นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 154 เหตุใดเจ้าจึงลูบหัวข้าเหมือนลูบหัวสุนัข
โจวกุ้ยหลานแอบประหลาดใจ นางรับตะกร้าอาหารมาและถามโจวต้าซานว่า “แล้วทำไมท่านถึงไม่ไปหาเราหรือเอาไปบอกป้าใหญ่ล่ะ”
“บอกให้นางรู้นางไม่วุ่นวายไปทั่วหรอกหรือ พวกเจ้ามีชีวิตที่ดีลุงก็ดีใจด้วย พ่อของเจ้าที่ลับโลกไปแล้วก็คงดีใจเหมือนกัน”
โจวต้าซานว่าแล้วจึงหันไปปิดหม้อ เตรียมจะไปจุดไฟ
เกิดความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปอยู่ในใจของโจวกุ้ยหลาน ลุงผู้นี้เป็นคนที่อบอุ่นและมีเหตุผลมากๆ
ทันใดนั้นนางจึงคว้าเสื้อของโจวต้าซานไว้อีกครั้งและกระซิบว่า “ท่านลุง ที่เขาลือกันนั้นเป็นความจริง ครอบครัวของข้ากำลังเผาถ่าน แต่เพิ่งจะขายไปแค่ครั้งเดียว และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขายต่อไปได้หรือเปล่า ที่ข้าไม่บอกท่านก็เพราะคิดจะรอให้การหาเงินมีความมั่นคงเสียก่อน จากนั้นค่อยชวนให้พี่เอ้อร์เฉียงกับพี่ซานเฉียงไปเผาถ่านขายหาเงินด้วยกัน”
นางหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ข้ากลัวว่าถ้าพาพวกเขาไปตอนนี้ แล้วถ่านที่เผาไว้ขายไม่ได้ พวกเขาจะเสียเวลาเปล่า และสุดท้ายก็คงจะถูกตำหนิ”
แต่นางไม่ได้บอกว่าใครคือคนที่จะตำหนิ
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าทำชีวิตตนเองให้ดีก่อนเถิด” โจวต้าซานตอบรับสั้นๆ และโบกมือไล่โจวกุ้ยหลาน “รีบเอาข้าวไปส่งได้แล้ว”
โจวกุ้ยหลานเองก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ นางขานรับและหิ้วตะกร้าออกไปทันที
เมื่อเดินไปตามถนนในหมู่บ้าน นางจึงพบว่าคนในหมู่บ้านล้วนชี้ไม้ชี้มือมาทางนาง บางครั้งก็ได้ยินคนพูดว่านางร่ำรวยขึ้น
โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้วและก้าวขึ้นไปบนภูเขาเร็วขึ้นกว่าเดิม
ใครเป็นคนปล่อยข่าวลือเรื่องนี้กันแน่ พวกนางขายถ่านไปแค่ครั้งเดียว ยังไม่ทันได้เงินอะไรมากมาย คนเหล่านี้ก็เอาแต่พูดเรื่องที่นางทำงานหาเงินมาได้ แม้ว่าบางคนจะคาดเดาได้ แต่ทั้งหมู่บ้านก็ไม่มีทางพูดกันหมดแบบนี้ ทั้งยังพูดกันเป็นตุเป็นตะอีกด้วย
โจวกุ้ยหลานนำอาหารมาส่งให้ตรงหน้าสวีฉางหลินกับโจวต้าไห่ หลังจากนั่งลงแล้วนางจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้พวกเขาฟัง สุดท้ายจึงบอกสิ่งที่ตัวเองคาดเดาไปว่า “ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องนำปัญหามาให้พวกเราแน่ๆ”
“พวกเราหาเงินกันเอง แล้วไปเกี่ยวอะไรกับพวกนั้นด้วย” ต้าไห่เอ่ยกับนาง
การเผาถ่านไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในวันที่อากาศหนาวขนาดนี้ พวกเขาสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆ เนื้อตัวก็มีเหงื่อออกมิใช่น้อยทั้งยังเหน็ดเหนื่อยมาก หลังจากใช้เวลาทั้งวันแล้วกลับบ้าน พอหัวถึงหมอนพวกเขาก็ผล็อยหลับทันที
โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว “มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น เรื่องนี้จะต้องมีคนผลักดันอยู่เบื้องหลังแน่ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครกันที่มีความสามารถขนาดนั้นแล้วแอบกระจายข่าวลือนี้อย่างลับๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือคนคนนั้นทำให้คนอื่นเชื่อได้ด้วย”
หมู่บ้านต้าสือไม่ใช่หมู่บ้านเล็กๆ แม้ว่าเมื่อก่อนจะมีข่าวลือที่รับรู้กันทั้งหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อข่าวลือเหล่านั้น
“เป็นคนที่ไม่โดดเด่นแต่สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากมาย” สวีฉางหลินตอบพลางตักโจ๊กถั่วรวมในชามต่อไป
“ขอบเขตกว้างเกินไป คนในหมู่บ้านติดต่อเข้าถึงกันได้ทั้งนั้น แต่ข้าสงสัยว่าเพราะเหตุใดคนคนนั้นจึงรู้ว่าที่ครอบครัวของเรากินอะไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นหลิวเซียง เมื่อวานนางเพิ่งมานี่”
โจวกุ้ยหลานเอ่ยแล้วก็รู้สึกว่าไม่น่าจะใช่ “บางทีคนที่ปล่อยข่าวลืออาจจะไม่รู้ว่าเรากินอะไร แต่แค่เดาไปเอง”
แบบนี้ยังมีทางเป็นไปได้มากกว่า ถึงอย่างไรบ้านของพวกนางก็อยู่ค่อนข้างไกลจากตัวหมู่บ้าน รอบๆ ข้างไม่มีบ้านของใครเลย ต่อให้ทำอะไรกินคนอื่นก็ไม่มีทางรู้ และพวกนางก็ไม่มีทางหลุดปากพูดออกมา บางทีพวกนั้นอาจจะแค่คิดว่าพวกนางรวย ดังนั้นก็น่าจะใช้ชีวิตแบบนั้น
“ช่างเถอะ ถ้าไม่มีใครสร้างปัญหาเราก็ไม่ต้องไปสน” โจวกุ้ยหลานว่าพลางทิ้งก้นลงนั่งบนพื้น
ต้าไห่พยักหน้า เรื่องนี้เขาได้ยินจากกุ้ยหลานมาแล้ว
เพียงแต่…
“หลิวเซียงเป็นอย่างไรบ้าง”
โจวกุ้ยหลานหันไปมองโจวต้าไห่ เมื่อเห็นว่าเขากำลังกินโจ๊ก นางจึงเอ่ยทันทีว่า “แม่ส่งอาหารไปแล้ว ให้อาสะใภ้ชุ่ยฮวาจัดการ รอเรียบร้อยแล้วค่อยรีบส่งกลับบ้าน”
“เราทำแบบนี้จะไม่โหดร้ายเกินไปหรือ” โจวต้าไห่ขมวดคิ้วมองโจวกุ้ยหลาน
ถึงอย่างไรหลิวเซียงก็มาหาเขาแล้วก็เกิดเรื่องขึ้นมาอีก เมื่อนางกลับไปก็ต้องแต่งงานกับคนโง่ คิดๆ ดูแล้วก็เหมือนจะน่าสงสารมาก
โจวกุ้ยหลานเลิกคิ้ว “ท่านคิดจะทำอย่างไรรึ”
เมื่อสวีฉางหลินที่อยู่ข้างๆ ได้ยินน้ำเสียงของภรรยาตัวน้อย เขาก็ขยิบตาให้โจวต้าไห่ทันที แต่น่าเสียดายที่โจวต้าไห่ไม่ได้มองเขาและตอบไปทันทีว่า “ข้าคิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นสตรีคนหนึ่ง และมันก็ไม่ง่ายเลย ยังไงก็มาขอร้องถึงที่เรือนของเรา เราจะโหดร้ายเกินไปก็ไม่ได้”
“อืม นั่นก็มีเหตุผล งั้นทำไมท่านไม่แต่งงานกับนางล่ะ แบบนี้นางจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับคนโง่คนนั้น” โจวกุ้ยหลานลูบคางพลางถามโจวต้าไห่
โจวต้าไห่เกาท้ายทอยของตนเอง “พ่อแม่ของนางไม่ยินยอมมิใช่หรือ ข้าจะแต่งงานกับนางได้อย่างไร”
“ถ้าท่านอยากแต่งงานกับนางจริงๆ เช่นนั้นก็ให้ท่านแม่ไปที่บ้านของอาสะใภ้ชุ่ยฮวาและพานางกลับมาที่บ้านของเรา แบบนี้พ่อแม่ของนางจะไม่ยอมก็ไม่ได้แล้ว” โจวกุ้ยหลานกล่าว จากนั้นจึงเอื้อมมือไปรับชามมาจากมือของสวีฉางหลินและตักโจ๊กถั่วรวมให้เขาอีกทัพพีใหญ่
เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ความคิดของพี่ชายนาง ถ้าพี่ชายของนางชอบนางก็จะไม่ห้าม ถึงอย่างไรในสายตาของคนอื่น นางก็ยังเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ทั้งยังนิสัยไม่ดีและเจ้าแผนการ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียเรื่องที่ไม่รู้งานบ้านงานเรือนอีกด้วย
คนอื่นๆ ยังคิดว่าสวีฉางหลินเป็นฆาตกรฆ่าคน แต่นางคิดว่าเขาเป็นคนดีมาก มันขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นมีใจให้เราหรือเปล่า ถ้ามีใจให้จริงๆ ข้อบกพร่องเหล่านั้นก็จะกลายเป็นข้อดีขึ้นมาได้
โจวต้าไห่วางมือลงโดยไม่พูดอะไร เขานั่งอยู่พักหนึ่งก่อนจะลุกไปทำงานอีกครั้ง
โจวกุ้ยหลานจับสวีฉางหลินที่กำลังลุกขึ้นเอาไว้และเอ่ยกับเขาว่า “สวีฉางหลิน ในหมู่บ้านนี้มีปัญหามากเกินไป ไม่งั้นเราก็หาบ้านใหม่ตอนฤดูหนาวล่ะ พอเริ่มฤดูใบไม้ผลิก็ไปอยู่บนภูเขากัน”
“เอาสิ” สวีฉางหลินตอบรับ นึกในใจว่าเป็นเพราะข่าวลือในช่วงหลายวันมานี้หรือเปล่าที่ทำให้ภรรยาของเขาไม่สบายใจ
ทันใดนั้นเขาจึงยกมือใหญ่ขึ้นมาและวางลงบนศีรษะของโจวกุ้ยหลาน จากนั้นจึงลูบเบาๆ ราวกับกำลังปลอบโยน
โจวกุ้ยหลานเหลือบมองเขา “เหตุใดเจ้าจึงลูบหัวข้าอย่างกับลูบหัวสุนัข”
สวีฉางหลินชะงักมือ จากนั้นจึงดึงมือกลับอย่างเงียบๆ และเอ่ยกับโจวกุ้ยหลานว่า “เจ้ากลับลงภูเขาเลยดีกว่า”
“งั้นคืนนี้พวกเจ้ากลับกันเร็วๆ หน่อยนะ พรุ่งนี้เราจะได้เข้าตำบลกันแต่เช้า ไปถามดูว่าถ่านรอบก่อนขายหมดหรือยัง” โจวกุ้ยหลานบอกเขา
สวีฉางหลินรับคำสั้นๆ จากนั้นจึงเดินไปตรงหน้าโพรงที่ใช้สำหรับเผาถ่านและยัดกิ่งไม้ที่ตากจนแห้งเมื่อไม่กี่วันก่อนใส่เข้าไป
หลังจากเก็บทุกอย่างใส่ลงในตะกร้าจนเรียบร้อย โจวกุ้ยหลานจึงหิ้วตะกร้าเดินกลับไปที่บ้านโดยมีผู้คนมากมายมองมาที่นางระหว่างทางกลับ
นางรีบสาวเท้าไปข้างหน้า เมื่อเดินมาถึงครึ่งทาง นางจึงเห็นว่าไป๋เย่จื่อกำลังวิ่งตรงมาหานางอย่างลนลาน
โจวกุ้ยหลานหยุดฝีเท้ามองนางที่วิ่งเข้ามาหา เมื่อนึกถึงหลิวเซียงนางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ทำไมนางจะต้องมาชดใช้หนี้รักของพี่ชายนางด้วย
โจวกุ้ยหลานอยากจะคร่ำครวญ แต่ยังไม่ทันที่นางจะร้องไห้ให้กับความน่าสังเวชของตนเอง ไป๋เย่จื่อก็วิ่งเข้ามาหาแล้วคว้ามือนางเอาไว้แล้ว นางถามอย่างกังวลว่า “กุ้ยหลาน เรื่องแต่งงานของพี่ชายเจ้าน่ะว่าอย่างไรบ้าง มีผู้หญิงมาหาเขาที่บ้านเจ้าใช่ไหม”