัดการนาง แล้วตอนนี้นางยังเอาเนื้อวัวมาทำมากมายขนาดนี้!
โจวกุ้ยหลานหดคอ ในตอนนี้หากนางกล้าตอบว่า “ใช่” เกรงว่ามีดทำครัวของเหล่าไท่ไท่จะฟันมาที่นาง
ถึงอย่างไรนางก็เอาเนื้อวัวมาทำแล้ว แม้ว่าเหล่าไท่ไท่จะเสียดาย แต่อีกเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว
“วัวแก่นี่ เนื้อวัวนี่ มันจะสูญเปล่า!”
เหล่าไท่ไท่ไม่อยากเห็นโจวกุ้ยหลานเสียดาย เมื่อมองดูเนื้อในหม้อ และร้องโหยหวน
เสียดาย นางเสียดายจริงๆ!
นางไม่เคยกินเนื้อวัวมาก่อนเลยในชีวิต เจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้เอาเนื้อวัวมาทำมากมาย!
“ท่านแม่ หากท่านชอบ พรุ่งนี้ข้าจะซื้อให้ท่านอีก” โจวกุ้ยหลานรีบตอบเพื่อเอาใจนาง
ในน้ำเสียงนั้นยังคงระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้เหล่าไท่ไท่โกรธอีก
อายุปูนนี้แล้วก็ยังโมโหร้าย และไม่กลัวว่าจะทำร้ายร่างกาย!
เหล่าไท่ไท่ไม่สนใจนางและพร่ำบ่นต่อว่า “นี่มันเงินทั้งนั้น! เงินทั้งนั้น! ”
โจวกุ้ยหลานเดินเข้ามาเบาๆ ดึงมีดทำครัวจากมือของเหล่าไท่ไท่อย่างเบามือ วางลงข้างๆ แล้วยกมุมปาก “ท่านแม่ วัวตัวนี้ทำงานหนักมาทั้งชีวิต ตอนนี้มันตายแล้ว เราต้องการให้มันตายอย่างมีคุณค่าใช่หรือไม่? เราเอาเนื้อของมันมาทำของอร่อย กินอย่างมีความสุข มันตายแล้วก็มีคุณค่า”
เหล่าไท่ไท่จ้องไปที่โจวกุ้ยหลาน จากนั้นมองไปที่เนื้อวัวตากแห้งในหม้อ
เจ้าเด็กไม่รักดีคนนี้ฝีมือใช้ได้เลย เนื้อวัวนี้กลิ่นหอมมาก……
“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องตะโกนแล้ว มิเช่นนั้นหากคนทั้งหมู่บ้านจะรู้ว่าบ้านของเรามีเนื้อวัวให้กิน” โจวกุ้ยหลานหัวเราะคิกๆ สองครั้ง และยิ้มเอาใจแม่ของนาง
“ไปๆๆ ออกไปให้หมด อย่ามาขวางหูขวางตาข้า!”
เหล่าไท่ไท่รู้สึกรำคาญ และไม่อยากฟังโจวกุ้ยหลานพร่ำ จึงเอ่ยปากไล่โจวกุ้ยหลาน
เมื่อเห็นว่าแม่ของนางสงบลงกว่าเมื่อครู่แล้ว โจวกุ้ยหลานก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และโบกมือให้เจ้าก้อนน้อยที่ซ่อนตัวและแอบมองอยู่ เมื่อเห็นเช่นนี้ เจ้าก้อนน้อยก็รีบทิ้งไม้คีบถ่าน และตามโจวกุ้ยหลานไปที่หน้าประตูห้องครัว
เมื่อมาถึงหน้าประตู โจวกุ้ยหลานก็จูงมือเจ้าก้อนน้อย และหันกลับไปฝากฝังเหล่าไท่ไท่ว่า “ท่านแม่ เนื้อวัวตากแห้งนี่ทำเสร็จแล้ว หลังจากที่พวกเราออกไปแล้ว ท่านต้องดับไฟ มิเช่นนั้นอีกเดี๋ยวจะกัดไม่เข้า”