นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 178 คนไปเงินมาจบ
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 178 คนไปเงินมาจบ
คนหมู่บ้านต้าสือหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันอีก ทว่าตอนนี้ฝั่งคนของหมู่บ้านหลิวโมโหเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร กลัวว่าเหล่าไท่ไท่จะไม่สบอารมณ์ด่าอีก
ระหว่างที่กำลังพูดคุยสนุกสนานก็ตามกำนันมาได้สักที โดยระหว่างทางคนหนุ่มผู้นั้นได้เล่าเรื่องให้เขาฟังแล้ว เวลานี้จึงจัดการได้อย่างรวดเร็วฉับไว
เขียนหนังสือขายตัวตามที่โจวกุ้ยหลานต้องการ อธิบายชัดว่าต่อแต่นี้หลิวเซียงไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลหลิวอีก และหลังจากหลิวฝูรับเงินห้าตำลึงไปแล้วจะมาหาหรือให้คนมาหาหลิวเซียงก็ไม่ได้ด้วย
“เรียบร้อย พวกเขาพิมพ์ลายนิ้วมือกันเองเถอะ” กำนันเป่าหมึกบนกระดาษ ครั้นเห็นว่าแห้งแล้วก็หยิบหมึกแดงชาดออกมาวางไว้บนโต๊ะ รอให้พวกเขาพิมพ์ลายนิ้วมือ
หลิวฝูปฏิเสธ “ข้ายังไม่ได้เงินเลย ข้าไม่พิมพ์นิ้วมือบนหนังสือสัญญาขายตัวหรอก”
นี่ทำให้กำนันเสียหน้ามาก เขาอยู่ตรงนี้ทนโท่ คนตระกูลโจวจะเบี้ยวได้หรือ? นี่ไม่เท่ากับดูถูกเขาที่เป็นกำนัน?
โจวกุ้ยหลานทางนี้กลับไม่คิดอย่างนั้น พลันเอ่ย “ได้ เงินนี่ข้าให้เจ้าก่อน”
ว่าแล้วก็หมุนตัวเข้าห้องตัวเอง คนเยอะแยะขนาดนี้ นางไม่กลัวว่าหลิวฝูจะเล่นตุกติกหรอก
กำนันมองแผ่นหลังโจวกุ้ยหลาน ใจชื้นขึ้นมาไม่น้อย หลิวฝูสู้ไม่ได้กระทั่งผู้หญิง!
ผ่านไปพักหนึ่ง โจวกุ้ยหลานก็หยิบตำลึงเงินชิ้นเล็กๆ ออกมาห้าตำลึงแล้วยื่นให้กำนัน “ท่านอา ท่านเป็นคนกลาง พวกเราทำให้ชัดเจนแล้ว เงินนี่ท่านก็มอบให้หลิวฝูเถอะ”
กำนันพยักหน้า จากนั้นก็หันไปทางหลิวฝู “เจ้ามาพิมพ์ลายนิ้วมือ”
ทีนี้หลิวฝูถึงจะวางใจ เดินมา ใช้นิ้วหัวแม่มือกดหมึกแดงชาด แล้วกดบนหนังสือสัญญาขายตัวแรงๆ
จากนั้นกำนันก็พิมพ์ลายนิ้วมือของตนก่อนจะพับหนังสือสัญญาส่งให้โจวกุ้ยหลาน กำชับ “เจ้าเก็บไว้ให้ดี ต่อไปความเป็นความตายของหลิวเซียงก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
“ขอบคุณอากำนัน” โจวกุ้ยหลานของคุณรับมา
กำนันขานรับเสียงหนึ่ง จากนั้นก็หันไปยื่นเงินห้าตำลึงให้หลิวฝู “ต่อไปเจ้าอย่ามาที่นี่อีก คนเขาจะได้ไม่เข้าใจผิด”
“ได้ๆๆ ตามท่านว่า!” หลิวฝูรับเงินด้วยความระมัดระวังแล้วรีบหยิบเงินกัดในปากทีหนึ่ง แข็ง! เงินของจริงๆ!
ไอ้หยา ขายเจ้าตัวสิ้นเปลืองเงินทองได้ถึงตั้งหาตำลึงแน่ะ! รู้อย่างนี้มีลูกสาวหลายๆ คนก็ดี เลี้ยงโตก็ขาย อย่างนั้นเขาก็รวยแล้ว!
ครั้นเรื่องนี้สิ้นสุดลง หวังโหยวเกินทางนั้นก็รีบมา ครั้นเห็นกำนันก็ยื่นมือจับมือของอีกฝ่ายไว้ เอ่ยอย่างเป็นมิตร “กำนันมาหมู่บ้านเราทำไมไม่ไปนั่งที่บ้านข้าล่ะ? ไปๆ กับข้าวเย็นนี้บ้านข้าก็ทำเสร็จแล้ว กำนันรีบตามข้าไปกินด้วยกันสักมื้อเถอะ!”
กำนันคิดบอกปัด แต่หวังโหยวเกินเป็นมิตรเหลือเกิน สุดท้ายเขาจึงไม่อาจปฏิเสธ ตามหวังโหยวเกินไปกินอาหารที่บ้านของเขา
ครั้นหลิวฝูเห็นว่าจบเรื่องแล้ว เงินก็ถึงมือแล้ว จึงพากลุ่มคนหมู่บ้านหลิวกลับไป
โจวต้าไห่ขอบคุณความช่วยเหลือของคนในหมู่บ้าน คนหมู่บ้านต้าสือเหล่านั้นจึงทยอยสลายตัวด้วย ต่างคนต่างกลับไปกินข้าวที่บ้าน
เมื่อทุกคนในครอบครัวเข้าบ้าน หลิวเซียงก็กุมหน้าอกตัวเองคุกเข่ากับเหล่าไท่ไท่และโจวกุ้ยหลาน โขกศีรษะติดต่อกันสองครั้งจึงถูกเหล่าไท่ไท่พยุงขึ้นมา
“ต่อไปเจ้าก็กินรำข้าวผักดองกับบ้านข้าเถอะ” เหล่าไท่ไท่เอ่ย
หลิวเซียงเช็ดหน้าตัวเอง “มีรำข้าวผักดองกินก็ดีแล้ว ขอเพียงให้ข้าอยู่ ให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”
ทีแรกวันนี้ตนหนีไม่รอดแล้ว ต้องถูกบิดาลากตัวกลับบ้านแน่ คิดไม่ถึงว่าภายหลังยังสามารถอยู่ต่อ ทั้งยังเป็นโจวกุ้ยหลานใช้เงินห้าตำลึงซื้อตัวนางอีก
เมื่อคิดถึงจุดนี้ นางก็ซาบซึ้งใจยิ่ง แต่แล้วก็กลับนึกถึงเรื่องที่ตนก่อเหล่านั้นในระยะก่อน รู้สึกละอายใจขึ้นมาอีก
“ชาตินี้หลิวเซียงติดตามพวกท่านแล้ว จะตอบแทนพวกท่านดีๆ แน่!” หลิวเซียงสูดจมูก เอ่ยเสียงทุ้มหนัก
เมื่อเห็นนางยังตื่นเต้นขนาดนั้น โจวกุ้ยหลานก็เบะปาก ตะเบ็งเอ่ย “ท่านแม่ ข้าไปทำกับข้าวก่อนนะ”
ว่าแล้วก็รีบกลับห้องตัวเอง พาเจ้าก้อนน้อยที่นั่งเล่นนิ้วตัวเองอยู่บนเตียงเตาออกมา จากนั้นก็เดินเร็วเข้าห้องครัว
ไม่รู้ว่าพวกเขาจะพูดเรื่องนี้อีกนานแค่ไหน แต่นางหิวแล้ว
เมื่อเข้าห้องครัว โจวกุ้ยหลานก็ถามเจ้าก้อนน้อย “เสี่ยวเทียนหิวหรือยัง?”
“หิวแล้ว” เจ้าก่อนน้อยตอบพลางผงกศีรษะ
ปกติเวลานี้กินอาหารเสร็จแล้ว แต่วันนี้ยังไม่ได้ทำกับข้าวเลย
นางพลันเร่งมือแล้วเริ่มนวดแป้ง อยากทำบะหมี่นวดมือกินไวๆ หากจะทำอย่างอื่นอีกก็จะช้า
ขณะกำลังนวดแป้ง สวีฉางหลินก็เข้ามา โยนเจ้าก้อนน้อยไปทางหนึ่ง ส่วนตัวเองก็เริ่มจุดไฟ
“ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?” โจวกุ้ยหลานถาม
“ยังคุยกันอยู่” สวีฉางหลินตอบง่ายๆ คำหนึ่ง แล้วนั้นก็เอ่ยปาก “ต่อไปปกป้องตัวเองดีๆ ล่ะ”
โจวกุ้ยหลานใช้ไม้นวดแป้งบดก้อนแป้งในมือแรงๆ ตอบ “นั่นมิใช่เพราะพวกเจ้าไม่กลับมาหรอกหรือ ข้าจะหดหัวอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปดูท่านแม่ถูกพวกเขารังแกไม่ได้กระมัง”
สวีฉางหลินเงียบงัน นึกถึงเรื่องที่อาจประสบในอนาคตแล้วจิตใจก็กระวนกระวายนิดๆ
ครั้นเห็นเขาไม่พูดอะไรอีก โจวกุ้ยหลานก็บอกเล่าแผนการของตัวเองต่อ เล่าเรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านจัดการธุระ สวีฉางหลินเงยหน้า แล้วมองนางด้วยความประหลาดใจ
“ข้ารู้ว่าความคิดนี้ยอดเยี่ยมมาก เจ้าไม่ต้องมองข้าอย่างนี้หรอก”
โจวกุ้ยหลานเงยหน้า ทำเป็นนิ่ง
“อื่ม แค่คิดไม่ถึงว่าภรรยาข้าจะฉลาดขนาดนี้” สวีฉางหลินชมเชยด้วยท่าทางจริงจัง
“เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ? ข้าไม่ได้ฉลาดอย่างนี้ตลอดหลายเดือนมานี้หรืออย่างไร?” โจวกุ้ยหลานทำเป็นนิ่ง แต่ความจริงกำลังดีใจลิงโลด
ไม่รู้เพราะเหตุใด สวีฉางหลินชมเชยนางหน้าตาย นางกลับรู้สึกยินดีปรีดามาก
ทั้งสองคนสนทนากัน หารือเรื่องสร้างบ้าน จากนั้นก็ตัดสินใจให้โจวต้าไห่ไปซื้อของจำเป็นที่ตำบลพร้อมกับโจวกุ้ยหลานในวันพรุ่งนี้
สำหรับสวีฉางหลินยังคงพาพวกโจวต้าซานไปเผาถ่านด้วยกัน
หลังจากทุกคนกินอาหารเสร็จก็เข้านอนแต่หัววัน เช้าตรู่วันถัดมาสวีฉางหลินไปทำงานบนเขาต่อ โจวต้าไห่ไปเรียกเกวียนที่บ้านเหล่าหม่าโถว ขนถ่านที่เผาในระยะนี้กับเงินในอกเข้าตำบล
พวกเขาไปร้านของเถ้าแก่โจวขายถ่านก่อน แล้วให้เหล่าหม่าโถวพานางวนรอบตำบลรอบหนึ่ง ช่วงบ่ายพวกเขาก็ซื้อของเรียบร้อยแล้ว โดยมีแรงขนย้ายลำเลียงของโจวต้าไห่เป็นหลัก ถ้านี่ยังไม่พอ ต่อไปก็ค่อยทยอยซื้อ
สุดท้ายก็ไปร้านแลกเงินในตำบล แลกเงินสิบตำลึงในอกเป็นเงินอีแปะ
เหล่าหม่าโถวพาพวกเขากลับไปด้วยกัน เมื่อลากของถึงตีนเขาแล้ว ก็ให้โจวต้าไห่ขึ้นเขาไปเรียกสวีฉางหลิน เอ้อร์เฉียงกับซานเฉียงมาช่วยกันขนย้ายของขึ้นไป