นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 160 ลูกบอกว่าอยากนอนกับเรา
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 160 ลูกบอกว่าอยากนอนกับเรา
เขารักเสี่ยวเทียนมากและพาเสี่ยวเทียนไปด้วยได้ทุกที่ แต่เวลานี้เขาอยากจะครอบครองภรรยาของเขา เขายังไม่ได้กอดนาง ไม่ได้นอนกับนางเลยด้วยซ้ำ!
ชายที่ไม่สมปรารถนามักจะน่ากลัวเสมอ โดยเฉพาะผู้ชายที่มักจะพูดอย่างตรงไปตรงมา
มุมปากของโจวกุ้ยหลานกระตุก
ผู้ชายคนนี้คงไม่รู้จักคำพูดที่ลื่นหูสินะ แล้วคงไม่รู้ด้วยว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าการใส่ใจอารมณ์คนอื่น
เขาอายุเท่าไรแล้ว? ยี่สิบกว่าปีแล้ว! แล้วเสี่ยวเทียนอายุเท่าไร? เพิ่งจะสามขวบ! เขาไม่รู้จักหยอกล้อกับเจ้าก่อนน้อยเลยหรืออย่างไร
โจวกุ้ยหลานเตะขาของสวีฉางหลินด้วยความโมโห “เจ้าออกไปให้พ้นเลย! คืนนี้ไม่ต้องกลับมานอนที่ห้องอีก!”
“แล้วจะให้ข้าไปนอนที่ไหน” สวีฉางหลินถาม
“ข้ามไม่สนใจ! ไปหาพี่ชายข้า ใช้ยกพื้นว่างๆ แก้ขัดแล้วนอนบนพื้นซะ!” โจวกุ้ยหลานเอ่ยอย่างโกรธจัด
สวีฉางหลินขมวดคิ้ว “แล้วเจ้าจะไปกับข้าหรือไม่”
“ไปด้วยกับผีนะสิ! วันนี้เจ้าบีบคอข้าด้วย ข้าจำได้!” โจวกุ้ยหลานตอบอย่างนึกเคือง
นี่ก็หมายความว่าไม่ให้เขาโซเซกลับมาหานางและกับเจ้าก้อนน้อยอีก เขาฟังไม่ออกหรืออย่างไร ยังจะมาถามอีกว่านางจะไปนอนกับเขาหรือเปล่า
สวีฉางหลินเงียบ ภรรยาโกรธเสียแล้ว
แม้แต่จะนอนบนเตียงก็ยังไม่ให้เขานอน
เขามองน้องนางก้มลงปลอบเสี่ยวเทียน ส่วนเจ้าก้อนน้อยก็มองเขาอย่างขลาดๆ
ทันใดนั้นเขาจึงเอื้อมมือออกไป ดึงเจ้าก้อนน้อยมากอดไว้ในอ้อมแขน
โจวกุ้ยหลานรู้สึกถึงความว่างเปล่าในอ้อมแขนและเห็นว่าเจ้าก้อนน้อยย้ายไปอยู่ในอ้อมกอดของสวีฉางหลินแล้ว จากนั้นจึงเห็นสวีฉางหลินลูบหัวเจ้าก้อนน้อยราวกับลูบหัวสุนัข “ชอบหรือไม่”
เจ้าก้อนน้อยพยักหน้าอย่างระมัดระวัง
“พ่อรักเจ้าไหม”
“รัก”
“อยากนอนกับพ่อกับแม่หรือเปล่า”
“อยาก!”
สวีฉางหลินเงยหน้ามองโจวกุ้ยหลาน “ลูกบอกว่าอยากนอนกับเรา”
โจวกุ้ยหลานกระตุกคิ้ว ผู้ชายคนนี้ยังรู้จักหลอกล่อเพื่อกู้สถานการณ์ด้วยหรือ…
“เจ้าไม่รักเสี่ยวเทียนแล้วหรือ”
เมื่อเห็นว่านางไม่พูดอะไร สวีฉางหลินจึงถามต่อ
เจ้าก้อนน้อยเงยหน้ามองโจวกุ้ยหลาน ในแววตาเต็มไปด้วยการเฝ้ารอและความระมัดระวัง
เมื่อเห็นว่าเจ้าก้อนน้อยรู้สึกไม่ปลอดภัย โจวกุ้ยหลานจึงหมดแรงต่อต้านและส่งเสียงบอกเขาว่า “แม่รักเสี่ยวเทียนที่สุด คืนนี้เราจะนอนด้วยกันจ้ะ!”
ว่าแล้วจึงเงยหน้า จ้องมองสวีฉางหลินอย่างนึกเคือง
คิดจะใช้วิธีเดียวกันมาจัดการกับนางงั้นหรือ
ได้ ดีมาก! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อนางจะดูแลเขาอย่างดี!
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น สวีฉางหลินก็ยื่นมือออกมาคว้ามือของโจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานคิดจะดึงมือกลับและไม่สนใจเขา แต่เขาแรงเยอะเกินไปจนนางดึงมือไม่หลุด
นางจ้องสวีฉางหลินเขม็ง แต่สวีฉางหลินกลับก้มมองเจ้าก้อนน้อยและถามเขาว่า “ชอบให้พ่อจับกุมมือแม่หรือไม่”
เจ้าก้อนน้อยถูกลูบหัวจนเสียสติ ตอนนี้ไม่ว่าพ่อของเขาจะพูดอะไร เขาก็พยักหน้าให้หมด “ชอบ”
“ดูสิ ลูกชอบให้ข้ากุมมือเจ้า” สวีฉางหลินเงยหน้ามองโจวกุ้ยหลาน จับมือนางไว้และบีบนวดมือของนางไปด้วย
โจวกุ้ยหลานรู้สึกแค่ว่ามุมปากของนางกระตุกขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
ว่ากันว่าในท้องของผู้ชายเต็มไปด้วยน้ำเสีย และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
นี่มันใช่แล้ว สวีฉางหลินกำลังลวนลามนางต่อหน้าเจ้าก้อนน้อย! ที่สำคัญที่สุดคือนางทำอะไรเพื่อต่อต้านไม่ได้เลย!
ต่อหน้าเจ้าก้อนน้อยเนี่ยนะ!
เวลานี้ที่ข้างนอกยังมีคนอยู่ และนางก็ไม่อยากออกไปเหมือนกัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงนั่งอยู่ในห้องและปล่อยให้สวีฉางหลินลวนลามอยู่อย่างนั้น
สวีฉางหลินพอใจมากและนึกร้อนรนอยู่ในใจ แบบนี้ไม่ได้การ เขาจะต้องนอนกับน้องนางให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นน้องนางจะต้องถูกคนอื่นชิงไปแน่
โจวกุ้ยหลานไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ถ้าหากรู้ นางจะต้องดูถูกเขาแน่นอน หากนางอยากจะไปจริงๆ เป็นไปไม่ได้ว่าเป็นเพราะตอนนี้เจ้าก้อนน้อยชอบนาง นางก็ไม่ไปแล้วหรือ เจ้าก้อนน้อยกำลังมองพ่อแม่ของเขาจับมือกัน เขาจึงมีความสุขมาก เขาพยายามลุกขึ้นจากอ้อมกอดของพ่อและก้าวขาสั้นๆ ไปบนเตียง ทันใดนั้นจึงวางมือเล็กๆ ทั้งสองข้างขึ้นมาและจับมือพ่อกับแม่ของเขาเอาไว้
เมื่อถูกเขาย้ายมาแบบนี้ สีหน้าของสวีฉางหลินก็มืดมนลงอีกครั้ง
แน่นอนว่าลูกชายคนนี้เป็นส่วนเกิน
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงประคองเจ้าก้อนน้อยให้นั่งบนเตียงเพราะเกรงว่าเขาจะล้ม จากนั้นจึงขยับเข้าไปใกล้เล็กน้อย
ในตอนนั้นเอง สวีฉางหลินก็ใช้นิ้วเกาฝ่ามือของโจวกุ้ยหลิน ทำให้นางนึกกลัวขึ้นมาจนต้องถีบสวีฉางหลินอย่างแรง “ปล่อยข้านะ!”
ในที่สุดก็ได้จับมือน้องนางแล้ว เหตุใดจะต้องปล่อยด้วย
“ไม่ปล่อย”
สวีฉางหลินปฏิเสธอย่างรวบรัด
โจวกุ้ยหลานเลิกคิ้ว เฮอะ เอาเปรียบนางแล้วยังจะปฏิเสธนางดื้อๆ แบบนี้อีกหรือ
“ข้าเมื่อยมือมาก” โจวกุ้ยหลานเอ่ยอีกครั้งอย่างยอมอ่อนข้อ
สวีฉางหลินได้ยินแบบนี้จึงปล่อยมือโจวกุ้ยหลานอย่างไม่เต็มใจ โจวกุ้ยหลานรีบดึงมือกลับและบีบนวดแขนของตนเอง
นางแค่ทำแบบนี้เพื่อให้สวีฉางหลินดู ทำให้เขารู้ว่านางเหนื่อยมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะลวนลามนางต่อหน้าเจ้าก้อนน้อยอีกก็ได้
เจ้าก้อนน้อยมองพ่อ จากนั้นจึงหันไปมองแม่ ทั้งคู่ดึงมือกลับหมดแล้วและยอมไม่ให้เขาจับอีก จากนั้นเขาจึงทำปากหวอและฉวยโอกาสล้มลงนอนบนเตียง
“รีบลุกขึ้นเสี่ยวเทียน เตียงนี้มันแข็ง!” โจวกุ้ยหลานเรียกเจ้าก้อนน้อยและอุ้มเขาขึ้นมา
ผ้าห่มบนเตียงถูกพับซ้อนกันเอาไว้ในตอนกลางวัน นอนบนเตียงเปล่าๆ แบบนี้ไม่เมื่อยหรือ
หลังจากอุ้มเจ้าก้อนน้อยขึ้นมา โจวกุ้ยหลานจึงบอกกับสวีฉางหลินว่า “เจ้าช่วยปูผ้าที”
ด้วยคำสั่งของน้องนาง สวีฉางหลินจึงลุกขึ้นไปดึงผ้าห่ม จากนั้นมือใหญ่จึงสะบัดคลี่ผ้าออกปูลงบนเตียง จากนั้นโจวกุ้ยหลานจึงวางเจ้าก้อนน้อยลงบนเตียงนั้นและนำผ้าห่มมาห่มให้เขา
“ท่านแม่ นอนกับข้านะ” เจ้าก้อนน้อยดึงมือโจวกุ้ยหลานและขอบอกให้นางนอนลง
โจวกุ้ยหลานคิดว่าคงไม่เป็นไร ดังนั้นนางจึงนอนลงไปพร้อมกับเจ้าก้อนน้อย
สวีฉางหลินที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นจึงนอนลงไปด้วย เขานอนลงข้างๆ โจวกุ้ยหลานและเอื้อมมือมากอดนางไว้ในอ้อมแขน
โจวกุ้ยหลานหันกลับไปมองเขา “รีบปล่อยเดี๋ยวนี้เลย!”
“นอนแบบนอนหลับสบาย” สวีฉางหลินกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม
ว่าแล้วเขาจึงขยับเข้าไปใกล้ชิดกับแผ่นหลังของโจวกุ้ยหลานยิ่งกว่าเดิม
โจวกุ้ยหลานรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของสวีฉางหลินที่แผ่ซ่านอยู่เต็มแผ่นหลัง และนางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
นางไม่ได้ดิ้นรนและนอนเงียบๆ
สวีฉางหลินเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากและเพียงแค่กอดโจวกุ้ยหลานไว้
เขาไม่ได้ขยับเขยื้อนอีก และโจวกุ้ยหลานก็หามุมเหมาะๆ ที่จะกอดเจ้าก้อนน้อยเอาไว้ นางหลับตาลงอย่างสะลึมสะลือ นางได้ยินสวีฉางหลินพูดอะไรบางอย่าง แต่นางควบคุมสติไม่ได้ และสติของนางก็ค่อยๆ ล่องลอยไปไกล
กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่ถูกปลุกด้วยเสียงที่ดังลั่นของเหล่าไท่ไท่
โจวกุ้ยหลานลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ นางเห็นว่าสวีฉางหลินลุกขึ้นแล้วและกำลังเดินไปเปิดประตู
“พวกเจ้าหลับแล้วหรือ”
“ข้าตื่นแล้วท่านแม่” โจวกุ้ยหลานลุกขึ้นนั่งและตะโกนไปทางประตู
“รีบลุกมากินข้าวเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวพวกนั้นคงจะมากันอีก”
เหล่าไท่ไท่ว่าแล้วจึงรีบเดินออกไป
โจวกุ้ยหลานรีบลุกพลางตะโกนเรียกเจ้าก้อนน้อย ช่วยปลุกให้เขาตื่น
บทที่ 159 ข้ารักเจ้ามาก
บทที่ 161 แบ่งเงิน