นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 165 เจ้าคนไม่ได้เรื่อง
“เขาเมาแล้ว เจ้ายังตามไปทำไม? เขาฉุดเจ้า เจ้ายังไม่รู้จักร้องตะโกนหรือ? เจ้าว่าต้าไห่หลับนอนกับเจ้า ได้ อย่างนั้นเราก็ไปตรวจกัน ให้คนดูสิว่าเจ้าถูกต้าไห่บ้านข้าหลับนอนด้วยจริงหรือไม่!”
หลังจากหลิวเซียงถูกเหล่าไท่ไท่ต่อว่าอย่างนี้แล้วก็หน้าแดงหูแดง อย่างไรก็เป็นเด็กสาว เขินอายกับการพูดเรื่องอย่างนี้ แต่โหนกแก้มนางแดงจนทำให้คนดูไม่ออกว่านางหน้าแดง
“เจ้า…เจ้าพูดอย่างนี้ได้อย่างไร?” นางอดกลั้นไม่ร้องไห้ ต่อขานกับเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่ก็ไม่ใช่ย่อย “พูดอย่างไร? ที่ข้าพูดมีอะไรผิด? พวกเจ้ากล้าวางแผนกับลูกชายข้า ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกเจ้าเลย! แต่ละคนหน้าไม่อาย ยังรังแกมาถึงข้าสวีเหมยฮวา? อย่างไร? เห็นว่าข้าไม่มีผู้ชายก็เลยจะรังแกหรือ? หรือคิดว่าข้ามีเงินแล้วก็จะมาเกาะ”
ครั้นนางพูดออกมา คนในบ้านก็เงียบกริบ
เหล่าไท่ไท่ไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ พลันเท้าเอว “อย่าว่าแต่บ้านข้ายากจนเลย ต่อให้รวย ข้าโยนไปให้พวกขอทานก็ไม่ให้พวกเจ้า!”
ถ้อยคำนี้พูดแทงใจดำชุ่ยฮวากับฝูเถียน ทั้งสองต่างตื่นตระหนก ชุ่ยฮวาก็ใช่จะหาเรื่องได้ พลันด่ากลับคอเป็นเอ็น “นี่พวกเราหวังดีหรอก แต่กลับถูกเห็นเป็นเจตนาร้าย? เจ้าอารมณ์ไม่ดีแต่กลับมาลงกับเรา? ลูกชายเจ้าหลับนอนกับผู้หญิง พวกเราสู้อุตส่าห์บอกเจ้า แต่เจ้ากลับมาด่าพวกเราอย่างนี้หรือ?”
“เรื่องนี้ไม่จบก็ไปหาผู้ใหญ่บ้านกับกำนัน อย่างไรก็มีที่ให้พูดด้วยเหตุผล! เจ้าสวีเหมยฮวาเก่งนี่ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก! เด็กสาวดีๆ กลับถูกพวกเจ้าย่ำยี ข้าจะดูสิว่าคนตระกูลหลิวจะมาจัดการพวกเจ้าหรือไม่!”
ชุ่ยฮวาด่ากลับรุนแรง
ตาเล็กๆ ของเหล่าไท่ไท่ถลึง สองมือตบเพียะ “เจ้าไม่พูดข้ายังลืมเสียสนิท ไปๆๆ รีบไปคุยที่ผู้ใหญ่บ้านกับกำนันเลย แล้วให้คนในหมู่บ้านมารวมตัวพูดเรื่องนี้ด้วย! ไอ้หยา คนที่ดื่มเหล้าด้วยกันพวกนั้นอีก ให้พวกเขามาพูดสิว่าลูกชายข้าเมาขนาดไหน!”
ว่าแล้วก็เอื้อมมือลากโจวต้าไห่ลุกขึ้น
“อย่าทำอย่างกับจะเป็นจะตาย! ทำอย่างแม่ตายแน่ะ รีบไปจัดการเรื่องราวให้ชัด ข้าไม่เชื่อว่าทั้งหมู่บ้านต้าสือสองพันกว่าครอบครัวจะไม่มีคนตาสว่าง!”
หลิวเซียงได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ฝ่ามือชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
ถ้าทำจนเป็นเรื่อง นางก็ไม่มีหน้าพบใครอีกแล้ว!
ไม่ได้ จะไปไม่ได้!
นางรีบร้อนลุกขึ้น แต่ขาอ่อนเข่าลงพื้น กระแทกจนเข่าเจ็บ ตอนนี้นางไม่อาจคำนึงถึงอะไรได้อีก รีบเอ่ยขึ้น “ท่านป้า ถ้าท่านพูดออกไปข้าก็อยู่ต่อไม่ได้แล้ว ท่านป้า ท่านก็กรุณาเถอะ!”
พอทางชุ่ยฮวาเห็นก็สาวเท้าเดินสองสามก้าวเข้าไปหา จับหัวไหล่หลิวเซียงแล้วเข้าไปกระซิบข้างหู “หลิวเซียง สวีเหมยฮวากำลังหลอกเจ้า อย่าไปฟังนางนะ อีกอย่าง ถ้าเรื่องนี้ทำเป็นเรื่องใหญ่โต ต้าไห่ต้องแต่งกับเจ้าแน่ๆ!”
“อาสะใภ้ จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นข้าก็อยู่ต่อไม่ได้แล้ว!”
หลิวเซียงเอ่ย น้ำตาตก
ตอนนี้นางเริ่มนึกเสียใจแล้ว ทำไมถึงฟังคำพูดชุ่ยฮวาได้ มอมสุราโจวต้าไห่แล้วนอนบนเตียงกับเขา? ถ้าเรื่องนี้ทำเป็นเรื่องใหญ่ นางก็ไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้ว!
เหล่าไท่ไท่ทางนั้นหรี่ตา ดูเอาเถอะ นางรู้อยู่แล้วเชียวว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างนั้นข้าก็จะพาลูกชายข้ากลับล่ะนะ ต่อไปอย่าคิดวางแผนกับลูกชายข้าอีก ข้าสวีเหมยฮวาก็ไม่ใช่จะรังแกได้ง่ายๆ!”
กล่าวจบ เหล่าไท่ไท่ก็ไม่รั้งอยู่ต่อ ลากโจวต้าไห่เดินออกไปข้างนอกทันที โจวต้าซานที่อยู่ข้างๆ พอเห็นอย่างนี้จึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก
ฝูเถียนเห็นดังนั้นพลันฉุดเขาไว้ “พี่ต้าซาน เรื่องนี้ท่านว่าจะทำอย่างไร? หลิวเซียงเป็นเด็กสาวแรกรุ่น ต่อไปคงแต่งไม่ออกแล้ว!”
“เจ้าถามข้า? ข้าจะถามใคร?” โจวต้าซานสะบัดมือของฝูเถียนออก แล้วเดินตามเหล่าไท่ไท่และโจวต้าซานออกไป
ชุ่ยฮวาทางนี้โมโหจนชี้นิ้วกับศีรษะของหลิวเซียง “ดูเจ้าสิ ทำไมโง่อย่างนี้? ทำก็ทำไปแล้ว ก็ทำต่อไปสิ นี่มิต้องเสียแรงเปล่าหรือ?”
หลิวเซียงร้องไห้กระซิก “อาสะใภ้ เรื่องนี้เป็นเราที่วางแผนกับเขา เขาไม่ได้ทำอะไร พวกเราเป็นฝ่ายผิด ถ้าแพร่งพรายออกไป เขาเสียชื่อ ข้าก็ไม่รอดเหมือนกัน”
“ถ้าทำเป็นเรื่องใหญ่ เขายังมิต้องแต่งกับเจ้าหรือ? คนในหมู่บ้านยังมิต้องนินทาเขาลับหลังหรือ? เจ้าโง่จริง! เสียทีที่ข้ายังฆ่าไก่ให้พวกเขากินแกล้มเหล้า! กลับไปให้แม่เจ้าเอาไก่มาคืนข้าด้วย!”
ชุ่ยฮวาด่าทอใส่นางแล้วลุกขึ้น
ฝูเถียนหันกลับไป ดูพวกนางสองคนแล้วก็อึดอัด “ดูสิเจ้าคิดแผนอะไร พวกเราไม่ได้อะไรแล้วยังถูกคนด่าอีกยก นี่มิใช่หาเรื่องใส่ตัวหรือ?”
ชุ่ยฮวาเท้าเอว “เจ้าก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้กลายเป็นความผิดข้าแล้วล่ะ? ข้าไม่สน เจ้ารีบส่งนางกลับไปเลย จะได้ไม่ขายหน้าคนบ้านเรา!”
พอหลิวเซียงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินก็พลันร้อนรน “อาสะใภ้ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่อีกสองสามวันเถอะ ขอร้องล่ะ ข้าไม่อยากกลับไป ข้าไม่อยากแต่งกับเจ้าโง่นั่น!”
ชุ่ยฮวาเลิกคิ้ว เอ่ยอย่างหงุดหงิด “ให้เจ้ากินอยู่เปล่าๆ หรือ? มาถึงขั้นนี้แล้ว แต่งกับโจวต้าไห่ไม่ได้ ดูสิเจ้ามันไม่เอาไหน! รีบออกไปเลยนะ อย่ามากินที่ในบ้านข้า!”
หลิวเซียงเบิกตากว้าง ตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นจะพูดอะไร แต่ชุ่ยฮวากลับถูลู่ถูกังลากนางออกไปข้างนอก จากนั้นก็ไล่ออกจากบ้านแล้วคล้องประตูไว้
“ถุย! เจ้าคนไม่ได้เรื่อง!”
ชุ่ยฮวาถุยน้ำลายฟองฟอด กลับบ้านของตัวเอง ไม่สนใจการคร่ำครวญของหลิวเซียง
หลิวเซียงวิงวอนอยู่ข้างนอกพักใหญ่ ชุ่ยฮวาก็ไม่เปิดประตู นางสิ้นไร้ไม้ตอกจึงจำต้องจากไป
ทางนี้ พอเหล่าไท่ไท่ออกจากบ้านชุ่ยฮวาก็หน้าบึ้ง สะบัดมือของต้าไห่ แล้วย่างเท้าเล็กๆ สาวเท้าเดินต่อ
ลูกชายซื่อบื้อนี่ใช่ลูกของนางหรือเปล่า? ทำไมถึงให้คนหลอกอย่างนี้ได้?
โจวต้าไห่พิจารณาเงียบตลอดทาง กระทั่งกลับถึงบ้านโจวต้าซานแล้ว เข้าก็ไปช่วยโจวต้าซานผ่าฟืน เหล่าไท่ไท่เก็บผ้าห่มที่ตากแห้งแล้วพร้อมกับปูให้เรียบร้อย
โจวกุ้ยหลานเห็นท่าทางสามคนนี้แล้วก็ประหลาดใจ ถามโจวต้าซานแล้วถึงรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
รอจนทำงานเสร็จ พวกเขาจึงกลับบ้านพร้อมกัน
เหล่าไท่ไท่ทำหน้าขึงขังตลอดทั้งบ่าย ไม่พูดกับโจวต้าไห่สักคำ
โจวกุ้ยหลานก็ไม่คิดว่าเหล่าไท่ไท่ผิด จึงปล่อยนางไป เพียงแต่พอถึงกลางคืน ขณะกำลังทำบะหมี่ ได้เพิ่มไข่ให้เหล่าไท่ไท่ฟองหนึ่ง บำรุงนาง อย่าได้โมโหจนเสียสุขภาพ
หลังจากทั้งครอบครัวกินข้าวเสร็จ เหล่าไท่ไท่ก็ทำหน้าขึงขังไล่พวกนางไป ส่วนตัวเองไปทำงานอยู่ในห้องครัวคนเดียว
โจวกุ้ยหลานออกไปให้อาหารไก่ แต่เห็นคนหนึ่งหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ที่นอกบ้าน