นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 169 เสี่ยวเทียนจะน่ารักเกินไปแล้ว!
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 169 เสี่ยวเทียนจะน่ารักเกินไปแล้ว!
คนเราเมื่อเหนื่อยล้าแล้วก็มักจะเก็บกมลสันดานไม่อยู่
“อย่างนั้นท่านก็ออกไปบอกกับนางเถอะ ไม่อย่างนั้นพี่ข้าจะไม่สบายใจ” โจวกุ้ยหลานเสนออีกครั้ง
คราวนี้เหล่าไท่ไท่ผงกหัวตกลง ลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปห้องโถงพร้อมกับโจวกุ้ยหลาน ไม่มองโจวต้าไห่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นสักสายตาก็ออกบ้านแล้วยืนอยู่ตรงหน้าหลิวเซียง
โจวต้าไห่รีบตามไปด้วย เกรงว่ามารดาของเขาจะกล่าววาจาอะไรไม่น่าฟัง
ตอนนี้หลิวเซียงกำลังนั่งอยู่ที่พื้น ลำตัวพิงกับกำแพงบ้าน พอเห็นเหล่าไท่ไท่มาก็รีบคลานลุกขึ้น ยืนตัวตรงก่อนจะเรียก “ท่านป้า”
จากนั้นก็หันไปเรียกโจวกุ้ยหลานอีก “พี่หญิงใหญ่”
โจวกุ้ยหลานเบะปาก คราวหน้าเอาไว้เหล่าไท่ไท่ไม่อยู่ นางต้องเจรจาเรื่องการเรียกขานกับหลิวเซียงให้ดีๆ แล้ว
“ข้าเห็นเจ้าเป็นเด็กสาว กลางคืนไม่มีที่ไป จะให้นอนกับข้าคืนหนึ่งเป็นอย่างไร?” เหล่าไท่ไท่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ เอ่ยถามหลิวเซียง
หลิวเซียงดวงตาเป็นประกาย ผงกหัวหงึกๆ “ได้ๆๆ”
“อย่างนั้นเจ้าห้ามไปยุ่มย่ามลูกชายข้า ห้ามอยู่กับเขาตามลำพัง อยู่บ้านข้าหนึ่งวัน ต้องช่วยบ้านข้าทำงานหนึ่งวัน เจ้ายินดีหรือไม่?” เหล่าไท่ไท่เอ่ยปากถามข้อเสนออีก
ทางหลิวเซียงลังเลครู่หนึ่ง สายตาเคลื่อนมายังโจวต้าไห่ แต่พอนึกถึงว่าตัวเองไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอนแล้ว จึงพลันผงกหัวตอบตกลง
อย่างน้อย นางเข้าอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ก็ยังดีกว่าไม่มีที่ให้หลับนอน
โจวต้าไห่ที่อยู่ข้างๆ ตกใจกับมารดาเฒ่าของตัวเอง ต่อมาก็เคลื่อนสายตาไปที่โจวกุ้ยหลาน
เมื่อครู่ให้ตายท่านแม่ก็ไม่รับปากให้หลิวเซียงเข้าบ้าน แต่ตอนนี้กลับตกปากรับคำ? กุ้ยหลานพูดอะไรกับท่านแม่นะ?
“อย่างนั้นก็ตามนี้ ตั้งแต่คืนนี้เจ้านอนกับข้า และตั้งแต่พรุ่งนี้เจ้าก็ไปทำงานกับข้า”
เหล่าไท่ไท่ตัดสินใจ เมื่อกล่าวจบก็หมุนตัวกลับเข้าบ้าน หลิวเซียงมองโจวต้าไห่แวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบตามเหล่าไท่ไท่เข้าไป
โจวกุ้ยหลานดึงโจวต้าไห่ไว้ แหงนหน้ายิ้มตาหยีเอ่ย “คิดให้ดีเถิดว่าจะขอบคุณข้าอย่างไร!”
กล่าวจบก็สาวเท้าเดิน
แต่โจวต้าไห่ฉุดนางไว้ “เจ้าพูดอะไรกับท่านแม่น่ะ?”
“ผู้มีปัญญาย่อมมีแผนเด็ด!” โจวกุ้ยหลานยิ้มตาหยีเอ่ย แกะมือเขาออกแล้วกลับห้องครัว ตักน้ำไปอาบน้ำ
รอจนนางเก็บข้าวของเรียบร้อยกลับห้องตัวเองแล้ว สวีฉางหลินกับเจ้าก้อนน้อยก็นอนอยู่บนเตียงเรียบร้อย
เมื่อเห็นนางเข้ามา หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กก็ผุดลุกขึ้นนั่ง
โจวกุ้ยหลานคล้องประตู สาวเท้าไปถึงข้างเตียงเตา ถอดรองเท้า สองมือโอบคอสวีฉางหลินกับเจ้าก้อนน้อย แล้วกดพวกเขาลงกับเตียง สวีฉางหลินเอื้อมมือประคองโจวกุ้ยหลาน อีกข้างอยู่ตรงหลังเจ้าก้อนน้อยแล้ว ป้องกันไม่ให้ทั้งสองล้ม
โจวกุ้ยหลานทับพวกเขากับเตียง มองคนนี้ที แล้วก็มองคนนั้นที
เจ้าก้อนน้อยชอบใจยิ้มตาหยี ส่วนอีกทาง สีหน้าสวีฉางหลินอ่อนโยนกว่าแต่ก่อนมาก
ไอ้หยา นี่ก็คือสามีกับลูกน้อยอุ่นเตียงเตา ยอดเยี่ยมไปเลย!
“ท่านแม่ เอาอีก” มือเล็กๆ ของเจ้าก้อนน้อยจับโจวกุ้ยหลาน เอ่ยเสียงใส
“นอน!” สวีฉางหลินดึงมือที่ถูกเจ้าก้อนน้อยทับอยู่ แล้วกดหน้าผากเขา
หากไม่ใช่เพราะเขารองเอาไว้ เสี่ยวเทียนต้องล้มไปลงเจ็บตัวแน่
“เจ้าทำเสียอารมณ์หมด พวกเราเล่นสนุกอยู่เลย!” โจวกุ้ยหลานบ่นกับสวีฉางหลิน จากนั้นก็เอามือตัวเองมาพ่นลมที่ปากแล้วจั๊กจี้เจ้าก้อนน้อย
เจ้าก้อนน้อยถูกจั๊กจี้จนหัวเราะเอิ๊กๆ รีบหลบ โจวกุ้ยหลานไล่ตาม
“ฮ่าๆ…ท่านแม่…จั๊กจี้…” เจ้าก้อนน้อยว่าพลางวิ่งไปด้านหลัง
โจวกุ้ยหลานทางนี้ก็ไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างนั้นเหมือนกัน เอื้อมมือตามไป
“ระหว่างข้ากับพ่อเจ้า เจ้าชอบใครมากกว่า?” โจวกุ้ยหลานฉวยโอกาสถาม
เจ้าก้อนน้อยหัวเราะสนุกสนาน ตอนนี้คิดแต่ให้ท่านแม่ยอมปล่อยเขา รีบเอ่ย “ท่านแม่! ท่านแม่!”
สวีฉางหลินที่ดูพวกเขาเล่นสนุกอยู่ข้างๆ ตาจ้องติดๆ กลัวว่าสองคนใครจะหกล้ม แต่พอได้ยินคำพูดของเจ้าก้อนน้อยก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เขาเลี้ยงดูบุตรชายคนนี้มาสามปี ยังไม่สู้ภรรยาตัวน้อยสองเดือนกว่า
แต่พอเห็นภรรยาของตัวเองดีอย่างนี้ เขาจึงรู้สึกว่าเสี่ยวเทียนน่าจะชอบนางมากกว่า อื่ม ข้างนอกยังมีคนคอยจ้องนางตั้งหลายคน ไม่ได้ ต่อไปต้องรีบให้ภรรยาตัวน้อยของตนเข้านอนแล้ว
โจวกุ้ยหลานเห็นเจ้าก้อนน้อยเริ่มหายใจไม่สะดวกจึงหยุด เห็นอีกฝ่ายกระหืดกระหอบก็หันไปอยู่ข้างสวีฉางหลิน ในใจคิดว่าจะจั๊กจี้เขาเหมือนกัน
พอเห็นหน้าตามีแผนร้ายของนาง สวีฉางหลินก็ยกมือเริ่มถอดเสื้อผ้า
โจวกุ้ยหลานอึ้ง ถามเขา “เจ้าทำอะไรน่ะ?”
“แก้ผ้าให้เจ้าล่วงเกินข้าอย่างไรเล่า” สวีฉางหลินตอบ เขานั่งลง เสื้อตัวกลางถูกโยนออกไปแล้ว ตอนนี้กำลังแกะเชือกเสื้อตัวใน
“อะไรนะ?”
โจวกุ้ยหลานนึกว่าตัวเองหูฝาด มองสวีฉางหลินตะลึงงัน เห็นนิ้วมือเรียวยาวของเขาแกะเชือก ปลดกระดุมเสื้อตัวในเผยผิวสีน้ำผึ้ง แหวกเสื้อออก เปิดกล้ามหน้าท้องแปดมัดของตัวเองกับโจวกุ้ยหลาน
ท่าทางนั้นชวนให้นางอยากหยิบฉวยตามอำเภอใจยิ่ง
โจวกุ้ยหลานกลืนน้ำลายลงอึกอย่างอดไม่อยู่ “เจ้า…เจ้าไม่กลัวหนาวหรือ?”
ถึงฤดูที่ต้องใส่เสื้อนวมแล้ว แต่เขากลับนั่งเปิดเสื้ออ้าซ่าแบบนี้? สองมือที่กางเสื้อออกนั่นหมายความว่าอย่างไร เขาไม่กลัวว่านางจะอดกลั้นความหื่นกระหายของตัวเองไม่ได้หรือ?
ว๊ายๆๆ รูปร่างนี้จะยอดเยี่ยมไปแล้ว! กล้ามหน้าท้องแปดมัด! แน่นเปรี๊ยะ! แล้วยังสีผิวนี่อีก นี่แทบทำให้นางอยากพุ่งตัวเข้าไปล่วงเกินเหลือเกิน!
ครั้นนึกถึงรสสัมผัสที่ได้ลูบคลำครั้งก่อน โจวกุ้ยหลานก็เคลิบเคลิ้มไปทันที
อยากลูบจังเลย…
“ข้าไม่เหมือนกับท่านพ่อ”
เสียงเด็กน้อยของเจ้าก้อนน้อยดังขึ้น โจวกุ้ยหลานหันไปมอง เห็นอีกฝ่ายกำลังเลียนแบบบิดาตัวเอง เปิดเสื้อตัวในของตนเองออก เผยพุงน้อยขาวเนียน ร่างกายยังสั่นระริกด้วยแน่ะ น่าจะเพราะหนาวเกินไป
พอเห็นท่าทางของเขาแล้ว ความเคลิบเคลิ้มอันน้อยนิดในเมื่อครู่จึงถูกความตลกขบขันสลายไปทั้งอย่างนี้
ไอ้หยา เสี่ยวเทียนจะน่ารักเกินไปแล้ว!
โจวกุ้ยหลานกระโจนไปหาเจ้าก้อนน้อย กอดเขาแน่นๆ อยู่ในอ้อมอก แล้วหอมแก้มเล็กๆ แรงๆ “เสี่ยวเทียน เจ้าจะน่ารักเกินไปแล้วนะ!”
เห็นภรรยาตัวน้อยกระโจนใส่เจ้าก้อนน้อยต่อหน้าต่อตา สวีฉางหลินพลันหน้าบึ้ง
เสียงกริ่งเตือนในใจดังระงม นี่เป็นภรรยาของเขานะ แต่กลับไปกอดสวีเสี่ยวเทียนเสียนี่?!
ข้างนอกยังมีไป๋ยี่เซวียนที่กำลังจ้องภรรยาของเขาอยู่ ในบ้านก็มีผู้ชายอีกคนที่กำลังแย่งภรรยากับเขา!
สวีฉางหลินเปรียบเทียบตัวเองกับสวีเสี่ยวเทียน สุดท้ายกลับพบว่าตำแหน่งของตัวเองในหัวใจภรรยายังสู้เจ้าเด็กคนนี้ไม่ได้เลย!
พอคิดอย่างนี้แล้ว เขาก็ยื่นมือออกไปดึงภรรยาตัวน้อยของตนกลับมา คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพาเจ้าก้อนน้อยลงนอนด้วย จึงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมทุกคนมิดชิด