นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 183 อุ่นเตียงให้เจ้า
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 183 อุ่นเตียงให้เจ้า
หลังจากกินอาหารเสร็จ ตกบ่ายก็ไปทำงาน กระทั่งกลับมากินอาหารเย็น โจวกุ้ยหลานก็เก็บเสื้อนวมผ้าห่มอะไรยื่นให้สวีฉางหลิน ให้เขาดูแลเรื่องความอบอุ่นเอง
สวีฉางหลินก้มหน้ามองห่อสัมภาระที่อยู่ในอ้อมแขนตน ถึงจะไม่ยินยอมอย่างไร ก็ตระหนักว่าต้องมีคนเฝ้า
“อย่าลืมเอาถ่านไปด้วยล่ะ จุดถ่านก็อย่าปิดห้องมิดชิดเกินไป ต้องมีอากาศถ่ายเท” ระวังก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นพิษ!
โจวกุ้ยหลานลอบคิดในใจ
“กุ้ยหลาน ข้าไปแล้วจะไม่มีคนอุ่นเตียงให้เจ้า” สวีฉางหลินกล่าวด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์
“ไม่เป็นไร บ้านเรามีเตียงเตา ไม่ต้องใช้คนอุ่น” โจวกุ้ยหลานเอ่ย จากนั้นคนก็เดินไปข้างนอก
สวีฉางหลินอดกลั้น ขึ้นเขาด้วยอารม์ไม่ค่อยดีทันที
เพียงแต่บนเขาเปล่าเปลี่ยว ดึกดื่นนอนอยู่บนเตียงคนเดียว ครั้นคิดว่าข้างกายไม่มีภรรยาตัวน้อยของตัวเองแล้วก็หว้าเหว่เหลือเกิน
สายลมเย็นพัดโชย ด้วยราตรีอันเงียบเชียบหนาวเหน็บ ดังนั้นจึงดูโดดเดี่ยวอ้างว้างกว่าปกติ
เขารับรู้ถึงลมพัดหวัดหวิวที่อยู่ด้านนอก ฝืนตนหลับตา ทำใจให้สงบแล้วนอน
อีกทางหนึ่ง กลางคืนมีแต่เจ้าก้อนน้อยกับโจวกุ้ยหลานนอนแค่สองคน
เจ้าก้อนน้อยกวาดสายตามองรอบๆ ไม่เห็นบิดาตัวเอง ในใจตุ้มๆ ต่อมๆ เล็กน้อย
พลันเงยหน้ามองมารดา ถามอย่างระมัดระวัง “ท่านแม่ ท่านพ่อไม่กลับมานอนหรือ?”
โจวกุ้ยหลานช่วยเขาถอดชุดนวมแล้วให้เขานอนลง ส่วนตัวเองก็นอนลงด้วย “พ่อเจ้าไปเฝ้าบ้านใหม่ของเราอยู่บนเขา เขาจะนอนอยู่ที่นั่นจนกว่าจะสร้างบ้านใหม่เสร็จ”
เจ้าก้อนน้อยพยักหน้า แสดงออกว่าตนเข้าใจแล้ว
จากนั้นก็กอดโจวกุ้ยหลานอย่างเชื่อฟัง หลับตานอน
โจวกุ้ยหลานกอดตัวนุ่มนิ่มของเจ้าก้อนน้อย หลับตานอนอย่างสงบ
ฝันดีตลอดทั้งคืน ขณะที่ตื่นในวันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่สางจริงด้วย นางรีบจัดการกับตัวเอง ไปห้องโถง พบว่าเหล่าไท่ไท่กับหลิวเซียงตื่นแล้ว ตอนนี้กำลังเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูอยู่ ยุ่งมากทีเดียว
โจวกุ้ยหลานก็ไปช่วยด้วย ทำอาหารเช้า เมื่อทุกคนในครอบครัวกินเสร็จก็เอาใส่ชามไปให้สวีฉางหลินกินบนเขา ขณะไปถึง สวีฉางหลินกำลังทำงานอยู่
เหล่าไท่ไท่เห็นเขาจึงรีบถาม “ฉางหลิน เมื่อคืนนอนหนาวหรือไม่?”
“หนาว” สวีฉางหลินเอ่ย มองทางโจวกุ้ยหลาน
ไม่ได้กอดภรรยาตัวน้อยนอน จะไม่หนาวได้อย่างไร?
โจวกุ้ยหลานยื่นอาหารในมือให้สวีฉางหลิน เอ่ย “หนาวก็ห่มผ้าให้มากหน่อย”
“ใช่ๆๆ เดี๋ยวกลับบ้านค่อยหยิบผ้าห่มมาอีก” เหล่าไท่ไท่รีบสมทบ
สวีฉางหลินปิดปาก หยิบตะเกียบของตัวเองขึ้นมาแล้วเริ่มกินอาหารเช้าแต่โดยดี
โจวกุ้ยหลานเห็นดังนั้นก็ร่าเริงขึ้นไม่น้อย ใครให้เขากล้าวางแผนกับนาง! ใครให้เขากล้าสร้างข่าวไปทั่ว!
หรือว่าเขาไม่พูดไม่ทำ คนอื่นจะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยาหรือ?
อีกอย่าง ถ้าอยากลอบมีชู้จริง เขาเป็นแบบนี้ยังจะปกปิดอยู่หรือ?
โง่งมโดยแท้!
คิดๆ แล้วโจวกุ้ยหลานก็อดนึกขันไม่ได้
โง่งมก็ยังน่ารักมาก
แต่เพื่อให้บทเรียนเขา โจวกุ้ยหลานก็ยังต้องทำหน้าตึง
สวีฉางหลินกินข้าวเช้าได้ไม่นาน ทุกคนก็มาทำงานกันแล้ว คนเยอะก็ดีเช่นนี้แล เมื่อวานวันเดียวก็เก็บกวาดบ้านที่ถูกเผาไปเมื่อก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว ตอนบ่ายยังเริ่มขุดฐานด้วย
เนื่องจากมีความช่วยเหลือจากหวังโหยวเกิน โจ้วกุ้ยหลานจึงสบายขึ้นมาก เพียงช่วยพวกเหล่าไท่ไท่ต้มน้ำให้พวกเขาดื่มเป็นบางครั้งเท่านั้น ที่เหลือก็คือทำกับข้าวดูแลครอบครัวของตัวเอง หนนี้สบายกว่าทนที่แล้วโข เหล่าไท่ไท่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเหมือนกัน
กลางวันทุกคนกลับไปกินข้าวบ้านตัวเอง พวกเขาแค่ทำกับข้าวส่วนของตัวเองเท่านั้น
หลังจากลงเขา พวกเขาก็เร่งเดินไปบ้านตัวเอง
พบหูไห่เซียระหว่างทาง พออีกฝ่ายเห็นพวกเขาก็รีบเอ่ย “พวกเจ้ารีบกลับเร็วเถอะ มีผู้สูงศักดิ์รอพวกเจ้าอยู่ที่หน้าประตูบ้านแน่ะ!”
ผู้สูงศักดิ์? พวกเขาไม่รู้จักผู้สูงศักดิ์อะไรนี่…
โจวกุ้ยหลานกับสวีฉางหลินมองกันทีหนึ่ง เหล่าไท่ไท่กลับตรงไปตรงมา “ผู้สูงศักดิ์อะไร?”
“เห็นว่าเป็นเถ้าแก่อะไรในตำบล หรูหราเสียไม่มี มีรถม้าด้วยแน่ะ!”
รถม้า…
ยังเป็นเถ้าแก่ในตำบลด้วย หรือจะเป็นไป๋ยี่เซวียน หรือว่าเถ้าแก่โจว
แน่นอน ตอนนี้มีความเป็นไปได้มากกว่าว่าจะเป็นเถ้าแก่โจว
โจวกุ้ยหลานพอรู้อยู่ในใจ เมื่อสนทนากับพี่สะใภ้หูไห่เซียจบ พวกเขาก็เร่งฝีเท้าเดินไปที่บ้าน
ส่วนคนอื่นๆ เมื่อพบเจอพวกเขาระหว่างทางก็ทักทายกับพวกเขาด้วย ลอบสะท้อนใจรถม้าลับหลัง บ้านตระกูลโจวร่ำรวยแล้วจริงๆ!
กระทั่งพวกเขากลับถึงบ้าน ก็เห็นเถ้าแก่โจวยืนวนอยู่ปากประตู และรถม้าของเขาก็อยู่ข้างๆ
“เถ้าแก่โจว ทำไมท่านมาบ้านนอกนี่ได้?” โจวกุ้ยหลานทักทายกับเถ้าแก่โจวจากที่ไกลๆ
เมื่อได้ยินเสียงนาง เถ้าแก่โจวก็ดีใจเสียไม่มี สาวเท้ามาหา รีบเอ่ย “พวกเจ้ากลับมาได้เสียที ข้ารอพวกเจ้าอยู่นี่หนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว!”
“ขออภัย พวกเราอยู่บนเขา ทำให้ท่านต้องรอนานแล้ว พวกเราเข้าบ้านกันเถอะ มีธุระอะไรพวกเราค่อยพูดค่อยจากัน” โจวกุ้ยหลานเอ่ย
โจวต้าไห่ทางนั้นเปิดประตูแล้ว ต้อนรับเถ้าแก่โจวเดินเข้าข้างใน
เหล่าไท่ไท่ที่ตามอยู่ข้างหลังฉุดโจวต้าไห่ไว้ กระซิบถามว่าคนผู้นี้คือใคร โจวต้าไห่จึงกระซิบบอกเล่าเรื่องนี้กับนาง
“นั่นมิใช่เศรษฐีใหญ่หรือ?” เหล่าไท่ไท่ตกใจ
โจวต้าไห่พยักหน้า เอ่ยกับนาง “พวกเราอาศัยเขาหารายได้นี่แหละ”
เหล่าไท่ไท่พลันเข้าใจ รีบเดินเข้าในบ้านแล้วเตรียมทำอาหารต้อนรับคนผู้นี้ทันที
หลิวเซียงก็รีบเดินตามไปด้วย
พริบตาเดียวก็เห็นพวกเขาเดินไปแล้ว โจวต้าไห่ส่ายหน้าด้วยความจนใจ เอื้อมมือจูงเจ้าก้อนน้อยเข้าบ้าน ครั้นถึงห้องโถงก็เห็นโจวกุ้ยหลานกับสวีฉางหลินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถงเป็นเพื่อนเถ้าแก่โจว ข้างมือมีจอกน้ำชาใบใหญ่ ในนั้นน่าจะรินน้ำแล้ว
เขาพยักหน้ากับเถ้าแก่โจว พาเจ้าก้อนน้อยไปทางแปลงผักด้านหลัง
รอจนพวกเขาไปแล้ว เถ้าแก่โจวก็รีบเอ่ย “ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว ทำไมหลายวันนี้พวกเจ้าไม่ไปส่งถ่านล่ะ?”
“ช่วงก่อนพวกเราส่งไปแล้วมิใช่หรือ?” โจวกุ้ยหลานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
หากคำนวณจากเดือนละสองพันจิน ถ่านที่พวกเขาส่งไปคราวที่แล้วน่าจะอยู่ได้อีกระยะหนึ่งจึงจะส่งนี่
“ไอ้หยา ถ่านนั่นขายหมดตั้งนานแล้ว วันรุ่งขึ้นข้าส่งไปที่ตัวอำเภอ ในตำบลมีหลายร้านมาซื้อกับข้าแต่ข้าก็ไม่มี เมื่อวานทางอำเภอก็ส่งคนมาถามกับข้า บอกว่าจะเอาถ่าน ไม่เห็นพวกเจ้าส่งมาสักที ข้าก็เลยร้อนใจรีบมานี่อย่างไร”
เถ้าแก่โจวเหน็ดเหนื่อยตลอดทาง รีบดื่มน้ำ
ความหมายนี้คือ ถ่านพวกนั้นไม่พอกับความต้องการแล้ว?
“ช่วงนี้พวกเรากำลังสร้างบ้านใหม่อยู่ ก็เลยไม่ค่อยได้ไปเผาถ่าน หลายวันก่อนมีถ่านพอดี หรือว่าเถ้าแก่โจวจะนำกลับไปแก้ขัดก่อน? หลังจากโจวกุ้ยหลานอธิบายกับเขาแล้วก็เอ่ยข้อเสนอแนะของตัวเอง”
เถ้าแก่โจวดวงตาพลันเป็นประกาย “มีเท่าไร?”
สวีฉางหลินชี้ถ่านห้าหกกระชุที่อยู่ตรงมุมห้องโถง “มีเท่านั้น”